แคนนอนผนึกโอเซ่ อุดช่องว่างตลาดงานพิมพ์ดิจิตอลความเร็วสูง ยังคงแบรนด์โอเซ่ต่อ หวังขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งตลาดงานพิมพ์ดิจิตอลโลก หลังพบแนวโน้มอุตสากกรรมหนังสือโลกกำลังเปลี่ยน
อันเดรียส เลอบเบอร์ส กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเซ่ (ประเทศไทย) กล่าวว่าเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาแคนนอนกรุ๊ป ประเทศญี่ปุ่นได้เข้าซื้อหุ้นของโอเซ่บริษัทแม่ที่เนเธอร์แลนด์ 90% โดยแคนนอนยังจะซื้อหุ้นที่เหลืออีก 10% จากผู้ถือหุ้นรายย่อยเพื่อให้ครบ 100% ภายในเร็วๆ นี้ ซึ่งหากแล้วเสร็จจะทำให้โอเซ่กลายเป็นแผนกหนึ่งในแคนนอนกรุ๊ปเต็มรูปแบบ แต่เวลานี้การดำเนินธุรกิจของโอเซ่ยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่เริ่มมีความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยี การตลาด และการขายร่วมกันมากขึ้น
อันเดรียส เลอบเบอร์ส กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเซ่ (ประเทศไทย)
'การเข้าถือหุ้นครั้งนี้ทางแคนนอนยังคงแบรนด์โอเซ่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน โดยโอเซ่ยังคงโฟกัสในตลาดงานพิมพ์ความเร็วสูงสำหรับงานผลิตหนังสือเหมือนเดิม ในขณะที่แคนนอนก็ยังโฟกัสในตลาดคอมเมอร์เชียลที่เป็นจุดแข็งของแคนนอนเหมือนเดิม ซึ่งเป็นการเสริมตลาดซึ่งกันและกัน'
อันเดรียส กล่าวว่า ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่มีโปรดักส์ไลน์ในส่วนงานพิมพ์ในตลาดอื่นเสริมเข้ามา โดยเฉพาะงานพิมพ์ทางด้านโฟโต้ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของแคoนอน ซึ่งเป็นตลาดที่โอเซ่ไม่ได้เน้นอยู่แล้ว
ด้าน นายวิชิต พัฒนาทร ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจระบบการพิมพ์ดิจิตอล กล่าวว่า การนำผลิตภัณฑ์ของแคนนอนเข้ามาทำตลาดร่วมกับโอเซ่นั้น จะเริ่มดำเนินการอย่างจริงจังประมาณต้นปีหน้า โดยปัจจุบันเริ่มมีการพัฒนาเทคโนโลยีในผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ร่วมกันบ้างแล้ว
การเข้าซื้อกิจการโอเซ่ของแคนอนกรุ๊ปเป็นการอุดช่องว่างในตลาดสำหรับงานพิมพ์ความเร็วสูง ซึ่งเป็นตลาดที่แคนนอนยังไม่ได้เข้าไปมากนัก ขณะที่คู่แข่งในตลาดงานพิมพ์อย่างเอชพีได้ขยับไปก่อนหน้านี้แล้วหลายปี แคนนอนมองเป้าหมายที่จะก้าวเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดงานพิมพ์ดิจิตอล หลังจากที่มีโอเซ่เข้ามาเสริมทัพ โดยปัจจุบัน โอเซ่ มีส่วนแบ่งตลาดงานพิมพ์ดิจิตอลความเร็วสูงอยู่ประมาณ 50% มีอัตราการเติบโตต่อปี 15-20%
อันเดรียส กล่าวว่า ถึงแม้อีบุ๊กจะได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ยังไม่ส่งผลกระทบกับหนังสือเล่มมากนัก เนื่องจากหนังสือสามารถหยิบมาอ่านที่ใดก็ได้ ขณะที่สำนักพิมพ์หนังสือเล่มเริ่มมีความยุ่งยากในเรื่องของสต็อกหนังสือ ด้วยเหตุนี้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบดิจิตอลจึงกลายเป็นโซลูชั่นที่จะสามารถเข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าวทำให้สำนักพิมพ์ สามารถผลิตหนังสือเล่มในจำนวนที่ต้องการได้ (พรินท์ออนดีมานด์)
“เทคโนโลยีนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ยุโรป เติบโตถึง 20% ต่อปี ซึ่งแนวโน้มการพิมพ์แบบดิจิตอลในอนาคตเชื่อว่าจะเติบโตได้ถึง 30% แต่สำหรับในประเทศไทยถึงแม้จะเพิ่งเริ่มได้ไม่นานแต่โอกาสที่สำนักงานพิมพ์ต่างๆ หันมาใช้งานพิมพ์แบบดิจิตอลนับวันจะเพิ่มขึ้นเหมือนกับแนวโน้มที่เกิดขึ้นในตลาดโลก”
แคนนอนผนึกโอเซ่ กินรวบตลาดพรินท์ดิจิตอล
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น