แอปเปิลผูกขาดตลาด ยักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล (Apple) อาจต้องเตรียมรับมือการสอบสวนในข้อหาผูกขาดตลาด เพราะล่าสุดสื่ออเมริกันรายงานข่าววงในว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯกำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะตรวจสอบแอปเปิลในข้อหาละเมิดกฏหมายการค้าเสรีหรือไม่ เนื่องจากแอปเปิลกำหนดให้นักพัฒนาโปรแกรมใช้เครื่องมือของแอปเปิลเท่านั้น หากต้องการสร้างแอปพลิเคชันสำหรับใช้งานบนสินค้าแอปเปิลทั้งไอแพด (iPad) และไอโฟน (iPhone) ทำให้ซอฟต์แวร์จากค่ายอื่นถูกกีดกันไม่ให้ร่วมแข่งขัน และบริษัทรายย่อยต้องรับภาระทางการเงินมากเกินจำเป็น
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ (New York Post) คือสื่ออเมริกันรายแรกที่รายงานข่าวเรื่องนี้ ระบุว่าหน่วยงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมสหรัฐฯทั้งคณะกรรมการการค้าสหรัฐฯหรือเอฟทีซี (Federal Trade Commission) และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังเจรจาว่าจะตรวจสอบนโยบายของแอปเปิลหรือไม่ โดยคาดว่าผลการตัดสินใจจะได้ข้อสรุปในไม่นาน
นโยบายของแอปเปิลที่เสี่ยงต่อข้อหาผูกขาดตลาด คือการที่แอปเปิลไม่ยอมให้นักพัฒนาใช้โปรแกรมแฟลช (Flash) ในการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับใช้บนไอโฟนและไอแพด อ้างว่าแฟลชยังเป็นแพลตฟอร์มที่ไม่เสถียร ไม่มีความปลอดภัย และไม่จำเป็นต่อผู้ใช้ไอโฟนและไอแพด ทั้งที่แฟลชเป็นซอฟต์แวร์ที่นักพัฒนาจำนวนมากใช้สร้างเกมและวิดีโอบนอินเทอร์เน็ต สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้รูปการณ์ดูเหมือนว่าอโดบี (Adobe Systems Inc) ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาแฟลช ถูกกีดกันไม่ให้ร่วมแข่งขันในตลาดไอโฟนและไอแพดที่มีความคึกคักสุดขีด
ความคึกคักที่ว่านี้หมายถึงยอดจำหน่ายไอโฟนที่ถูกการันตีว่ามีจำนวนเกิน 50 ล้านเครื่องแล้วนับตั้งแต่การเปิดตัวในปี 2007 ขณะที่ไอแพดสามารถจำหน่ายได้เกิน 1 ล้านเครื่องแล้วหลังการเปิดตัวในวันที่ 3 เมษายน 2010 ที่ผ่านมา แอปพลิเคชันสำหรับไอโฟนและไอแพดขณะนี้มีจำนวนราว 200,000 ชิ้นแล้ว รายได้แอปพลิเคชันจะถูกแบ่งให้นักพัฒนา 70% และแอปเปิลเก็บไว้เอง 30% ถือเป็นตลาดขนาดมหึมาที่ทุกคนอยากลงมาร่วมชิงชัย
ในแง่ของนักพัฒนา นโยบายของแอปเปิลทำให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ไอโฟนและไอแพดทุกคนถูกผูกติดไว้กับแพลตฟอร์มเดียว ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการสร้างแอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์มแฟลช ภาระทางการเงินที่เกิดขึ้นถูกมองเป็นอุปสรรคที่ทำให้บริษัทขนาดกลางและเล็กไม่สามารถแข่งขันได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทั้งกระทรวงยุติธรรมและเอฟทีซียังไม่ออกมาตอบรับว่าจะมีกระบวนการตรวจสอบแอปเปิลหรือไม่อย่างไรในขณะนี้ เช่นเดียวกับอโดบีที่ปฏิเสธจะให้ความเห็นใดๆหากแอปเปิลถูกตรวจสอบจนได้รับคำสั่งให้เปลี่ยนนโยบาย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แอปเปิลตกอยู่ในวังวนข้อหาขัดขวางการแข่งขันในตลาด โดยก่อนหน้านี้ แอปเปิลถูกกดดันจากเอฟทีซีจนทำให้"อีริก ชมิตท์"ซีอีโอกูเกิลต้องลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารแอปเปิล เนื่องจากกฎหมายของสหรัฐฯระบุว่า ห้ามบริษัทคู่แข่งอันดับ 1 และ 2 ในอุตสาหกรรมเดียวกันมีกรรมการบริหารเป็นคนเดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณี 2 บริษัทร่วมมือกันกีดกันคู่แข่งรายอื่นในตลาด เพราะอาจทำให้ผู้บริโภคเสียประโยชน์จากการแข่งขันที่ไม่เสรี ซึ่งกรณีของแอปเปิลและกูเกิลที่กลายเป็นคู่แข่งในหลายตลาด ชมิตท์จึงต้องลาออกจากแอปเปิลตามระเบียบ
หากการตรวจสอบทำให้นโยบายของแอปเปิลเปลี่ยนแปลงไปจริง เชื่อว่าการพัฒนาแอปพลิเคชันบนไอโฟนและไอแพดจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น จนทำให้เกิดแอปพลิเคชันมากมายเพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้บริโภค แต่ผลเสียที่อาจเกิดขึ้นคือ ความสามารถและความเสถียรของไอโฟนและไอแพดที่อาจจะลดลง ตามเหตุผลที่แอปเปิลประกาศไว้ชัดเจนถึงการปฏิเสธแพลตฟอร์มแฟลช และได้รับเสียงเห็นด้วยอย่างมากจากสังคมออนไลน์
Company Related Link :
Apple
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น