กูเกิลเปิด"คาเฟอีน" ตัวช่วยผลเสิร์ชกูเกิล"สดใหม่"ขึ้น คาเฟอีนทำให้คนสดชื่น แต่ "กูเกิลคาเฟอีน (Google Caffeine)" ทำให้ผลการสืบค้นข้อมูลออนไลน์บนหน้าเว็บกูเกิลสดใหม่ขึ้นแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
กูเกิลใช้เว็บล็อกของตัวเองเปิดตัวระบบค้นหาใหม่ล่าสุดในชื่อ คาเฟอีน โดยการันตีว่าจะเป็นระบบที่มีความเร็วในการจัดอันดับดัชนีเว็บได้เร็วและใหม่กว่าระบบเดิมของกูเกิลถึง 50% และสามารถแสดงผลเว็บที่เกี่ยวข้องได้มากกว่าที่เคยทำมา ครอบคลุมทั้งข่าว เว็บล็อก และกระทู้ โดยกูเกิลการันตีว่าคอนเทนต์ทันสมัยอย่างข้อความทวีต (Tweet) จะสามารถถูกเสิร์ชพบได้เร็วกว่าเดิม
ผลเสิร์ชที่ใหม่ขึ้นและการแสดงที่เร็วขึ้นไม่ได้แปลว่ากูเกิลเลิกใช้สูตรแสดงผลการค้นหาเว็บที่มีอยู่โดยสิ้นเชิง แต่เป็นการปรับระเบียบวิธีการจัดทำดัชนีให้การอัปเดทข้อมูลสามารถเกิดขึ้นในทันที แทนที่จะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในแบบเดิม ทำให้ผลการค้นหาที่ได้มีความทันสมัย และรองรับข้อมูลแบบทันเหตการณ์อย่างข้อความทวีตในทวิตเตอร์ (Twitter) และข้อความอัปเดทสถานะในเฟสบุ๊ก (Facebook) ได้เร็วขึ้น
[กราฟิกแสดงรูปแบบการจัดทำดัชนีเว็บไซต์จำนวนมหาศาลหลากหลายรูปแบบ ] ต้องยอมรับว่า การปรับปรุงวิธีการทำดัชนีเว็บไซต์ของกูเกิลนั้นเกิดขึ้นเพื่อเสริมเขี้ยวเล็บให้กูเกิลสามารถแข่งขันกับคู่แข่งเสิร์ชเอนจิ้นดั้งเดิม และคู่แข่งรายใหม่อย่างเครือข่ายสังคม ที่นับวันจะแย่งลูกค้าที่ต้องการค้นหาข้อมูลไปจากกูเกิลมากขึ้นทุกที เนื่องจากผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยเริ่มมองว่า การค้นหาข้อมูลจากเครือข่ายสังคมนั้นได้ผลที่น่าเชื่อถือมากกว่าการค้นหาจากมหาสมุทรเว็บไซต์ขนาดมโหฬาร
ที่ผ่านมา กูเกิลสามารถครองตำแหน่งเสิร์ชเอนจิ้นเบอร์ 1 ในสหรัฐฯด้วยสัดส่วนตลาด 64% (ข้อมูลเดือนเมษายน) ขณะที่บิง (Bing) ของไมโครซอฟท์และยาฮู (Yahoo!) ซึ่งเป็นพันธมิตรเหนียวแน่นในขณะนี้มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 30%
การประกาศใช้งานกูเกิลคาเฟอีนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังการทดสอบบริการเมื่อเดือนกันยายน 2009 ที่ผ่านมา โดยนานาเว็บไซต์และนักวิเคราะห์ต่างให้ความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่คือพัฒนาการที่สำคัญของโลกเรียลไทม์อินเทอร์เน็ต ซึ่งจะไม่เพียงทำให้เกิดความเชื่อถือในกูเกิลจนทำให้มูลค่าหุ้นของกูเกิลพุ่งกระฉูด แต่ยังหมายถึงรายได้จากการโฆษณาของกูเกิล ที่เชื่อว่าจะเติบโตอย่างฉุดไม่อยู่นับจากนี้ How Search Works
Company Related Links :
Google
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น