อีบุ๊กผงาด ขายดีกว่าหนังสือ วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม 2553 คือวันที่ประวัติศาสตร์แห่งวงการหนังสือต้องจารึกไว้ เพราะอเมซอน (Amazon) ผู้จำหน่ายหนังสือออนไลน์รายใหญ่ของโลกประกาศว่ายอดจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์หรืออีบุ๊กสำหรับเครื่องอ่านอีบุ๊กของอเมซอนอย่าง "คินเดิล (Kindle)" นั้นมีจำนวนมากกว่ายอดจำหน่ายหนังสือปกแข็งหรือ hardcover book แล้วในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวนี้เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนสหรัฐฯอย่างมาก เนื่องจากในสหรัฐฯ สำนักพิมพ์จะเริ่มต้นพิมพ์หนังสือใหม่ในรูปปกแข็งก่อน และจำหน่ายในราคาแพง หากได้รับเสียงตอบรับดี สำนักพิมพ์จึงจะตีพิมพ์หนังสือปกติต่อไป สิ่งที่เกิดขึ้นจึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในสังคมนักอ่านอเมริกัน เนื่องจากเมื่ออีบุ๊กทำให้หนังสือปกแข็งจำหน่ายได้ไม่ดี สำนักพิมพ์อเมริกันก็จะตกลงใจพิมพ์หนังสือน้อยลง
** อีบุ๊กขายมากกว่า 80% **
อเมซอนให้ข้อมูลว่า ยอดจำหน่ายอีบุ๊กสำหรับคินเดิลโดยเฉลี่ยนั้นสูงกว่ายอดจำหน่ายหนังสือปกแข็งราว 43% โดยระบุว่าสามารถจำหน่ายอีบุ๊กคินเดิลได้ 143 เล่มต่อการจำหน่ายหนังสือปกแข็ง 100 เล่ม ซึ่งจำนวนนี้รวมหนังสือปกแข็งที่ไม่มีการจำหน่ายอีบุ๊กสำหรับคินเดิลไว้ด้วย
ที่น่าสนใจคือ ตัวเลขดังกล่าวมีทิศทางที่เติบโตรวดเร็วขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา อเมซอนระบุว่าอัตรายอดจำหน่ายอีบุ๊กนั้นสูงกว่าหนังสือปกแข็งถึง 80% โดยอเมซอนสามารถจำหน่ายอีบุ๊ก 180 เล่มได้ต่อการจำหน่ายหนังสือปกแข็ง 100 เล่ม
ปัจจุบัน อเมซอนวางจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สำหรับคินเดิลราว 630,000 เล่ม ถือว่ายังคิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่าหนังสือเล่มกระดาษหลายล้านเล่มที่อเมซอนวางจำหน่าย
เรื่องนี้ Jeffrey P. Bezos ซีอีโออเมซอนให้ความเห็นว่าสถิติความสำเร็จของอีบุ๊กนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากอเมซอนนั้นจำหน่ายหนังสือปกแข็งนี้มานาน 15 ปี แต่เพิ่งเริ่มจำหน่ายอีบุ๊กเพียง 33 เดือนที่ผ่านมา โดยระบุว่าสถิติยอดจำหน่ายอีบุ๊กเหล่านี้ไม่นับรวมอีบุ๊กสำหรับคินเดิลแจกฟรีซึ่งมีจำนวนกว่า 1.8 ล้านเล่ม
อย่างไรก็ตาม อเมซอนไม่เปิดเผยสัดส่วนการขายอีบุ๊กเมื่อเทียบกับการจำหน่ายหนังสือปกอ่อน โดยระบุเพียงว่า ยอดจำหน่ายหนังสือปกอ่อนนั้นยังคงมีสัดส่วนสูงกว่าอีบุ๊กตามปกติ
** หนังสือตีพิมพ์น้อยลง **
นักวิเคราะห์ Mike Shatzkin ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหารบริษัท Idea Logical Company ที่ปรึกษาสำนักพิมพ์ในยุคดิจิตอล ให้ความเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือทิศทางการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยเชื่อว่าอีก 10 ปีนับจากนี้ จะมีหนังสือเพียง 25% เท่านั้นที่ถูกตีพิมพ์บนกระดาษ
สื่ออเมริกันมองว่าปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมยอดจำหน่ายอีบุ๊กของอเมซอนคือการขยายตลาดจำหน่ายอีบุ๊กในหลายพื้นที่ประเทศอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ความยืดหยุ่นในการนำไฟล์อีบุ๊กไปเล่นบนอุปกรณ์ใดก็ได้ทั้ง iPad, iPhone, BlackBerry หรือโทรศัพท์มือถือ Android โดยประเด็นหลัง การปรับลดราคาเครื่องอ่านอีบุ๊กที่ลดราคาลงต่ำกว่า 200 เหรียญล้วนส่งผลในแง่บวกทั้งสิ้น
นอกจาก iPad ซึ่งแอปเปิลระบุว่าสามารถจำหน่ายได้แล้ว 3 ล้านเครื่อง นักวิเคราะห์จากฟอเรสเตอร์รีเสิร์ช (Forrester Research) ก็เชื่อว่าผู้ค้าปลีกจะสามารถจำหน่ายเครื่องอ่านอีบุ๊กได้อีก 6.6 ล้านเครื่องในปีนี้
เครื่องอ่านอีบุ๊กคินเดิล มียอดจำหน่ายสูงกว่าหนังสือปกแข็งราว 43 เปอร์เซ็นต์
เครื่องอ่านอีบุ๊กจากอเมซอน
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น