แอปเปิลพร้อมส่ง"iPad"ทั่วโลกมิถุนายน 2553 นี้


แอปเปิลพร้อมส่ง"iPad"ทั่วโลกมิถุนายน 2553 นี้
แอปเปิล (Apple) เปิดตัวคอมพิวเตอร์พกพาหน้าจอสัมผัสไร้คีย์บอร์ดอย่างเป็นทางการตามคาด ใช้ชื่อไอแพด (iPad) ทำตลาดในราคาเริ่มที่ 499 เหรียญสหรัฐ (ราว 17,000 บาท) ชาวโลกยังต้องร้องเพลงอีกเพราะกำหนดการส่งออกไปวางจำหน่ายนอกสหรัฐฯคือเดือนมิถุนายน

สตีฟ จ็อบส์ ซีอีโอแอปเปิลบรรยายถึงไอแพดว่าเป็นอุปกรณ์ที่สามารถพกพาได้สะดวกกว่าคอมพิวเตอร์แล็บท็อป และมีความสามารถมากกว่าสมาร์ทโฟน การออกแบบถอดรูปมาจากไอโฟนเป็นส่วนใหญ่ หน้าจอสัมผัสขนาด 9.7 นิ้ว ความหนาตัวเครื่อง 0.5 นิ้ว มาพร้อมหน่วยความจำภายในเครื่อง 3 ขนาดได้แก่ 16GB 32GB และ 64GB ผู้ใช้สามารถเล่นอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายข้อมูลไร้สาย Wi-Fi สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมแบบไร้สายด้วยเทคโนโลยี Bluetooth การันตีแบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง แถมสามารถเปิดเครื่องพร้อมใช้งานได้นาน 1 เดือนโดยไม่ต้องชาร์จไฟ

แอปเปิลเปิดทางเลือกให้ผู้บริโภคที่ต้องการและไม่ต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ความเร็วสูงอย่าง 3G โดยรุ่นที่เป็น Wi-Fi อย่างเดียวจะจำหน่ายในราคา 499, 599 และ 699 เหรียญตามขนาดความจุ แต่หากเป็นรุ่นที่รองรับ 3G ด้วย จะมีราคา 629, 729 และ 829 เหรียญตามขนาดหน่วยความจำ เท่ากับราคาเครื่องรุ่นสูงที่สุดของไอแพดคือราว 28,000 บาท

ครั้งนี้แอปเปิลไม่ได้บังคับให้ลูกค้าไอแพดใช้บริการข้อมูลกับค่ายโอเปอเรเตอร์รายเดียวแบบที่เคยทำกับไอโฟน แต่แอปเปิลก็ยังประกาศโปรโมชันของเอทีแอนด์ที (AT&T) ซึ่งมีราคาเริ่มที่ 14.99 เหรียญต่อเดือน (ราว 500 บาท) จำกัดการใช้งานข้อมูลที่ 250MB และแบบไม่อั้น 29.99 เหรียญ ทั้งหมดไม่กำหนดระยะเวลาสัญญา

ไอแพดรุ่น 3G จะวางจำหน่ายในสหรัฐฯเดือนเมษายนนี้ โดยแอปเปิลยังไม่ประกาศรายละเอียดการจำหน่ายเครื่องบนเครือข่ายข้อมูลต่างประเทศในขณะนี้

เรื่องของไอแพดนั้นมีการวิเคราะห์แตกต่างกันไป บางรายเชื่อว่าไอแพดคือดาวรุ่งในกลุ่ม laptop replacement ซึ่งเน้นกลุ่มที่ต้องการมองหาอุปกรณ์ใหม่มาแทนที่แล็บท็อปตัวเดิม เนื่องจากแอปเปิลพัฒนา"โปรแกรมคีย์บอร์ด"มาให้ผู้ใช้สามารถกดพิมพ์บนหน้าจอไอแพดได้โดยตรง (ลักษณะเดียวกับการกดโปรแกรมแผงตัวเลขบนไอโฟนเพื่อโทรศัพท์หรือพิมพ์ข้อความ) ขณะที่บางรายเชื่อว่าฟีเจอร์ในไอแพดยังไม่เพียงพอต่อการครองใจผู้บริโภค ที่ยังต้องการฟีเจอร์ด้านเครือข่ายสังคมสูงมาก

บนเวที ผู้บริหารแอปเปิลสาธิตการท่องเว็บบนไอแพดด้วยเบราว์เซอร์ Safari, การพิมพ์อีเมลด้วยโปรแกรมคีย์บอร์ดบนหน้าจอ และการชมอัลบั้มรูปภาพด้วยการใช้นิ้วสัมผัสหน้าจอ ที่สำคัญคือการสาธิตร้านจำหน่ายหนังสือออนไลน์ใหม่บนไอจูนส์นามไอบุ๊กส์ (iBooks) บนหน้าตาโปรแกรมสำหรับอ่านที่ให้ความรู้สึกเหมือนการอ่านจากหน้ากระดาษ ซึ่งแน่นอนว่านาทีนี้ เครื่องอ่านอีบุ๊กของอเมซอนอย่างคินเดิล (Kindle) และค่ายอื่นๆต่างรู้ดีว่าไอแพดคือข้าศึกตัวเบ้งที่จะต้องฟาดฟันกันไปอีกหลายปี

เช่นเดียวกับไอพ็อดและไอโฟน น้องใหม่ไอแพดสามารถเชื่อมต่อหรือ sync กับระบบปฏิบัติการแมคอินทอช (Macintosh) ของแอปเปิลและวินโดวส์ (Windows) ของไมโครซอฟท์ได้ โดยจ็อบส์ระบุว่าไอแพดสามารถให้ความรู้สึกที่เหนือกว่าแล็บท็อปและสมาร์ทโฟนในการเล่นเกมและดูวิดีโอ มาพร้อมซอฟต์แวร์ปฏิทินงาน แผนที่ และไอจูนส์เพื่อให้ไอแพดเป็นเครื่องเล่นเพลงเหมือนไอพ็อด

จ็อบส์ยอมรับบนเวทีว่าแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์หรือคอมพิวเตอร์ไร้คีย์บอร์ดอย่างไอแพดนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ กำเนิดขึ้นบนโลกมานานกว่า 10 ปีแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่จ็อบส์มั่นใจว่า ผู้บริโภคที่มีทั้งสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์แล็บท็อปอยู่แล้ว จะอยากได้ไอแพดมาไว้ในครอบครอง

"เพื่อสร้างอุปกรณ์ที่ถือว่าเป็นอุปกรณ์ประเภทใหม่ที่แท้จริง อุปกรณ์เหล่านั้นจะต้องสามารถทำงานบางชนิดที่เป็นงานหลักได้ดีมากอย่างเห็นได้ชัด เราคิดว่าเรามีสินค้านั้นแล้ว เราคิดว่าเราทำสำเร็จแล้ว"

แอปเปิลยืนยันว่า โปรแกรมแอปพลิเคชันที่นักพัฒนาสร้างมาเพื่อไอโฟนนั้นสามารถทำงานบนไอแพดได้ เท่ากับนักพัฒนาไม่ต้องเหนื่อยหลายรอบ โดยงานนี้แอปเปิลได้เปิดให้นักพัฒนาดาวน์โหลดซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่สำหรับสร้างโปรแกรมเพื่อใช้บนทั้งไอโฟนและไอแพดด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกเต็มที่บนความหวังให้ผู้ใช้ไอแพดมีแอปพลิเคชันจำนวนมหาศาลให้เลือกใช้

โปรแกรมอ่านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ (New York Times) และเกมจากอีเอ (Electronic Arts) ถูกนำมาสาธิตผ่านไอแพดบนเวทีอย่างน่าตื่นตา ท่ามกลางเสียงปรบมือของสื่อมวลชนและบล็อกเกอร์จำนวนมาก แน่นอนว่าแอปเปิลสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้มากโข ส่งให้มูลค่าหุ้นของแอปเปิลเพิ่มขึ้น 1% ทันทีหลังประกาศ ก่อนจะปิดที่ 207.98 เหรียญ

รอยยิ้มของสตีฟ จ็อบส์บนเวทีนี้กลบความน่าใจหายเรื่องความผอมบางของร่างกายลงได้ดีทีเดียว สีหน้าของจ็อบส์บนเวทีหลังจากเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับและรักษาตัวเป็นเวลานานกว่า 5 เดือนครึ่งดูสดชื่นและมั่นใจกว่างานประชุมแอปเปิลในปีที่แล้วมากนัก


ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9530000012524

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น