tag:blogger.com,1999:blog-19263574584970395302024-03-13T05:59:29.792+07:00@..TOP HIT IT..@TOP HIT IT iT ข้อมูลโทรศัพย์มือถือ โทรศัพท์มือถือ มือถือออกใหม่ iPhone 3G[3g phones]chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.comBlogger1352125tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-13059385338552629302012-07-10T23:13:00.000+07:002012-07-10T23:13:23.312+07:00'BlackBerry 10 Jam' จัดในไทยปลายปีนี้<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjI1fs6xOMhLZwsYY69Lh00QhK4a_XoAUBnz2KveJQlWq07zJLiNKDh1FvAIg9g0VbgWcB-81_2osRy1NKDgdCV-HNfSfM7J7VVi6obYAZ7S3akZhODRtFzKU9XeYnY4hRByfY0nBl_D1fn/s1600/001.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjI1fs6xOMhLZwsYY69Lh00QhK4a_XoAUBnz2KveJQlWq07zJLiNKDh1FvAIg9g0VbgWcB-81_2osRy1NKDgdCV-HNfSfM7J7VVi6obYAZ7S3akZhODRtFzKU9XeYnY4hRByfY0nBl_D1fn/s1600/001.JPEG" /></a></div>'BlackBerry 10 Jam' จัดในไทยปลายปีนี้<br />
แม้จะเลื่อนเปิดตัวระบบปฏิบัติการแห่งอนาคต 'แบล็กเบอรี่เทน (BlackBerry 10)' ออกไป แต่ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแบล็กเบอรี่อย่างริม (RIM) เดินหน้ากระตุ้นนักพัฒนาทั่วโลกเต็มที่ด้วยการจัดงาน BlackBerry 10 Jam World Tour ล่าสุดบุกตลาดเอเชียด้วยการจัดงานในประเทศสิงคโปร์พร้อมกับยั่วใจด้วยตัวเลขรายได้สูงถึง 10,000 เหรียญสหรัฐที่นักพัฒนาแอปพลิเคชันบีบีบางรายทำได้ในปีแรก แย้มงานแบล็กเบอรี่แจมจะจัดในไทยช่วงปลายปีนี้หากไม่มีวิกฤติน้ำท่วมเหมือนปีก่อน<br />
<a name='more'></a><br />
Alec Suanders รองประธานฝ่ายความสัมพันธ์นักพัฒนา บริษัท รีเสิร์ช อิน โมชั่น กล่าวในงาน BlackBerry 10 Jam World Tour ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่าริมไม่ได้อยู่ในภาวะนักพัฒนาถอยห่างตามยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนบีบีที่ลดลง โดยระบุว่าวันนี้แอปพลิเคชันที่ถูกเพิ่มเข้าสู่ร้านดาวน์โหลดแอปฯ'Blackberry App World' นั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 226%<br />
<div style="display:block;float:Right;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* 300x250มีขอบ */
google_ad_slot = "9612261649";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div><br />
'แอปพลิเคชันสำหรับแท็บเล็ตเพลย์บุ๊กถูกเพิ่มใน App World 240% เราลงทุนเพื่อสร้างระบบนิเวศน์ทางเศรษฐกิจกับนักพัฒนามากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ทุกภูมิภาคทั่วโลก และจะยังลงทุนต่อไป'<br />
<br />
BlackBerry 10 Jam World Tour เป็นงานประชุมนักพัฒนาที่ริมจัดขึ้นเพื่อดึงนักพัฒนาให้มาทำความรู้จักกับระบบปฏิบัติการน้องใหม่ BlackBerry 10 บนความหวังว่านักพัฒนาเหล่านี้จะเริ่มสร้างแอปฯเพื่อให้เสร็จทันกำหนดการเปิดตัว BlackBerry 10 ช่วงต้นปี 2013 พอดี<br />
<br />
เนื้อหาที่ถูกเผยแพร่ในงานประชุมครั้งนี้ไม่ต่างกับงาน BlackBerry 10 Jam World Tour ที่จัดขึ้นใน 4 ทวีปทั่วโลกตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เช่น สถิติว่าผู้ใช้บีบี 87% ใช้งานเครือข่ายสังคมทุกวัน (สูงกว่าอัตราส่วนมาตรฐานของผู้ใช้สมาร์ทโฟนรายอื่น 63%) ขณะที่ผู้ใช้ 26% มีการติดต่อกับผู้คนมากกว่า 50 รายต่อสัปดาห์ ซึ่งถือว่าสูงกว่า 12% ตัวเลขเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนอื่น<br />
<br />
ระบบปฏิบัติการแห่งอนาคต BlackBerry 10 ถูกนำมาแสดงคุณสมบัติในงานทั้งซอฟต์แวร์คีย์บอร์ดใหม่ที่สามารถเดาคำล่วงหน้าเพื่อให้ผู้ใช้พิมพ์งานได้เร็วกว่าเดิม รวมถึงรูปแบบส่วนติดต่อผู้ใช้แบบ Cascade ที่ถูกการันตีว่าสามารถเรียนรู้และสร้างแอปฯได้รวดเร็วในเวลาไม่กี่สัปดาห์<br />
<br />
ผู้บริหารริมยังย้ำว่าความต้องการแอปฯของผู้ใช้บีบีนั้นเพิ่มขึ้นถึง 220% โดยปัจจุบัน ร้าน App World ซึ่งมีแอปฯ จำนวน 89,000 แอปฯนั้นถูกดาวน์โหลดไปมากกว่า 3 พันล้านครั้ง ซึ่งเพียง 1 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ค้าแอปฯบีบีนั้นเพิ่มขึ้นถึง 254% คิดเป็นมากกว่า 40,000 รายแล้วในขณะนี้<br />
<br />
ที่น่าสนใจคือแอปฯทั้งหมดจะสามารถส่งไปทำงานบนระบบปฏิบัติการ BlackBerry 10 โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนหรือปรับเปลี่ยนคำสั่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น<br />
<br />
BlackBerry 10 Jam World Tour ที่สิงคโปร์มีผู้เข้าร่วมราว 300 คน งานครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่จาการ์ตา อินโดนีเซีย วันที่ 10 ก.ค. สำหรับประเทศไทย ผู้บริหารริมระบุว่ามีกำหนดจัดงาน BlackBerry 10 Jam ในประเทศไทยแน่นอน แต่ยังไม่ยืนยันวันที่จัดงาน เบื้องต้นคาดว่าเป็นปลายปีนี้<br />
ที่มา manager.co.th<br />
<br />
<br />
<br />
<center><br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</center>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-36910859599647957812012-07-10T23:10:00.000+07:002012-07-10T23:10:24.497+07:00Olympus โอลิมปัสโชว์ต้นแบบ “แว่นอัจฉริยะ”<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhgaB-5bdcWmCIKsc1ZNUwfLN0pHS37HUVvwolcNmmbLlqhC4fLEwABoWFcL0TFblr1lQXKU_f-ooMkTbQ_h78uVyFnjrJUR0j5pE3b2k05gXrPzZryxur_GGgoAVnCqnCCGWvdxnLPyoLr/s1600/02.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhgaB-5bdcWmCIKsc1ZNUwfLN0pHS37HUVvwolcNmmbLlqhC4fLEwABoWFcL0TFblr1lQXKU_f-ooMkTbQ_h78uVyFnjrJUR0j5pE3b2k05gXrPzZryxur_GGgoAVnCqnCCGWvdxnLPyoLr/s1600/02.JPEG" /></a></div>Olympus โอลิมปัสโชว์ต้นแบบ “แว่นอัจฉริยะ”<br />
หลังจากกูเกิลเปิดตัว “Project Glass” แว่นอัจฉริยะ เทคโนโลยีเสมือนจริงเมื่อปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่ายักษ์ใหญ่โลกเทคโนโลยีหลายค่ายจะขานรับว่ากำลังง่วนกับการพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะหรือระบบประมวลผลที่สามารถสวมใส่ได้ (wearable computing) อยู่เช่นกัน ล่าสุดโอลิมปัส (Olympus) เปิดตัวต้นแบบแว่นตานามว่า “MEG 4.0” ซึ่งการันตีว่าชาวไอทีจะสามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน<br />
<a name='more'></a><br />
แว่นตาไฮเทคของโอลิมปัสนี้มีชื่อว่า MEG4.0 ถูกนิยามว่าเป็นต้นแบบจอภาพขนาดจิ๋วพิเศษที่สามารถสวมใส่ได้ หรือ ultra-compact wearable display prototype การเปิดตัวครั้งนี้เป็นความคืบหน้าล่าสุดของโอลิมปัส หลังจากสำนักข่าว Engadget เคยรายงานในปี 2005 ว่าโอลิมปัสเป็นบริษัทล่าสุดที่ลงทุนพัฒนาสินค้าประเภทหน้าจอสวมใส่ได้<br />
<div style="display:block;float:Right;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* 300x250มีขอบ */
google_ad_slot = "9612261649";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div><br />
ต้นแบบแว่นตาอัจฉริยะของโอลิมปัสสามารถแสดงภาพความละเอียด QVGA ขนาด 320x240 พิกเซล ตัวแว่นสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาทั้งแท็บเล็ตและโทรศัพท์มือถือได้ผ่านระบบไร้สาย Bluetooth ระบบแสดงผลสามารถโชว์ภาพโปร่งใสเพื่อให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นโลกภายนอกได้ขณะที่ยังสวมใส่อยู่<br />
<br />
โอลิมปัสยืนยันว่าภาพจากแว่นตาอัจฉริยะนี้จะมีความสว่างสดใสชัดเจน และใช้พลังงานน้อย ที่สำคัญคือสามารถให้ภาพคมชัดเมื่อใช้งานนอกอาคาร ทั้งหมดนี้ตัวแว่นมีน้ำหนักเพียง 30 กรัมเท่านั้น<br />
<br />
ข้อมูลระบุว่า ต้นแบบแว่นสามารถฉายภาพในโหมด projection mode ต่อเนื่องนาน 2 ชั่วโมง ขณะที่การใช้งานระบบเสมือน หรือ visual fun จะทำงานได้ 8 ชั่วโมง<br />
<br />
อีกจุดที่น่าสนใจคือ ตัวแว่นจะฝังระบบเซ็นเซอร์ accelerometer เพื่อให้ระบบรู้องศาการเอียงศีรษะเมื่อสวมใส่ จุดนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมหรือใช้งานแอปพลิเคชันตามการเคลื่อนไหวได้<br />
<br />
ข้อแตกต่างสำคัญของ MEG4.0 เมื่อเทียบกับ Project Glass ของกูเกิล คือแว่นตาของโอลิมปัสนั้นไม่มีกล้องดิจิตอลอยู่ภายใน ซึ่งอาจทำให้จุดยืนสินค้าแว่นของโอลิมปัสต่างจากแว่นของกูเกิล โดยแม้จะยังไม่มีการเปิดเผยคุณสมบัติที่แน่ชัด แต่กูเกิลระบุว่าตัวแว่นจะมาพร้อมกล้องดิจิตอล, หน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูง, หน่วยความจำที่เหมาะสม และมี touch pad หรือพื้นที่สำหรับให้ผู้ใช้แตะนิ้วเพื่อควบคุมการทำงานเครื่อง ที่สำคัญ Project Glass ยังจะมีไมโครโฟน, ลำโพง, รองรับคลื่นความถี่หลากหลาย, ติดตั้งระบบเซ็นเซอร์หลายตัวเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหว และมีระบบเข็มทิศ<br />
<br />
สรุปคือ กูเกิลวาง Project Glass ในฐานะแว่นตาอัจฉริยะที่เป็นเหมือนคอมพิวเตอร์เครื่องจิ๋วซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูล, อ่านข้อความ text ในอุปกรณ์พกพา, ชมวิดีโอออนไลน์, โพสต์ภาพและวิดีโอเข้าสู่เครือข่ายสังคม และทำงานอีกหลายอย่างโดยผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาแตะหน้าจอ หรือล้วงหยิบอุปกรณ์ของตัวเองจากในกระเป๋า โดยล่าสุดกูเกิลประกาศให้นักพัฒนาผู้ร่วมงานประชุมนักพัฒนาประจำปี Google I/O (จัดขึ้นเมื่อปลายเดือน มิ.ย.) สามารถจ่ายเงินจองแว่น 1,500 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 46,500 บาทเพื่อรับแว่นในปี 2013<br />
<br />
แม้จะยังไม่ได้จัดส่งในวันนี้ แต่การเปิดให้สั่งจองแว่น Project Glass ครั้งนี้ทำให้ถูกมองว่าเป็นพัฒนาการสำคัญที่แสดงว่าแว่นอัจฉริยะนี้กำลังจะพร้อมออกสู่ตลาดแมสในเร็ววัน โดยจุดประสงค์ของการเปิดขายต้นแบบแว่นอัจฉริยะของกูเกิลนี้คือการเปิดกว้างให้นักพัฒนาช่วยกันเสนอข้อควรปรับปรุงแว่นตาพันธุ์ใหม่ ขณะเดียวกันก็ร่วมกันพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อให้แว่นตานี้สามารถทำประโยชน์ได้มากขึ้น<br />
<br />
ทั้งหมดนี้ เซอร์เกย์บริน (Sergey Brin) ผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิลระบุว่าแว่นตานี้คือเทคโนโลยีใหม่ที่กูเกิลต้องการให้นักพัฒนาทุกคนมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางเพื่อให้แว่นตานี้สามารถเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคจะได้ใช้งานโดยเร็วที่สุด ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าหากโครงการนี้สามารถพัฒนาได้ต่อเนื่อง แว่นอัจฉริยะรุ่นราคาไม่แพงจากกูเกิลจะสามารถเริ่มทำตลาดได้ในปี 2014<br />
<br />
กูเกิลเชื่อมั่นว่าแว่นตานี้จะทำให้วิถีการใช้งานเทคโนโลยีของผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยเฉพาะวิถีการแบ่งปันหรือการแชร์ภาพและวิดีโอของผู้ที่มีกิจกรรมแหวกแนว จากการสาธิต ผู้สวมแว่นของกูเกิลจะสามารถเห็นแผนที่หรือข้อความจากเพื่อนจากแว่นตา หากต้องการแชตกับเพื่อนก็สามารถทำได้จากแว่นตานี้โดยไม่ต้องถือจับอุปกรณ์พกพา เช่นเดียวกับการถ่ายภาพ ผู้ใช้จะไม่ต้องหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาเล็งอีกต่อไป รวมถึงการซื้อสินค้าบนโลกออนไลน์ที่จะไม่ต้องมีการแตะหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต<br />
<br />
นอกจากกูเกิล แอปเปิล (Apple) ก็มีท่าทีกำลังพัฒนาแว่นตาคอมพิวเตอร์เช่นกัน โดยบริษัทได้ยื่นจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีหน้าจอระบบฝังตัวในแว่นตา และล่าสุดแอปเปิลเพิ่งได้รับสิทธิบัตรอุปกรณ์เสริมในรูปหน้าจอสวมศีรษะที่สามารถฉายภาพโดยตรงสู่ดวงตาผู้ใช้ได้เช่นกัน<br />
<br />
ไม่เพียงแว่นตา บริษัทไอทียังมองเห็นความเป็นไปได้ในการพัฒนาคอนแทกต์เลนส์จิ๋วที่เป็นคอมพิวเตอร์ในตัวได้ จุดนี้มีรายงานว่า บาบัก พาร์วิซ (Babak Parviz) หนึ่งในทีมพัฒนาแว่นตาของกูเกิลซึ่งมีความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีชีวภาพนั้นเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคอนเทกต์เลนส์อิเล็กทรอนิกส์ด้วย ซึ่งทั้งหมดยังไม่มีรายงานเพิ่มเติมในขณะนี้<br />
<br />
ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับงานวิจัยของบริษัทฟอร์เรสเตอร์รีเสิร์ช (Forrester Research) ซึ่งวิเคราะห์ว่าอุปกรณ์ประมวลผลที่สามารถสวมใส่ได้จะนำไปสู่ “สงครามแพลตฟอร์มใหม่” ในอนาคต ซึ่งจะยกระดับจากศึกชิงแชมป์แอปพลิเคชันพกพาในปัจจุบันที่มีผู้เล่นหลักเพียงแอปเปิล กูเกิล ไมโครซอฟท์ อเมซอน และเฟซบุ๊ก<br />
ที่มา manager.co.th<br />
<br />
<br />
<br />
<center><br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</center>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-24761201884520781432012-07-10T23:06:00.000+07:002012-07-10T23:06:30.961+07:00ไมโครซอฟท์หวังยอดขาย ‘Surface’ แค่ล้านเครื่อง<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjH9J2-pcoW8eiQqr5omPI70Vf_4lFFtC52TAkTlXfn6qWXWPrC0QM3DJD_WlkabPFwFC0gm950yGZF4JqMVb0RhegjcytsY39Z6VFDtsdTLX-zV4wJAs68SlI5XM2xMH69W2zfeyTfeUN4/s1600/001.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjH9J2-pcoW8eiQqr5omPI70Vf_4lFFtC52TAkTlXfn6qWXWPrC0QM3DJD_WlkabPFwFC0gm950yGZF4JqMVb0RhegjcytsY39Z6VFDtsdTLX-zV4wJAs68SlI5XM2xMH69W2zfeyTfeUN4/s1600/001.JPEG" /></a></div>ไมโครซอฟท์หวังยอดขาย ‘Surface’ แค่ล้านเครื่อง<br />
หลังเปิดตัวให้เป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วสำหรับแท็บเล็ตใหม่เอี่ยมอ่องจากไมโครซอฟท์นามว่าเซอร์เฟซ (Surface) ล่าสุด สตีฟ บัลเมอร์ ซีอีโอไมโครซอฟท์ได้เผยเป้าเบื้องต้นของเซอร์เฟซโดยคาดหวังยอดขายเครื่องเพียงแค่หลักล้านเครื่องเท่านั้น<br />
<a name='more'></a><br />
สตีฟ บัลเมอร์ ประธานผู้บริหารไมโครซอฟท์ กล่าวภายในงาน Microsoft Worldwide Partner Conference ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ไมโครซอฟท์ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์แท็บเล็ตใหม่ของบริษัทออกมา โดยใช้ชื่อว่าเซอร์เฟซ และจากการประเมินเบื้องต้นคร่าวๆ เชื่อว่ายอดขายแท็บเล็ตเซอร์เฟซจะอยู่ที่หลักล้านเครื่อง<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* 300x250มีขอบ */
google_ad_slot = "9612261649";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div><br />
“เราเชื่อมั่นว่าเซอร์เฟซจะสามารถทำยอดขายหลักล้านเครื่องได้ภายในระยะเวลา 12 เดือนนับตั้งแต่การวางจำหน่าย”<br />
<br />
ทั้งนี้ หากมองถึงตัวเลขดังกล่าวที่ไมโครซอฟท์ได้มีการประเมินยอดขายเบื้องต้นของเซอร์เฟซ พบว่ายอดขายที่ไมโครซอฟท์มองนั้นนับว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างน้อยมาก และหากเทียบกับตัวเลขของเจ้าตลาดแท็บเล็ตอย่างไอแพด (iPad) ที่เริ่มถือฤกษ์เปิดตัวยลโฉมครั้งแรกในปี 2010 ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ 1 ปีก็สามารถผลักดันยอดขายได้ถึง 10 ล้านเครื่อง ซึ่งจุดนี้เองทำให้หลายฝ่ายประเมินว่าการที่ไมโครซอฟท์ตั้งเป้ายอดขายเบื้องต้นของเซอร์เฟซเพียงแค่ 1 ล้านเครื่องนั้น เป็นเพราะพี่เบิ้มแห่งวงการไอทีอาจจะไม่ได้เน้นผลิตภัณฑ์นี้ก็เป็นได้<br />
<br />
นอกจากนี้ยังมีรายงานจากเว็บไซต์นีโอวิน (Neowin) ที่อ้างแหล่งข่าวมาจากเว็บไซต์ดิจิไทม์ (Digitime) ว่า ขณะนี้ไมโครซอฟท์ได้พบเจอปัญหาเล็กน้อยเกี่ยวกับโครงสร้างของตัวเครื่องเซอร์เฟซแล้ว โดยความต้องการของไมโครซอฟท์นั้นต้องการให้โครงสร้างของเครื่องผลิตมาจากแมกนีเซียม-อะลูมิเนียม แต่ผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศจีนกลับไม่สามารถสนองความต้องการของไมโครซอฟท์ได้ จนต้องเปลี่ยนไปใช้เป็นเมกเวเปอร์ (MegVapor) แทน<br />
<br />
สำหรับแท็บเล็ตเซอร์เฟซของไมโครซอฟท์จะมีรูปแบบการแบ่งตลาดวางจำหน่ายออกเป็น 2 รุ่น คือ Windows 8 RT และ Windows 8 Pro โดยที่รุ่น Windows 8 RT จะใช้ชิปเออาร์เอ็ม (ARM) ของเอ็นวิเดีย (NVIDIA) ส่วนรุ่น Windows 8 Pro จะใช้เป็นชิปเซตไอวีบริดจ์ (Ivy Bridge) ของอินเทล (Intel)<br />
<br />
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการของแท็บเล็ตรุ่นนี้ของไมโครซอฟท์ โดยเบื้องต้นทราบแต่เพียงว่ารุ่น Windows RT จะวางจำหน่ายพร้อมกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 (Windows 8) ส่วนรุ่น Pro จะวางจำหน่าย 3 เดือนหลังจากนั้น <br />
ที่มา manager.co.th<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<center><br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</center>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-16308742733137196862012-05-29T13:38:00.001+07:002012-05-29T13:39:47.289+07:00เฟซบุ๊ก กำลังวางแผนผลิต"สมาร์ทโฟน เตรียมวางขายแน่ปีหน้า<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi9wDeDAIyrTyIDkDpw-LUf7dMXkNA5kbPLMtPaBE3_2_XTthjpHYbE7OFbfBGAGg2J21FuNV0ZOR_kYNfzoZ9ILmPsD3mIdBRl2KlPT_NhGpVVs-awwujnN3GBk79e2dQXziuwcnk2Fwy-/s1600/1.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="180" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi9wDeDAIyrTyIDkDpw-LUf7dMXkNA5kbPLMtPaBE3_2_XTthjpHYbE7OFbfBGAGg2J21FuNV0ZOR_kYNfzoZ9ILmPsD3mIdBRl2KlPT_NhGpVVs-awwujnN3GBk79e2dQXziuwcnk2Fwy-/s320/1.jpg" width="320" /></a></div>เฟซบุ๊ก กำลังวางแผนผลิต"สมาร์ทโฟน เตรียมวางขายแน่ปีหน้า<br />
รายงานข่าวจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ ระบุว่า "เฟซบุ๊ก" เว็บไซต์สังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเตรียมผลิตสมาร์ทโฟนในชื่อของตนเองภายในปีหน้า<br />
<br />
นิวยอร์กไทมส์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งรวมถึงพนักงานของเฟซบุ๊กว่า บริษัทได้ว่าจ้างอดีตวิศวกรด้านซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์จากแอปเปิล ที่เคยร่วมผลิตไอโฟนและไอแพดเข้ามาหลายราย <br />
<a name='more'></a><br />
หากข่าวนี้เป็นจริง นี่จะเป็นความพยายามครั้งที่ 3 ของเฟซบุ๊กในการสร้างแบรนด์สมาร์ทโฟน <div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* 300x250มีขอบ */
google_ad_slot = "9612261649";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>โดยเมื่อปี 2010 เว็บไซต์เทคครันช์ รายงานว่าเฟซบุ๊กกำลังวางแผนผลิตสมาร์ทโฟน และโครงการดังกล่าวล้มเลิกไปหลังจากพบว่ามีข้อยุ่งยากในการผลิตมากเกินไป ขณะที่เมื่อปีก่อน มีรายงานเล็ดรอดออกมาว่า เฟซบุ๊กและเอชทีซี แบรนด์โทรศัพท์มือถือจากไต้หวัน ร่วมเป็นหุ้นส่วนในการผลิตสมาร์ทโฟน ซึ่งมีชื่อโค้ดเรียกว่า "บัฟฟี่" ซึ่งขณะนี้ ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง<br />
<br />
โดยวิศวกรรายหนึ่งที่เคยทำงานกับแอปเปิล กล่าวว่าเขาได้เข้าพบกับมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กแล้ว ซึ่งได้สอบถามเขาเกี่ยวกับระบบการทำงานภายในของสมาร์ทโฟน อาทิประเภทของชิพ<br />
<br />
จากการสอบถามข่าวลือดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อน เฟซบุ๊กไม่ได้กล่าวปฏิเสธหรือยอมรับว่าโครงการดังกล่าวยังคงมีอยู่หรือไม่ แต่อ้างถึงแถลงการณ์ฉบับก่อนของบริษัทที่ส่งให้เว็บไซต์ AllThingsD เมื่อปีที่แล้ว ที่กล่าวว่า เฟซบุ๊กกำลังทำงานที่ครอบคลุมเกี่ยวกับอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือทั้งหมด ร่วมกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ ผู้ประกอบการด้านโทรศัพท์ และผู้พัฒนาแอพพลิเคชัน<br />
<br />
นิวยอร์กไทมส์ ยังอ้างคำพูดของพนักงานเฟซบุ๊ก ที่กล่าวว่าซัคเคอร์เบิร์กแสดงความกังวลว่า หากเขาไม่สามารถสร้างแบรนด์โทรศัพท์มือถือเป็นของตนเองในอนาคตภายภาคหน้า เฟซบุ๊กก็คงเป็นได้แค่เพียงแอพพลิเคชันในมือถือของยี่ห้ออื่น<br />
<br />
ที่ผ่านมา บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าอิเล็คทรอนิกส์หลายราย พยายามลงชิงชัยในตลาดโทรศัพท์มือถือ อาทิ ฮิวเล็ตต์-แพ็คการ์ด ที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า เช่นเดียวกับเดลล์ ขณะที่โซนี่ ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก<br />
ที่มา matichon.co.th<br />
<br />
<br />
<br />
<center><br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</center>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-81503461159045033342012-04-28T18:18:00.000+07:002012-04-28T18:18:53.873+07:007 วิธีประหยัดแบตเตอรี่ The new iPad<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEizYtW-gWwQXX-_cjrey6Wbpe2RXCs68xN8z2ao4WN-n4O4lFWNFMcx2mmb51IRP9Js5cXiQZYhEHb3J1UIg6wzNLQQ9Kg7wMCXh6Hl1ivfzUz-JkGt7j8jbT3KvXt5iz1uqudK6Hm-lzuO/s1600/2.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEizYtW-gWwQXX-_cjrey6Wbpe2RXCs68xN8z2ao4WN-n4O4lFWNFMcx2mmb51IRP9Js5cXiQZYhEHb3J1UIg6wzNLQQ9Kg7wMCXh6Hl1ivfzUz-JkGt7j8jbT3KvXt5iz1uqudK6Hm-lzuO/s1600/2.JPEG" /></a></div>7 วิธีประหยัดแบตเตอรี่ The new iPad<br />
ในที่สุด The new iPad แท็บเล็ตยอดนิยมจากแอปเปิลก็ถูกส่งตรงมาถึงมือชาวไทยเสียที หลังจากที่รอกันมานานแรมเดือน <br />
<br />
โดยที่ประเทศไทยเราถูกจัดวางให้อยู่ในกลุ่มที่ 3 ในการส่งมอบแท็บเล็ตรุ่นที่ 3 ของแอปเปิลอย่าง The new iPad<br />
<a name='more'></a><br />
สำหรับ The new iPad รุ่นนี้ อย่างที่หลายคนทราบสเปกเครื่องอาจะไม่ได้ทำให้แฟนๆ สาวกแอปเปิล หรือผู้ที่กำลังเมียงมองแท็บเล็ตรุ่นใหม่ ต้องร้องว้าวมากนัก โดยสเปกของ The new iPad จะมาพร้อมกับ ชิปประมวลผล A5X ชิปเซ็ทกราฟิกแบบควอดคอร์ กล้อง iSight ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* kpop */
google_ad_slot = "1976346401";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>และแบตเตอรี่ของ The new iPad ให้มานั้นมีจำนวนมากมายเหลือเฟือถึง 11666mAh แต่ขึ้นชื่อว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าแบตเตอรี่ที่ผู้ผลิตจะให้มากขนาดเท่าใดก็ตาม มันก็คงไม่มีวันเพียงพอต่อการใช้งานเป็นแน่แท้ ดังนั้นทีมงานไซเบอร์บิซขอนำเสนอวิธีง่ายๆ ในการประหยัดแบตเตอรีของ The new iPad<br />
<br />
วิธีที่ 1 ลดหน้าจอความสว่างลง<br />
<br />
สิ่งแรกที่มักจะทำให้แบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนหรือจะเป็นแท็บเล็ตรุ่นใดก็ตามหมดลงง่ายที่สุด คือ แสงสว่างของหน้าจอเครื่อง ที่ผู้ใช้หลายคนมักจะต้องการแสงสว่างที่สว่างที่สุด เพื่อให้ทัศนวิสัยในการมองเครื่องเห็นได้ชัด แต่ว่าการตั้งค่าแสงให้สว่างที่สุดเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่นัก ถ้าหากผู้ใช้ต้องการที่จะประหยัดพลังงาน ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ ควรลดแสงสว่างของหน้าจอลงให้เหลืออย่างมากที่สุดครึ่งหนึ่งของแถบปรับความสว่าง<br />
สำหรับการตั้งค่าสามารถเข้าไปที่ Setting > Brightness & Wallpaper <br />
<br />
วิธีที่ 2 เปิดโหมด Auto-Lock เสมอ<br />
<br />
หาก The new iPad ของคุณผู้ใช้ไม่ได้ตั้งโหมด Auto-Lock เอาไว้ นั่นจะทำให้หน้าจอเครื่องของคุณก็จะถูกเปิดหน้าจอค้างเอาไว้ และจะทำให้เป็นการกินทรัพยากรแบตเตอรี่โดยใช่เหตุ ดังนั้นจึงขอแนะนำผู้ใช้ว่า ควรจะตั้งโหมดดังกล่าวด้วย โดยการตั้งค่าเข้าไปที่ Setting > General > Auto-Lock<br />
<br />
ทางที่ดีตั้งค่า Auto-Lock สัก 1 นาที ก็เพียงพอแล้ว<br />
<br />
วิธีที่ 3 ปิด Notification บ้างก็ได้<br />
<br />
ถึงแม้ว่าหน้าจอ The new iPad ของผู้ใช้จะเข้าสู่โหมด Auto-Lock แล้วก็ตามที แต่ทว่าการทำงานเบื้องหลังโดยเฉพาะในส่วนของการแจ้งเตือนข้อความ (Notifications) ของแอปพลิเคชันในเครื่องก็ยังคงทำงานอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตราแกรม เป็นต้น ซึ่งการที่ผู้ใช้ตั้งค่าให้แอปพลิเคชันต้องรายงานการแจ้งเตือนทุกครั้ง เมื่อมีข้อความใหม่ๆ ก็จะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่แบตเตอรี่จะถูกซดจนหมดเกลี้ยงอย่างง่ายดายโดยที่ผู้ใช้ไม่ทันได้สังเกตกันเลยทีเดียว<br />
<br />
ดังนั้น คุณผู้ใช้สามารถเข้าไปตั้งค่าเกี่ยวกับ Notifications ได้ที่ Setting > Notifications สำหรับแอปพลิเคชันที่คุณไม่ต้องการให้มันแจ้งเตือน<br />
<br />
วิธีที่ 4 ปิด GPS สักหน่อยก็ช่วยประหยัดแบตเตอรี่<br />
<br />
GPS หรือ Global Positioning Systems หรือระบบติดตามตัว ซึ่งเป็นระบบที่มีอยู่ในอุปกรณ์จำพวกสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ซึ่งในส่วนของ GPS ก็จะทำงานอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเครื่องของคุณจะเปิด/ปิด 3G/WiFi หรือไม่ มันก็จะทำงานของมันต่อไป<br />
<br />
ถ้ารู้สึกว่า ไม่ต้องการที่จะใช้บริการ GPS ก็สามารถปิดส่วนนี้ได้ที่ Settings > Locations Services<br />
<br />
วิธีที่ 5 Push E-Mail ในวันหยุด<br />
<br />
ในส่วนนี้ก็ทำงานคล้ายๆ กับเหล่าบรรดา Notifications ต่างๆ ที่จะทำงานในรูปแบบของแอปพลิเคชันเบื้องหลัง โดยที่จะแอบกินแบตเตอรี่ทีละเล็กทีละน้อย แต่ถ้าหากผู้ใช้กำลังใช้งาน The new iPad ในวันธรรมดา ซึ่งเป็นวันทำงานของคุณการเปิดฟีเจอร์ส่วนของ Push E-Mail ก็ถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ทว่า ถ้าเป็นวันหยุดพักผ่อนของคุณ การปิด Push E-Mail ก็เป็นสิ่งที่น่ากระทำ โดยการเข้าไปที่ Setting > Mail, Contacts, Calendar > Fetch New Data > Advance แล้วเลือกว่าจะให้อยู่ในโหมด Push, Fetch หรือจะเป็น Manual<br />
<br />
วิธีที่ 6 ปิด WiFi/3G เมื่อไม่ใช้งาน<br />
<br />
ถึงแม้ว่าแอปเปิลจะเคลมว่า The new iPad สามารถใช้งานด้านการเชื่อมต่อ WiFi/3G ได้นาน 10 กว่าชม. แต่ถ้าเป็นไปได้ หากผู้ใช้ไม่ได้ใช้งานตัวเครื่อง หรือการเชื่อมต่อ WiFi/3G ก็ควรปิดการเชื่อมต่อลง เพราะมิเช่นนั้นแล้ว ตัวเครื่องก็จะทำการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตต่อไป และเมื่อผู้ใช้กลับมาใช้งานก็อาจจะไม่สามารถใช้งานตัวเครื่องได้นานเท่าที่ผู้ใช้ต้องการ<br />
<br />
วิธีที่ 7 ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนนำ The new iPad ไปลุย <br />
<br />
แน่นอนว่า ถ้าหากทำตามทั้ง 6 วิธีก่อนหน้านี้แล้ว ยังไม่สัมฤทธิ์ผล คงต้องย้อนกลับมาดูก่อนว่า คุณผู้ใช้ได้ชาร์จแบตเตอรี่ตัวเครื่องเต็ม 100% รึยัง? ถ้ายังผู้ใช้ก็ควรจะชาร์จแบตเตอรี่ของ iPad ให้เต็มถังเสียก่อน ก่อนที่จะนำเครื่องไปใช้งาน จะได้ไม่ต้องประสบปัญหาแบตเตอรี่หมดระหว่างการใช้งาน<br />
<br />
สำหรับการชาร์จ The new iPad ที่ใช้แบตเตอรีแบบ ลิเธียม-ไอออน นั้นไม่มีอะไรมาก เพียงแค่ผู้ใช้ควรจะชาร์จแบตเตอรี่ก่อนที่ตัวเครื่องจะไม่มีพลังงานเหลืออยู่ในเครื่องแม้แต่หยดเดียวเท่านั้นก็พอ<br />
<br />
และนี่คือ 7 วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งาน The new iPad ได้นานเต็มประสิทธิภาพตามที่ใจคุณปรารถนา<br />
ที่มา manager.co.th<br />
<br />
<br />
<center><br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</center>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-78623483226561265032012-04-28T18:11:00.000+07:002012-04-28T18:11:47.161+07:00ซื้อ New iPad ที่ไหนดี<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh-yV8vBLPyZxHPhnefVu-SZtEvVL34rUlINL67E7Nujd4z6uFPv_M8gMOifh6svkIKX6t_wW2GKZZ_KG6bLKTxv_h_OZJQQ4IHiXOFx3dNCkHYaJWT4kx0iflfhRAiv07h4DDmGycflPVk/s1600/1.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh-yV8vBLPyZxHPhnefVu-SZtEvVL34rUlINL67E7Nujd4z6uFPv_M8gMOifh6svkIKX6t_wW2GKZZ_KG6bLKTxv_h_OZJQQ4IHiXOFx3dNCkHYaJWT4kx0iflfhRAiv07h4DDmGycflPVk/s1600/1.JPEG" /></a></div>ซื้อ New iPad ที่ไหนดี<br />
เวลคัมทูไทยแลนด์ สำหรับ New iPad หรือบางคนจะเรียกว่า iPad3 ก็ได้ ที่เริ่มเปิดขายจริงในวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา จากรูปแบบการขายที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดคำถามง่ายๆ แต่ตอบลำบากว่าจะเลือกซื้อที่ไหน กับ ใครดี?<br />
<br />
เพราะมีทั้งตัวแทนจำหน่ายของแอปเปิลในไทยโดยตรงอย่างร้าน 'ไอสตูดิโอ' หรือค่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถืออย่างเอไอเอส ดีแทค หรือ ทรูมูฟ หรือจะซื้อผ่านร้านค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเอง (เกรย์มาร์เก็ต) หรือจะซื้อผ่านแอปเปิลสโตร์<br />
<a name='more'></a><br />
หากวิเคราะห์แต่ละช่องทางจะพบว่า ต่างก็มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของตนเอง เริ่มจาก<br />
<br />
ช่องทางแรก ร้านค้าที่นำเข้าเอง ช่องทางนี้ถือว่านำสินค้าเข้ามาขายเร็วมาก คือ มีสินค้าวางขายในต่างประเทศเมื่อไหร่ แค่วันสองวันก็มีของขายในไทยแล้ว แต่ราคาก็จะผันแปรไปตามความต้องการของตลาด มีสินค้าบางรุ่นของแอปเปิลราคาเคยสูงกว่าต่างประเทศถึง 1-2 หมื่นบาท<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* kpop */
google_ad_slot = "1976346401";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>แต่สำหรับ New iPad ราคาที่เปิดตัวในตลาดนี้ ดูไม่หวือหวานัก น่าจะเป็นผลจากความพร้อมของแอปเปิลที่วางกำลังผลิตไว้ได้ดี แต่จุดได้เปรียบจากการซื้อผ่านเกรย์มาร์เก็ตจะเหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยสันทัดเรื่องการลงแอปพลิเคชัน หรือต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายการดาวน์โหลดแอปฯ เพราะวันนี้แทบจะทุกร้านที่ขาย New iPad มีบริการโหลดแอปฯ ให้ฟรีหรือบางร้านก็จะคิดค่าบริการเป็นรายครั้งแต่สามารถโหลดได้ไม่อั้น<br />
<br />
ช่องทางที่ 2 คือ ซื้อจากร้านไอสตูดิโอทั้งหลาย ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งจากแอปเปิลโดยตรง รวมถึงค่ายมือถือทั้งเอไอเอส ดีแทค หรือ ทรูมูฟ<br />
<br />
จุดขายของไอสตูดิโอ จะเป็นเรื่องของการให้ความรู้ทั้งก่อนซื้อและบริการหลังการขายที่สามารถเข้าไปขอข้อมูลจากพนักงานที่ได้รับการอบรมสินค้าในค่ายของแอปเปิลมาเป็นอย่างดี ชนิดว่า ไม่ซื้อไม่เป็นไร ซักถามได้ทุกเรื่องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของแอปเปิล รวมไปถึงบรรยายกาศภายในร้านที่มีสินค้าหลากหลายวางให้เลือกชมและทดลองใช้งาน เมื่อตกลงใจซื้อก็จะมีพนักงานให้รายละเอียดเกี่ยวกับการใช้งาน และยังสามารถเปลี่ยนสินค้าได้หากไม่พอใจหรือพบสินค้ามีตำหนิ<br />
<br />
ช่องทางที่ 3 ซื้อจากโอเปอเรเตอร์มือถือ นอกจากจะได้ความรู้เกี่ยวกับไอโฟน ไอแพดจากพนักงานขายที่ได้ผ่านการอบรมจากแอปเปิลเหมือนกับพนักงานไอสตูดิโอแล้ว ยังจะได้รับโปรโมชันพิเศษแพกเกจในการใช้งานดาต้าจากโอเปอรเตอร์โดยตรง สามารถเปิดใช้บริการได้ทันใจ ซึ่งถ้าซื้อที่ไอสตูดิโอก็มีแพกเกจให้เลือกใช้งานเช่นกันแต่จะไม่สามารถเปิดใช้บริการได้ทันที<br />
<br />
ข้อดีที่เห็นชัดๆ จากการซื้อผ่านตัวแทนทั้ง 2 รูปแบบของแอปเปิล ก็คือ โปรโมชันผ่อนชำระ ที่แต่ละรายจะจัดสรรมากระตุ้นการตัดสินใจซื้อให้ง่ายขึ้น รวมไปถึงของแจกของแถมด้วย แต่จะไม่มีการตัดราคาขายหน้าร้าน เพราะแอปเปิลออกกฎเหล็กว่า ไม่ให้ทำโปรโมชันเกี่ยวกับราคาขายเครื่อง ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้นยกเว้นแต่แอปเปิลจะประกาศออกมา เหมือนอย่างกรณีที่แอปเปิล เอเซียแปซิฟิกประกาศลดราคา iPad 2 ลง 2,000 บาทหลังจากประกาศเปิดตัว New iPad<br />
<br />
ช่องทางที่ 4 ซื้อผ่านเว็บไซต์แอปเปิลสโตร์ (store.apple.com/th) ซึ่งคนเริ่มนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยชอบไปต่อคิวซื้อหรือไม่ค่อยมีเวลาเดินชอปปิ้งที่ร้านจุดเด่นจึงอยู่ที่ความสะดวกเพราะสามารถรู้ระยะเวลาแน่นอนของการส่งสินค้า ว่ากี่วันจะได้แถมยังไม่ต้องเสียค่าขนส่ง หากมูลค่าสินค้าเกิน 2,000 บาทโดยราคาที่ปรากฎบนเว็บไซต์แอปเปิลสโตร์เท่ากับซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายในไทยของแอปเปิลทุกประการ แต่บริการพิเศษสำหรับผู้ที่สั่งซื้อ New iPad ผ่านแอปเปิลสโตร์ก็คือ สามารถสั่งให้สลักตัวอักษรด้วยเลเซอร์ได้ 2 บรรทัด และแน่นอนว่า ผู้ซื้อจะต้องมีบัตรเครดิตที่มีวงเงินเหลือเพียงพอกับราคาสินค้าที่สั่งซื้อด้วย<br />
<br />
ทั้งนี้ แอดมินกลุ่มเฟสบุ๊ก Thai iPad Club (www.facebook.com/ipadclub) ให้ความเห็นว่า การซื้อผ่านเว็บไซต์แอปเปิลสโตร์นั้นเหมือนเราซื้อตรงจากแอปเปิล ทำให้ไม่ต้องไปต่อคิวให้หงุดหงิดเสียเวลาในช่วงที่มีโปรดักส์ใหม่ออกมา แถมการส่งของยังเป็น Free Shipping และมี DHL มาส่งให้ถึงบ้านฟรีๆ<br />
<br />
ประเด็นการสั่งซื้อ ไอโฟน บนเว็บไซต์แอปเปิลสโตร์มีการพูดถึงกันมากบนโซเชียลเน็ตเวิร์กคนไทย หลังจากที่โอเปอเรเตอร์มือถือทั้ง 3 ค่าย ขายไอโฟนเหมือนกัน ซึ่งถือเป็นโมเดลการทำตลาดที่แตกต่างออกไปจากการขายสินค้าตัวอื่นๆ ของแอปเปิล โดยประเด็นที่ถกเถียงกันมากๆ มีอยู่ 2 เรื่อง คือ 1.ราคาถ้าซื้อเครื่องเปล่าไอโฟน 4S บนแอปเปิลสโตร์ จะถูกกว่า เครื่องเปล่าที่โอเปอเรเตอร์ขาย 500-600 บาท ซึ่งแรงจูงใจดังกล่าวอาจจะไม่รุนแรงเท่าเรื่องที่ 2.การเคลมประกัน<br />
<br />
โดยหลักทั่วไปของแอปเปิล จะรับประกันในรูปแบบประกันทั่วโลก คือ สามารถนำส่งเข้าศูนย์ซ่อมได้ทั่วโลกสำหรับสินค้าที่อยู่ในประกัน แต่สำหรับไอโฟนกลับไม่เป็นเช่นนั้น แอปเปิลจะให้ประกันเฉพาะในประเทศที่ซื้อเท่านั้น ซึ่งรวมถึงไทยด้วย แต่กรณีของไทยแรงยิ่งกว่านั้น หากมีปัญหาจากการใช้งาน อย่างกรณีจอเหลืองโอเปอเรเตอร์มือถือจะถามว่า ตัวเครื่องซื้อมาจากที่ไหน ก็จะให้ไปเข้าศูนย์ของค่ายนั้นแทน และกรณีจอเหลืองจะถูกระบุว่า ไม่อยู่ในประกัน ผู้ซื้อควรต้องตรวจสอบก่อนตอนซื้อ <br />
<br />
แต่สำหรับNew iPad แล้ว เป็นประกันแบบทั่วโลก สามารถส่งเข้าที่ศูนย์บริการแอปเปิลแคร์ที่ไหนก็ได้ทั่วโลก<br />
<br />
'การเคลมประกันของแอปเปิล สโตร์แตกต่างจากไอสตูดิโอที่การส่งเครื่องเคลมต้องให้ไอสตูดิโอพิจารณาก่อน เมื่อได้รับการอนุมัติแล้วถึงส่งกลับไปที่ศูนย์ซ่อมตามที่แอปเปิลบอกไว้ ซึ่งใช้เวลานานกว่า และเงื่อนไขประกันต้องขึ้นอยู่กับไอสตูดิโอ' แอดมินกลุ่มเฟสบุ๊ก Thai iPad Club ระบุไว้<br />
<br />
เจ้าของร้าน blink7 มาบุญครอง แสดงความคิดเห็นเรื่องการเคลมของแอปเปิลว่า 'ไม่แตกต่างกัน เหมือนกันหมด การเคลมต้องใช้เวลาเหมือนกัน เพียงแต่ว่าไอสตูดิโอจะเป็นเหมือนๆ พวกผม คือ ร้านค้าส่งต่อไปให้แมคเซ็นเตอร์ อีกทีแล้วให้แมคเซ็นเตอร์ส่งเรื่องให้แอปเปิลต่อ'<br />
<br />
'ผมจะแนะนำให้ลูกค้าไปแมคเซ็นเตอร์โดยตรงเลยจะได้เร็วที่สุดประมาณ 3-4 วันก็ได้แล้ว ส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้ามักจะใช้คำผิดคือ เป็นเครื่องศูนย์ไอสตูดิโอ ซึ่งมันคือความเชื่อผิดๆ และไอสตูดิโอบางสาขาไม่ยอมเคลมให้ลูกค้าก็มี เรียกเก็บเงินกับลูกค้าก็มี ถ้าหากลูกค้าไม่ได้ซื้อกับสาขาหรือเป็นเครื่องนอก'<br />
<br />
อยากให้ลูกค้าทำความเข้าใจใหม่ว่าไอสตูดิโอเป็นเหมือนแค่ตัวแทนจำหน่ายไม่ใช่ศูนย์แอปเปิลแบบเมืองนอก และการเคลมเครื่องในเมืองไทยจะต้องส่งให้กับแมคเซ็นเตอร์ และการซื้อกับโอเปอเรเตอร์มือถือเฉพาะไอแพดก็ต้องเข้าเคลมกับแมคเซ็นเตอร์เช่นกัน ค่ายมือถือไม่มีเครื่องให้เคลมเหมือนไอโฟน<br />
<br />
ทางด้านนายปพนธ์ รัตนชัยกานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และรองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น เชื่อว่าผู้บริโภคชาวไทยจะเลือกซื้อสินค้ากับโอเปอเรเตอร์อย่างทรูต่อไป เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังต้องการตรวจสอบและถือจับสินค้าก่อนชำระเงิน ขณะเดียวกันทรูพบว่าผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าพร้อมแพกเกจบริการข้อมูลหรือดาต้าแพลนมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากปริมาณการซื้อของลูกค้ากลุ่มนี้ที่มีจำนวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด<br />
<br />
'สินค้าราคาเกินหมื่นอย่างไอแพด คนไทยยังอยากสัมผัสและตรวจสอบเครื่องเอง อีกอย่างที่เราเห็นชัดคือคนไทยต้องการดาต้าแพลน ที่ผ่านมา สัดส่วนการซื้อเครื่องอย่างเดียวคือ 50% แต่ตอนนี้สัดส่วนการซื้อเครื่องพร้อมดาต้าแพลนคือ 90% ซึ่งการซื้อในเว็บไซต์ไม่มีดาต้าแพลนขณะที่ราคาก็ไม่ต่างกัน'<br />
<br />
ผู้บริหารทรูยืนยันว่าราคาและเงื่อนไขการรับประกันเครื่องของไอโฟนและไอแพด ของร้านตัวแทนจำหน่ายในไทยและจากเว็บไซต์แอปเปิลสโตร์นั้นไม่ต่างกัน ทุกอย่างอิงบนหลักการและมาตรฐานเดียวกันตามธรรมเนียมปฏิบัติขององค์กรระดับโลกอย่างแอปเปิล<br />
<br />
'ถ้าไม่ใช่ข้อบกพร่องที่ระบุในเงื่อนไข การซื้อจากเว็บไซต์ของแอปเปิลก็เปลี่ยนสินค้าไม่ได้เช่นกัน ตรงนี้ต้องพูดให้ชัดเจนเพราะทุกทีมงานที่ตรวจสอบนั้นถูกฝึกอบรมบนมาตรฐานเดียวกัน เพียงแต่ทำบนช่องทางไหนเท่านั้นเอง'<br />
<br />
ด้านนายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาด เอไอเอส กล่าวว่า รูปแบบการรับประกันเครื่องของไอแพดนั้นต่างจากไอโฟน ลูกค้าที่ซื้อไอแพด จะใช้เงื่อนไขการรับประกันเดียวกันทั่วโลก คือต้องส่งเครื่องให้ศูนย์บริการของแอปเปิล แต่สำหรับไอโฟน ทางโอเปอเรเตอร์สามารถรับเคลมได้ซึ่งก็ให้บริการบนข้อกำหนดของแอปเปิลเช่นเดียวกัน โดยเอไอเอสมั่นใจว่าการเสริมบริการพิเศษอย่าง เอไอเอส บุ๊กสโตร์ และ เอไอเอส มิวสิค สโตร์ เข้าไปร่วมกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตใน New iPad จะทำให้ลูกค้าเลือกซื้อเครื่องจากเอไอเอส<br />
<br />
นายปภาพรต ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจอุปกรณ์สื่อสารดีแทคกล่าวว่า เรื่องการรับประกัน iPad 2 และ New iPad ที่เพิ่งเริ่มวางจำหน่ายผ่านโอเปอเรเตอร์ และไอสตูดิโอ ในไทย จะเป็นมาตรฐานเดียวกันหมดคือเมื่อเครื่องมีปัญหา ลูกค้าจะต้องนำเครื่องเข้าไปที่ศูนย์บริการของแอปเปิลซึ่งมีอยู่ราว 15 แห่งในไทย<br />
<br />
ขณะที่การซื้อ New iPad ผ่านเว็บไซต์แอปเปิลสโตร์ นอกจากการที่ลูกค้าได้รับการจัดส่งเครื่องถึงบ้านผ่านบริการ DHL แล้ว ในกรณีที่เครื่องมีปัญหา สามารถโทร.แจ้งทางร้านค้าออนไลน์ หลังจากนั้น DHL จะมารับเครื่องเพื่อนำไปซ่อม แตกต่างจากการซื้อผ่านร้านค้าปกติที่ลูกค้าต้องนำเครื่องไปซ่อมเอง<br />
<br />
ทั้งนี้ ในอนาคตดีแทควางแผนที่จะเปิดบริการรับส่งเครื่องซ่อม ในการเป็นตัวกลางรับเครื่อง และส่งไปให้ยังศูนย์บริการแอปเปิล โดยทางดีแทคจะซัพพอร์ตค่าจัดส่งให้ลูกค้าดีแทคโดยเฉพาะ<br />
<br />
สำหรับราคาจำหน่าย New iPad ของโอเปอเรเตอร์ รุ่น Wi-Fi + 4G (สีขาว/สีดำ) เริ่มต้นที่ 16 GB ราคา 20,500 บาท 32 GB ราคา 23,500 บาท และ 64 GB 26,500 บาท ซึ่งเป็นราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม<br />
ที่มา manager.co.th<br />
<br />
<br />
<center><br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</center>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-79697760261218783752012-04-05T14:14:00.000+07:002012-04-05T14:14:01.014+07:00"แว่นอัจฉริยะ" ของเล่นใหม่จากกูเกิล<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh7bF6ofMZSefT5ntL9MAt3QdU57TPRIZq-WlT-jVZqScurlJ2MoFeAua1JacbJG-aphEg6VPDHIvN4NmhNvMKBqyP5X9Sopm0QA8VZ6QUlG-dlyiZ__VKWbfNHdCjAiOuh99FWxNosgepB/s1600/0.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="186" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh7bF6ofMZSefT5ntL9MAt3QdU57TPRIZq-WlT-jVZqScurlJ2MoFeAua1JacbJG-aphEg6VPDHIvN4NmhNvMKBqyP5X9Sopm0QA8VZ6QUlG-dlyiZ__VKWbfNHdCjAiOuh99FWxNosgepB/s400/0.JPEG" width="400" /></a></div>"แว่นอัจฉริยะ" ของเล่นใหม่จากกูเกิล<br />
กูเกิล (Google) เปิดตัวโปรเจ็กต์ล่าสุดอย่างเป็นทางการในนาม "Project Glass" ประเดิมโชว์ต้นแบบแว่นตาเทคโนโลยี augmented reality หรือ AR แก่สาธารณชน ซึ่งผู้ใส่จะได้เห็นข้อมูลแบบอิงสถานที่ในแบบเรียลไทม์ ที่สำคัญคือผู้ใส่สามารถเอ่ยปากออกคำสั่งให้แว่นบันทึกภาพวิดีโอ ถ่ายรูป และรับส่งข้อความ<br />
<a name='more'></a><br />
เครือข่ายสังคมของกูเกิล "กูเกิลพลัส (Google+)" ถูกใช้เป็นเวทีเปิดเผยรายละเอียด Project Glass อย่างน่าสนใจ เพราะทีม Google X ผู้พัฒนาโปรเจ็กต์นี้ต้องการประชาสัมพันธ์ให้นักพัฒนาร่วมกันสร้างสรรค์ข้อมูลสำหรับแว่นอัจฉริยะนี้ผ่านเครือข่ายสังคมของกูเกิล<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* 13/8/2554 */
google_ad_slot = "6927842945";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>ที่ผ่านมา โครงการนี้ถือเป็นความลับซึ่งกูเกิลยังไม่เคยออกมายืนยันความจริงแม้จะมีข่าวลือหนาหูเพียงไร ทีมงานกูเกิลระบุว่าการเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะต้องการแลกเปลี่ยนความรู้ที่หลากหลายกับทุกคน โดยผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดความคืบหน้าของเรื่องราวและแนวคิดแว่นตาอัจฉริยะนี้จากกูเกิลได้ ขณะเดียวกันก็สามารถร่วมเสนอแนวคิดต่อกูเกิลได้<br />
<br />
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่กูเกิลพัฒนาโครงการพัฒนาอุปกรณ์อัจฉริยะที่สวมใส่ได้หรือ wearable computing ตัวแว่นตาประกอบด้วยเลนส์โปร่งใสหรือ see-through lens ที่สามารถรับข้อมูลแบบสตรีมมิ่งแก่ผู้ใช้ได้อย่างไร้รอยต่อ ความสามารถสำคัญของแว่นนี้คือการทำงานด้านมัลติมีเดียที่สามารถรองรับคำสั่งเสียง ซึ่งตรงกับข่าวลือที่ถูกเผยแพร่มาก่อนหน้านี้<br />
<br />
นิค บิลตัน (Nick Bilton) ผู้สื่อข่าวนิวยอร์กไทมส์เคยรายงานว่า หนึ่งในผู้ที่ได้ทดลองใช้งานแว้นอัจฉริยะนี้บรรยายว่าแว่นจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ไม่ต้องล้วงกระเป๋าเพื่อหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา แต่สามารถกดปุ่มที่แว่นตาเพื่อถ่ายภาพ หรือรับข้อมูลได้ทันใจ<br />
อธิบายแบบนี้อาจไม่เห็นภาพ ผู้สนใจสามารถชมวิดีโอได้จากด้านล่าง<br />
<br />
<center><br />
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="305" src="http://www.youtube-nocookie.com/embed/9c6W4CCU9M4?rel=0" width="520"></iframe><br />
</center> <br />
ที่มา http://www.manager.co.th,youtube<br />
<br />
<br />
<br />
<center><br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</center>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-2998658440623772982012-03-29T00:03:00.000+07:002012-03-29T00:03:57.507+07:00อนุมัติแล้ว The new iPad คาดวางจำหน่ายในไทยหลังสงกรานต์<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjPi3_LRfVO_ssyVhJueEsqH8OeB9ZO4Nwnby0oBMFuvHgy3O7sNOWlqP2Jen5c84nHxDhFldYIMe09l4hWqPBB6L7H3t5JnzjP2V4w7A39I7MxEhW1272-AjInUQRrh8nqaH77x0UTyoeE/s1600/newipad.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="330" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjPi3_LRfVO_ssyVhJueEsqH8OeB9ZO4Nwnby0oBMFuvHgy3O7sNOWlqP2Jen5c84nHxDhFldYIMe09l4hWqPBB6L7H3t5JnzjP2V4w7A39I7MxEhW1272-AjInUQRrh8nqaH77x0UTyoeE/s400/newipad.jpg" width="400" /></a></div>อนุมัติแล้ว The new iPad คาดวางจำหน่ายในไทยหลังสงกรานต์<br />
ถึงกับตะลึงเมื่อได้ทราบว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้อนุมัติการนำเข้า The new iPad ของทั้ง 3 ค่ายผู้ให้บริการเครือข่ายไปแล้วเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา โดยปกติการขอใบอนุญาตนำเข้าจาก กสทช. นั้นจะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบที่ใช้เวลานานอยู่หลายขั้นตอน <br />
<a name='more'></a>จึงมักทำให้ประเทศไทยได้ใช้สินค้าไอทีที่เกี่ยวกับการสือสารช้ากว่าต่างประเทศ แต่การอนุมัติในครั้งนี้ได้ลดขั้นตอนบางอย่างลงนับว่าเป็นการพิจารณาที่รวดเร็วกว่าครั้งไหนๆ ซึ่งหลังจากนี้สาวกแอปเปิลชาวไทยคงต้องแวะเวียนเข้าไปชมเว็บไซต์ของ Apple บ่อยขึ้น เนื่องจากการกำหนดวันและราคาในการจำหน่ายนั้น ทาง “แอปเปิล” จะเป็นผู้กำหนดเอง โดยมีการคาดเดากันว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาหลังเทศกาลสงกรานต์ที่สาวกชาวไทยจะได้สัมผัสกับ The new iPad อย่างเป็นทางการ<br />
ที่มา http://news.siamphone.com/news-06251.html<br />
<br />
<br />
<center><br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</center>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-72225732640366961562012-03-20T11:21:00.000+07:002012-03-20T11:21:37.748+07:00The new iPad พบปัญหาเครื่องร้อนจี๋<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEie31a9ceLKu9OP5rbZCtiCikH_RATPXp-dSimN_KMAELbSc9b-SQJwW5D8opK3tOZTYMB_zhGnRoRYcpu7rMuV3a1ysd1grfxZ52NfM6-qdorftSZEiA93NHTYsBO_Dtpof0Eqhlxi6Q9S/s1600/2.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEie31a9ceLKu9OP5rbZCtiCikH_RATPXp-dSimN_KMAELbSc9b-SQJwW5D8opK3tOZTYMB_zhGnRoRYcpu7rMuV3a1ysd1grfxZ52NfM6-qdorftSZEiA93NHTYsBO_Dtpof0Eqhlxi6Q9S/s1600/2.JPEG" /></a></div>The new iPad พบปัญหาเครื่องร้อนจี๋<br />
กลายเป็นประเด็นร้อนเมื่อสาวกแอปเปิลซึ่งไปเข้าแถวซื้อ The new iPad โพสต์ข้อความบ่นบนโลกออนไลน์ว่าแท็บเล็ตรุ่นใหม่ล่าสุดของแอปเปิลควรจะมีอุณหภูมิเย็นกว่านี้ ถือเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นซ้ำกับครั้ง iPad รุ่นก่อนหน้า ซึ่งยังต้องรอการพิสูจน์ว่าสถานการณ์ในครั้งนี้จะเป็นความผิดพลาดจนนำไปสู่ข่าวดังหรือไม่ หรือเป็นปัญหาเครื่องร้อนทั่วไปที่เคยเกิดขึ้นกับ iPad รุ่นก่อนซึ่งไม่ได้เป็นข่าวใหญ่โต<br />
<a name='more'></a><br />
กลุ่มสาวกแอปเปิลพร้อมใจโพสต์ข้อความเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับข้อบกพร่องในการใช้ iPad ที่ชุมชนผู้ใช้แอปเปิล Apple Support Communities ต่อเนื่องตั้งแต่วันวางจำหน่ายแก่ผู้บริโภควันแรก 16 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา โดยผู้ใช้บางรายระบุว่าพบปัญหาเครื่องร้อนจัดเฉพาะจุด ส่วนใหญ่พบตำแหน่งเครื่องร้อนผิดปกติที่มุมซ้ายล่างของเครื่อง (เมื่อจัดวางเครื่องในแนวตั้งให้ปุ่ม home-button อยู่ด้านล่าง)<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* ส้ม-เงิน */
google_ad_slot = "1449611808";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>ในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด ผู้ใช้ระบุว่า The new iPad ปิดการทำงานหรือ shuts down ตัวเองพร้อมกับแสดงกล่องข้อความว่า "the iPad needs to cool down" ซึ่งชัดเจนว่าเครื่องปิดตัวเพราะความร้อนจัด<br />
<br />
แม้กรณีที่เกิดขึ้นจะฟังดูน่าเป็นห่วง แต่กล่องข้อความลักษณะนี้เคยถูกรายงานไว้ในรายงานเมื่อปี 2010 ซึ่งมีผู้ใช้รายหนึ่งนำ iPad รุ่นแรกไปใช้งานกลางแสงแดดจ้าโดยตรง จุดนี้รายงานระบุว่าไม่ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าใดก็มีสิทธิ์เครื่องร้อนจัดได้ไม่ใช่เฉพาะ iPad ทำให้การแสดงข้อความเตือนให้ผู้ใช้ลดอุณหภูมิ iPad ก่อนใช้งานต่อเป็นเรื่องปกติ<br />
<br />
ไม่เพียง iPad รุ่นแรก แต่ iPad 2 ก็พบการแสดงข้อความลักษณะเดียวกันเมื่อนำเครื่องไปใช้งานกลางแจ้งซึ่งอยู่กลางแสงอาทิตย์ตรงๆ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้ปรากฏอยู่ในรายการคุณสมบัติเครื่องที่แอปเปิลระบุไว้ว่าอุณหภูมิที่เครื่องสามารถทำงานได้คือ 0-35 องศาเซลเซียส โดยเครื่องจะไม่สามารถทำงานได้บนอุณหภูมิติดลบหรือมากกว่า 45 องศาเซลเซียส<br />
<br />
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ The new iPad ตั้งข้อสังเกตว่า ปัญหาความร้อนใน The new iPad นั้นต่างจาก iPad รุ่นแรกและไม่เคยเกิดขึ้นใน iPad 2 โดยผู้ใช้ The new iPad รุ่น 32GB wifi-only รายนี้ระบุว่าไม่ได้ใช้งานกลางแจ้ง และปรับความสว่างหน้าจอไว้ที่ 30-50% เท่านั้น ไม่มีการใช้งานหักโหมในอุณหภูมิที่แปรปรวนแต่อย่างใด<br />
<br />
"ระหว่างการชาร์จไฟครั้งหนึ่งได้ติดตั้งแอปพลิเคชันไปด้วยและพบว่าเครื่องร้อนจัด หลังจากตั้งค่าเสร็จ ผมปล่อยให้เครื่องชาร์จจนเต็ม กระทั่ง 2 ชั่วโมงต่อมา (เสียบปลั๊กชาร์จไฟทิ้งไว้) ได้เปิดเข้าสู่แอปพลิเคชัน Kindle เวอร์ชันความละเอียดสูง อีกไม่กี่นาทีถัดมา เครื่องมุมเดิมก็ร้อนจัดขึ้นอีกครั้งในจุดเดิม ผมเข้าใจว่าเป็นเพราะการชาร์จ จึงตัดสินใจดึงปลั๊กออกแล้ววางทิ้งไว้บนโต๊ะ 1 ชั่วโมงให้เครื่องเย็นลง แต่เมื่อกลับมาเปิดอ่านข่าวบน google-news ซึ่งไม่ได้มีการเล่นวิดีโอหรือเปิดสื่อใดๆ เพียง 5 นาทีก็พบว่าเครื่องร้อนขึ้นในตำแหน่งเดิมอีกครั้ง ทั้งหมดนี้ไม่เหมือนปัญหาใน iPad รุ่นแรก และไม่เคยเกิดขึ้นใน iPad 2"<br />
<br />
จุดนี้สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ iPad ยุคที่ 3 นี้มีโอกาสที่จะเกิดปัญหาร้อนจัดที่ต่างไปจากกรณีรุ่นยุคอื่นๆ เนื่องจาก iPad รุ่นล่าสุดมาพร้อมทั้งแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่าและชิปประมวลผลที่มีความเร็วมากกว่า คุณสมบัติภายในที่มีความแตกต่างมากกว่า iPad 2 อย่างเห็นได้ชัดนั้นมีโอกาสสูงที่ The new iPad จะมีโอกาสเกิดปัญหาเครื่องร้อนชนิดผิดปกติมากกว่าอุปกรณ์ iOS อื่นๆของแอปเปิล<br />
<br />
ทั้งหมดนี้แอปเปิลยังไม่ออกมายอมรับหรือปฏิเสธข้อบกพร่องของ new iPad ที่เกิดขึ้น โดยนี่ถือเป็นข้อผิดพลาดเกี่ยวกับปัญหาเครื่องร้อนครั้งล่าสุดหลังจากช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แอปเปิลประกาศเรียกคืน iPod Nano รุ่นแรกซึ่งวางจำหน่ายมานานกว่า 5 ปีพร้อมระบุว่าจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ผู้บริโภคเพราะปัญหาแบตเตอรี่ ถือเป็นคำประกาศที่เรียกเสียงฮือฮาเพราะการเรียกคืนและเปลี่ยนเครื่องสินค้าอายุมากกว่า 3 ปีนั้นไม่เคยเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมไอทีมาก่อน<br />
<br />
ครั้งนั้นแอปเปิลออกแถลงการณ์ยอมรับว่าบริษัทพบว่าแบตเตอรี่ใน iPod Nano ซึ่งเริ่มวางจำหน่ายช่วงเดือนกันยายน 2005 ถึงธันวาคม 2006 นั้นมีปัญหาเครื่องร้อนจัดและมีความเสี่ยงไม่ปลอดภัย ทั้งหมดนี้แอปเปิลยืนยันว่าผู้ใช้ Nano ที่ซื้อเครื่องในช่วงเวลาดังกล่าวควรหยุดใช้งานทันที ขณะที่ iPod รุ่นใหม่กว่านั้นจะไม่มีปัญหาใดๆ<br />
<br />
สำหรับ The new iPad นั้นเป็นแท็บเล็ตที่แอปเปิลเพิ่งเริ่มวางจำหน่ายใน 10 ประเทศเมื่อวันศุกร์ที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเสียงตอบรับล้นหลามประกอบกับยอดสั่งจองเครื่องจำนวนมากทำให้แอปเปิลต้องประกาศเลื่อนจัดส่งสินค้าสำหรับผู้สั่งจองออกไป 2-3 สัปดาห์ ซึ่งสะท้อนว่าสินค้าคงคลังที่แอปเปิลเตรียมไว้อาจไม่พอต่อความต้องการ<br />
<br />
เบื้องต้นนักวิเคราะห์คาดว่า ราคาต้นทุนการผลิต iPad รุ่นใหม่นี้สูงกว่า iPad รุ่นผ่านๆมา แปลว่าการกำหนดราคาจำหน่ายเริ่มที่ 499 เหรียญเท่าเดิมนั้นเป็นการเปิดสงครามราคาอย่างจริงจังกับผู้ผลิต โดยบริษัทวิจัย IHS iSuppli เผยแพร่รายงานวิจัยว่า iPad รุ่น 32GB ที่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือนั้นมีต้นทุนการผลิตราว 364.35 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก iPad 2 ราว 9% ซึ่งมีต้นทุนที่ 335 เหรียญในปีที่ผ่านมา <br />
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์<br />
<br />
<br />
<center><br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</center>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-34797288205783106282012-03-20T11:14:00.001+07:002012-03-20T11:15:42.308+07:00ทดสอบระหว่าง New iPad A5X Chip และTegra 3<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhi-oH4hkyXa-2Xi4ieDfpxuZKr0vr3D-6bQXBxSkbf6bNHhVAU16pRTnnYzIUqHN2cuPD3D-ZkvdJ4SypWyytaG0A9Eb3fNR7ebLHmHpUBDTLiaKSS7N-uHOpa1ba6AR-sOzY2VVYDJKrq/s1600/1.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhi-oH4hkyXa-2Xi4ieDfpxuZKr0vr3D-6bQXBxSkbf6bNHhVAU16pRTnnYzIUqHN2cuPD3D-ZkvdJ4SypWyytaG0A9Eb3fNR7ebLHmHpUBDTLiaKSS7N-uHOpa1ba6AR-sOzY2VVYDJKrq/s1600/1.JPEG" /></a></div>ทดสอบระหว่าง New iPad A5X Chip และTegra 3 ผลทดสอบ iPad A5X เฉือน Tegra 3 ชนิดปลายจมูก<br />
ถ้าหากยังจำกันได้ในการเปิดตัว The new iPad ซึ่งจะเรียกว่า iPad รุ่นที่ 3 มีจุดที่น่าสังเกตและเป็นประเด็นในการจุดชนวนในกรณีที่แอปเปิลบอกว่าชิปประมวลผล A5X นั้นเร็วกว่าชิปประมวลผล Tegra 3 ของ NVIDIA <br />
<a name='more'></a><br />
จากประเด็นดังกล่าวทำให้ NVIDIA เกิดความแคลงใจว่าเหตุไฉนแอปเปิลจึงกล้าเคลมว่าชิป Tegra 3 ด้อยกว่าขนาดนั้นจริงหรือ<br />
<div style="display: block; float: left; margin: 5px;"><script type="text/javascript">
<!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* ส้ม-เงิน */
google_ad_slot = "1449611808";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script></div>ด้วยเหตุนี้เว็บไซต์ Laptop Mag จึงได้นำ New iPad รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับชิป A5X มาวัดกับชิป Tegra 3 ให้เห็นกันไปเลย โดยแท็บเล็ตที่ใช้ Tegra 3 นั้น Laptop Mag ได้เลือก Transformer Prime มาตัดสิน ทั้งนี้การทดสอบของ Laptop Mag จะมีใช้การทดสอบ Benchmark 3 ส่วน คือ 1.) GLBenchmark 2.1 2.) Geekbench และ 3.) Browser Benchmark (ด้วย Sunspider และ Peacekeeper)<br />
<br />
ทั้งนี้การทดสอบด้วย GLBenchmark ผลปรากฎว่า New iPad ชนะ Transformer Prime ส่วนการทดสอบ Geekbench เป็นข้างฝ่าย Transformer Prime ชนะ New iPad บ้าง ท้ายที่สุดผลการทดสอบด้วย Browser Benchmark ด้วย Peacekeeper เสมอกัน ส่วน Sunspider iPad ก็ทำได้ดีกว่านิดหน่อยเท่านั้นเอง<br />
<br />
อย่างไรก็ตามทดสอบด้วย Benchmark นั้น เป็นแค่ส่วนหนึ่งในการวัดประสิทธิภาพ แต่ไม่ถึงขั้นเป็นตัวชี้วัดว่าแท็บเล็ตตัวไหนดีกว่ากัน ซึ่งแท็บเล็ตที่ดีที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับผู้ใช้ ว่าผู้ใช้ได้ใช้ประสิทธิภาพของแท็บเล็ตรุ่นไหนได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่ากัน <br />
<br />
สำหรับผู้อ่านที่ต้องการชมคลิปการประชันด้วย Benchmark สามารถดูได้จากคลิปท้ายข่าวด้านล่าง<br />
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์<br />
<br />
<center><iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="284" src="http://www.youtube-nocookie.com/embed/TQlu39SIH6M?rel=0" width="500"></iframe></center><br />
<div style="text-align: center;">New iPad A5X Chip Vs. Tegra 3 Chip</div><br />
<br />
<br />
<br />
<center><br />
<script type="text/javascript">
<!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script><br />
</center>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-2076617974003295452012-03-19T11:00:00.000+07:002012-03-19T11:00:26.555+07:00รอ The new iPad หรือลุยซื้อแท็บเล็ตดี<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjWu7nQvfPtWHRL9QdH8MZb_SVY2SnaDLNxlfPo5Pjia-cDw0nm3tXkMzRqHBnnuSyWGJNChv1vOoajwuxDYOiccf6x0dnTXO8YdZ3KjIJvVWTPKi0xSUGkLNa55gDHwxxgBdCqmHaE_W0O/s1600/2.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="257" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjWu7nQvfPtWHRL9QdH8MZb_SVY2SnaDLNxlfPo5Pjia-cDw0nm3tXkMzRqHBnnuSyWGJNChv1vOoajwuxDYOiccf6x0dnTXO8YdZ3KjIJvVWTPKi0xSUGkLNa55gDHwxxgBdCqmHaE_W0O/s400/2.JPEG" width="400" /></a></div>รอ The new iPad หรือลุยซื้อแท็บเล็ตดี<br />
ในวันที่ The new iPad ถูกแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการเช่นนี้ เชื่อว่าหลายคนที่อยากได้แท็บเล็ตใหม่กำลังไขว้เขวว่าควรจะรอจังหวะซื้อในช่วงเวลาที่ New iPad เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว หรือควรจะซื้อเลยในช่วงที่ค่ายผู้ผลิตรายอื่นต้องเร่งมือชิงขายก่อนที่ The new iPad จะครองกระแสไปอีกหลายเดือน<br />
<a name='more'></a><br />
ดังนั้นสิ่งที่ควรทำตอนนี้ คือหยุดไขว้เขวในใจ แล้วมาวิเคราะห์ปัจจัยร่วมไปพร้อมๆกัน <br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* ส้ม-เงิน */
google_ad_slot = "1449611808";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>The new iPad ที่มาพร้อมหน้าจอ Retina Display ขนาด 9.7 นิ้วความละเอียด 3.1 ล้านพิกเซล (2047 x 1536 พิกเซล ) มีกำหนดเริ่มวางจำหน่ายวันที่ 16 มีนาคม 2555 ในประเทศกลุ่มแรกอย่างสหรัฐอเมริกาแคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงค์โปร และ ออสเตรเลีย ในราคา 499 เหรียญ สำหรับรุ่น 16GB, 599 เหรียญสำหรับรุ่น 32GB และ 699 เหรียญสำหรับรุ่น 64GB<br />
<br />
แอปเปิลให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติว่าแรงตอบสนอง The new iPad นั้นดีเกินคาด และเครื่องที่ถูกผลิตมาสำหรับการสั่งซื้อล่วงหน้านั้นถูกซื้อไปหมดเกลี้ยง ทำให้ผู้สั่งจองภายหลังต้องถูกเลื่อนกำหนดจัดส่งออกไปอีก 2-3 สัปดาห์ จากเดิมที่ประกาศว่าจะจัดส่งได้ภายในวันที่ 19 มีนาคม ทั้งหมดนี้ทำให้ข้อมูลที่แหล่งข่าวซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์แอปเปิลในไทย คาดว่าคนไทยจะสามารถรับชมภาพยนตร์ความละเอียดสูง 1080p บน The new iPad ได้ก่อนปลายปีนี้มีโอกาสคลาดเคลื่อน แม้จะชัดเจนว่าไทยถูกเลื่อนจากกลุ่มประเทศสุดท้ายที่เริ่มวางจำหน่าย มาเป็นกลุ่มที่ 2-3 แล้วตั้งแต่ครั้งวางจำหน่าย iPhone 4s ที่ผ่านมา<br />
<br />
The new iPad ถูกเพิ่มสเปกให้มีแบตเตอรี่ที่นานขึ้น, กล้องดิจิตอลที่ดีขึ้น, ชิปทรงพลังกว่าเดิม และหน้าจอคมกริบ ซึ่งทุกข้อช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกม-ดูภาพยนตร์-อ่านเอกสาร-ทำวิดีโอคอลล์ รวมถึงการใช้งานอื่นๆบน iPad ที่เหนือกว่าเดิม ทั้งหมดนี้นักวิเคราะห์เชื่อว่า The new iPad นี้เองที่จะเป็นอุปกรณ์เปลี่ยนโลก<br />
<br />
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนรอ The new iPad คือหน้าจอ Retina Display ซึ่งยึดหลักความชัดมากเท่าที่ดวงตามนุษย์จะมองเห็น จอนี้เองที่ทำให้ The new iPad กลายเป็นแท็บเล็ตที่คมชัดที่สุด ทำให้การอ่านหนังสือ การท่องเว็บ หรือการเล่นเกมบน The new iPad ถูกยกระดับประสบการณ์การใช้งานของชาวแท็บเล็ตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน <br />
<br />
ยิ่งเมื่อรวมกับชุดชิปประมวลผล Apple A5X แม้จะยังคงเป็นดูอัลคอร์ (Dual Core) ไม่ได้ตามกระแส Quad Core เหมือนแอนดรอยด์ แต่การให้แรม 1GB เพื่อรองรับการเล่นเกมส์กราฟิกสูงร่วมกับชิปกราฟิกแบบควอดคอร์ (Quad Core) โดยเฉพาะ ช่วยทำให้คอเกมที่หวังซื้อแท็บเล็ตเป็นเครื่องเล่นมัลติมีเดียเลือกที่จะรอ<br />
<br />
ถามว่าทำไมคนกลุ่มนี้ถึงรอ ประสิทธิ์ วรฉัตราวณิช ผู้อำนวยการนิวมีเดียและอีคอมเมิร์ส บริษัท เอ.อาร์. อิมฟอร์เมชั่น จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในเบื้องหลังงานแสดงและจำหน่ายสินค้าไอทีชื่อดังอย่าง"คอมมาร์ต" อธิบายว่าพฤติกรรมผู้ซื้อแท็บเล็ตในขณะนี้เหมือนกับผู้ซื้อคอมพิวเตอร์พีซีในยุคก่อน เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่มองที่ความแรงของสเปกเครื่องแท็บเล็ต แต่ในปัจจุบัน ผู้ซื้อคอมพิวเตอร์เปลี่ยนมามองที่ความต้องการในการใช้งานที่แท้จริง ซึ่งคาดว่าความเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นในตลาดแท็บเล็ตอีกไม่นาน<br />
<br />
"ผู้บริโภคในตลาดแท็บเล็ตสมัยนี้ยังเข้าใจผิดว่าต้องดูที่สเปกความเร็ว แต่แท้จริงแล้วไม่เพียงดูที่สเปก สิ่งที่ควรดูคือแอปพลิเคชันมากกว่า ผู้บริโภครู้ไหมว่า 25 แอปพลิเคชันในชีวิตต้องมีอะไรบ้าง แท็บเล็ตควรจะเป็นอุปกรณ์ที่มีอะไรมากกว่า Angry Birds, Cut the rope หรือดูละคร เพราะอย่างน้อยต้องตอบโจทย์การใช้งานพื้นฐานได้"<br />
<br />
ประสิทธิ์มองปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตลาดสินค้าคอนซูเมอร์กำลังขยายตัวเข้าสู่ตลาดไอที ทำให้วันนี้แท็บเล็ตกลายเป็นเรื่องแฟชั่น ผู้ใช้มองแท็บเล็ตคุณสมบัติใหม่ด้วยอารมณ์มากขึ้น แต่ยอมรับว่าอุตสาหกรรมไอทีเติบโตได้รวดเร็วเพราะกลุ่มคนเหล่านี้<br />
<br />
"ความเห็นผมคือไม่ต้องรอ ซื้อเลย เพราะแท็บเล็ตรุ่นปัจจุบัน ส่วนใหญ่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้เกือบทั้งหมด การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ในแท็บเล็ตทำให้คนตื่นตัว ทุกอย่างเป็นกลไกตลาด แต่หลายฟีเจอร์คนไม่ได้งานจริงจัง สรุปคือผมอยากให้คนซื้อกลับมามองคุณสมบัติที่ใช้จริง ส่วนคนที่ไม่เคยซื้อแท็บเล็ตแล้วอยากได้รุ่นท็อปสุด ก็รอ"<br />
<br />
ประสิทธิ์ยกตัวอย่างว่า การสำรวจพบว่าคุณสมบัติหลักของอุปกรณ์ที่ผู้บริโภคต้องการคือ"แค่มี Wi-Fi ก็พอ" สะท้อนว่าคุณสมบัติทั้งแบตเตอรี่ที่นานขึ้น, กล้องดิจิตอลที่ดีขึ้น, ชิปทรงพลังกว่าเดิม และหน้าจอคมกริบ ล้วนเป็นส่วนเสริมเติมแต่งเท่านั้น<br />
<br />
สำหรับตลาดไทย ประสิทธิ์มั่นใจว่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กจะจำหน่ายได้ดีกว่าแท็บเล็ตต่อไป เนื่องจากแม้แท็บเล็ตจะมีความต้องการมากในตลาด แต่ยังอยู่ในระดับ "want แต่ไม่ need" <br />
<br />
"กระแสความต้องการแท็บเล็ตน่าจะไหลมาเรื่อยๆ ซึ่ง need จะเกิดได้เมื่อแอปฯเกิด ถึงวันนั้นแท็บเล็ตก็จะเป็นตลาดแมส"<br />
<br />
อีกสิ่งที่อาจจะทำให้คุณตัดสินใจได้ว่าควรชลอการซื้อแท็บเล็ตหรือไม่ คือคาถาที่ว่า"ซื้อก่อนได้ใช้ก่อน" เพราะใครที่ยังไม่ต้องการใช้งานก็สามารถเลือกรอต่อไป แต่ถ้าไม่ การควักกระเป๋าซื้อแท็บเล็ตในขณะนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่ผิด และสุดท้าย อย่าลืมว่าคุณมีงบประมาณเท่าใด เพียงพอต่อการซื้อแท็บเล็ตรุ่นไหน คุ้มค่ากับการใช้งานหรือไม่ หากตอบได้แล้วคุณก็จะรู้ว่าควรจะรอหรือลุย?<br />
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-12313887539228965582012-03-19T10:55:00.000+07:002012-03-19T10:55:05.812+07:00เปรียบเทียบระหว่าง new iPad และ Android แท็บเล็ต<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhEofLbfkr3LSvOIq0inu-HXMqKqZlmlZ5W51qpnpYa4U3QMNtMFqHB-_7yAQWv1s8fzkYD5J1TJ4DrLbzWXAc255pbzLQUq3yQDrdvMPgt56kjm2slanLwQKJukcEPFLgMVGldbNjbnj2n/s1600/11.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhEofLbfkr3LSvOIq0inu-HXMqKqZlmlZ5W51qpnpYa4U3QMNtMFqHB-_7yAQWv1s8fzkYD5J1TJ4DrLbzWXAc255pbzLQUq3yQDrdvMPgt56kjm2slanLwQKJukcEPFLgMVGldbNjbnj2n/s1600/11.JPEG" /></a></div>เปรียบเทียบระหว่าง new iPad และ Android แท็บเล็ต เลือกอะไรดีระหว่าง new iPad หรือ Android แท็บเล็ต ?<br />
ถึงแม้ว่าแอปเปิลจะไม่ใช่ผู้ผลิตอุปกรณ์ที่เรียกว่าแท็บเล็ตให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกเป็นแบรนด์แรกก็จริง แต่สิ่งที่แอปเปิลกลับสามารถทำได้สำเร็จอย่างน่าทึ่งนั่นคือการเปิดตัวแท็บเล็ตที่เรียกว่า iPad เมื่อปี 2010 ที่ถือว่าเป็นการพลิกประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของวงการไอทีเลยก็ว่าได้ ซึ่งทำให้โลกไม่ได้โฟกัสอยู่แค่ตลาดสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่มีตลาดใหม่เกิดขึ้น นั่นคือตลาดที่เรียกว่าแท็บเล็ตนั่นเอง <br />
<a name='more'></a><br />
และนับตั้งแต่วันที่แอปเปิลเปิดตัว iPad เมื่อปี 2010 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาแท็บเล็ตได้กลายเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกแบรนด์ต้องมีอยู่ในสายการผลิตของตัวเองแทบทั้งสิ้น<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* ส้ม-เงิน */
google_ad_slot = "1449611808";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมาอย่างที่ทราบ วันดังกล่าวกลายเป็นวันดีที่แอปเปิลถือฤกษ์เปิดตัวแท็บเล็ตของตัวเองรุ่นใหม่อย่าง The new iPad แต่ถึงกระนั้นแม้ว่าจะเป็นแท็บเล็ตตัวใหม่แกะกล่องจากค่ายผลไม้ เสียงตอบรับของผู้ที่รอคอยก็ไม่ถึงขั้นที่ผู้บริโภคอย่างเราๆ ต้องร้องว่า “โอ้วว้าววว” สักเท่าไหร่<br />
<br />
แน่นอนว่ายามใดที่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ สินค้าตัวเก่าย่อมต้องถูกเปรียบเทียบเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่แอปเปิลอย่าง iPad 2 กับ new iPad ผู้ซื้อควรจะซื้อรุ่นไหนดี ? หรือว่า ระหว่าง new iPad หรือ Android Tablet เราควรจะเลือกซื้ออะไร ? ซึ่งถ้ามองตลาด Android Tablet ตอนนี้คงต้องบอกว่าแท็บเล็ตที่สามารถต่อกรกับฝั่ง iPad ทั้ง iPad 2 และ new iPad ได้อย่างเต็มภาคภูมิคงจะมีแค่ Asus Transformer Prime ที่ถือธงแอนดรอยด์ แท็บเล็ตที่แรงที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้<br />
<br />
หากจะให้มองระหว่าง iPad ตัวใหม่ กับ iPad 2 ตัวเก่า ถ้าให้เลือกเชื่อว่าผู้บริโภค (ที่ยังไม่มี iPad อยู่ในมือแล้วต้องการได้แท็บเล็ตของแอปเปิล) ย่อมที่จะเลือกตัวใหม่มากกว่าตัวเก่า ยิ่งในตลาดสหรัฐอเมริกาเอง เชื่อว่า new iPad น่าจะมีภาษีที่ดีกว่า เพราะบ้านเขามี 4G LTE ให้ได้ใช้งาน อีกทั้งแอปเปิลยังเคลมด้วยว่า new iPad สามารถใช้งาน 4G ได้ยาวนานถึง 9 ชม. และ 10 ชม. ถ้าใช้งานผ่าน Wi-Fi นอกเหนือจากนี้แล้วหน้าจอความละเอียดของ new iPad ก็ดีกว่า iPad 2 ชนิดที่เรียกว่าละเอียดเกินกว่าที่ตาเปล่าจะมองเห็น ทั้งนี้ถ้าหากผู้ใช้มี iPad 2 อยู่ในมือการที่จะใช้แท็บเล็ตรุ่นเก่าแล้วรออีกรุ่นหนึ่งในปีหน้าก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดแต่ประการใด<br />
<br />
ดังนั้นจึงมองว่าคู่แข่งที่พอจะดูสมน้ำสมเนื้อกับ The new iPad คงจะเห็น Asus Transformer Prime มากกว่า ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Ice Cream Sandwich 4.0 รุ่นใหม่ล่าสุด ตั้งแต่แกะกล่อง นอกจากจะเป็นเรื่องของการฟาดฟันด้านระบบปฏิบัติการแล้ว ด้านชิปเซ็ทประมวลผล Transformer Prime นั้นใช้ชิปประมวลผลตัวใหม่จาก NVIDIA อย่าง Tegra 3 แบบ 4 แกนสมอง (ควอดคอร์) ขณะเดียวกันข้างฝ่ายแอปเปิลเองมาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 5.1 และใช้ชิปแบบ A5X (ดูอัลคอร์) ที่มีการเคลมว่า A5X ของแอปเปิลเร็วกว่า NVIDIA ถึง 4 เท่า แต่ทั้งนี้แอปเปิลก็ไม่ได้บอกว่าการทดสอบระหว่าง A5X กับ Tegra 3 ใช้เกณฑ์อะไรวัด ซึ่งเชื่อว่าถ้าหาก new iPad วางจำหน่ายข้างฝั่ง NVIDIA ต้องนำมาทดสอบให้เห็นจะๆ อย่างแน่นอนว่าของใครเหนือกว่ากัน <br />
<br />
นอกเหนือจากนี้แล้ว การเผชิญหน้ากันระหว่าง new iPad กับ Transformer Prime ยังไม่จบสิ้นเพียงแค่นี้ เมื่อ Apple ได้เพิ่มความน่าสนใจในตัวแท็บเล็ตของตัวเองมากขึ้น เมื่อมีการใส่หน้าจอแสดงผลแบบ Retina Display เข้าไป ทำให้มีความละเอียดมหาศาลถึง 1536x2048 พิกเซล ขณะเดียวกัน Transformer Prime มีความละเอียดจอ 800x1280 พิกเซล แต่การแสดงผลที่เป็นแบบ IPS+ นั้นก็ไม่ธรรมดา เพราะสีของภาพที่เป็นธรรมชาติมากๆ<br />
<br />
อย่างไรก็ตามในส่วนของจอแสดงผลคงต้องบอกว่า The new iPad เหนือกว่าชัดเจน และในส่วนของแอปพลิเคชันก็เป็นที่น่าสนใจไม่แพ้กันว่า การที่แอปเปิลได้หันมาใช้หน้าจอความละเอียดแบบ Retina Display แล้ว การพัฒนาในส่วนของแอปพลิเคชันจะเป็นอย่างไร ด้วยประสิทธิภาพชิปเซ็ทกราฟิกของแอปเปิลเป็นแบบควอดคอร์ด้วยยิ่งทำให้นักพัฒนามีแนวทางในการพัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ รวมถึงเกมมีึความหลากหลายมายิ่งขึ้น ดังนั้นประเด็นเรื่องของแอปพลิเคชันข้างฝั่ง iOS นำแอนดรอยด์ไปแล้วหนึ่งก้าว<br />
<br />
ด้านการดีไซน์ สำหรับ new iPad ที่ขนาดอาจจะหนาขึ้น น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย แต่อย่าลืมว่าฮาร์ดแวร์ภายใน new iPad นั้น มาพร้อมกับแบตเตอรีขนาดมหาศาลกว่า 11,666 mAh อีกทั้งยังมีทั้งกล้องที่มีความละเอียดแบบเดียวกันกับ iPhone 4S แต่การดีไซน์ทั้งหมดยังเป็นแบบเดิมเหมือนที่เคยเป็นมา ส่วนการดีไซน์ของ Transformer Prime เองก็น่าสนใจไม่น้อย ที่ตัววัสดุเป็นอลูมิเนียมขัดมันอย่างดี แสดงถึงความหรูหราอย่างเห็นได้ชัด ขนาดความบางของเครื่องเพียงแค่ 8.3 มิลลิเมตรเท่านั้น รวมถึงการออกแบบเครื่องยังเป็นการตอกย้ำว่าการเป็น Transformer Prime ต้องแปลงร่างได้<br />
<br />
ดังนั้นจึงสามารถแปลงร่างจากแท็บเล็ตธรรมดาๆ มาเป็น Netbook ขนาดฉบับกระเป๋าได้อีก 1 เครื่อง จุดนี้มองว่าการดีไซน์ Transformer Prime แปลกตา และดูเด่นกว่า The new iPad ที่รูปลักษณ์ภายนอกไม่มีอะไรที่แปลกใหม่<br />
<br />
ท้ายที่สุดจะเห็นได้ว่าทั้ง The new iPad และ Transformer Prime ต่างก็มีจุดแข็ง และจุดด้อยที่ต่างกันออกไป อยู่ที่ผู้บริโภคแล้วว่าอยากเลือกใช้แท็บเล็ตชิ้นใดมากกว่า<br />
ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์<br />
<br />
<br />
<center><br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* tv/10/54 */
google_ad_slot = "3288802929";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</center>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-51647078960169633682012-02-26T14:43:00.000+07:002012-02-26T14:43:43.705+07:00BLU Studio 5.3 สมาร์ทโฟนสีขาวหน้าจอ 5.3 นิ้ว<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhEjLiPMp69rD5j4ZmhOsJXm95Vu0k6nGsqmH-OKlXuvkd4hZDIDVtLjjcCZRZ2HrKYayJoZoa0EHLQ7unM6yPbIzt1aWFcs2E8NSSN3-zk4dQ3OkYEPNU61-Rq5TXqHbKRvGzuSySscudY/s1600/1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhEjLiPMp69rD5j4ZmhOsJXm95Vu0k6nGsqmH-OKlXuvkd4hZDIDVtLjjcCZRZ2HrKYayJoZoa0EHLQ7unM6yPbIzt1aWFcs2E8NSSN3-zk4dQ3OkYEPNU61-Rq5TXqHbKRvGzuSySscudY/s1600/1.jpg" /></a></div>BLU Studio 5.3 สมาร์ทโฟนสีขาวหน้าจอ 5.3 นิ้ว<br />
BLU Studio 5.3 สมาร์ทโฟนขนาดใหญ่สีขาวมาพร้อมกับระบบ 2 SIM และช่องเสียบการ์ด ถ้าไม่มองรายละเอียดภายในของ BLU Studio 5.3 เชื่อว่าหลายๆ คนคงคาดเดาว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้น่าจะถูกส่งมาแข่งกับ Samsung Galaxy Note เป็นการเพิ่มทางเลือกหรับคนที่ชอบสมาร์ทโฟนขนาดใหญ่ เพราะ BLU Studio 5.3 มีราคาถูกกว่า Galaxy Note ถึงครึ่งหนึ่ง!<br />
<a name='more'></a><br />
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="284" src="http://www.youtube-nocookie.com/embed/fjEtyZlFKK8?rel=0" width="500"></iframe><br />
รายละเอียดของ BLU Studio 5.3<br />
หน่วยประมวลผล ARMv6 ความเร็ว 650 MHz <br />
สนับสนุนระบบปฏิบัติการ Android 2.3.5 Gingerbread<br />
ชิพเร่งความเร็วกราฟิก PowerVR SGX531<br />
RAM 512 MB (200 MB สำหรับ build in memory)<br />
ขนาดตัวเครื่อง 150 x 81 x 10.9 มิลลิเมตร<br />
น้ำหนัก 192 กรัม<br />
กล้องหลังความละเอียด 5 MP<br />
กล้องหน้าแบบ VGA รองรับวิดีโอคอลล์<br />
ช่องใส่ MicroSD card- หน้าจอแบบ WVGA ขนาด 5.3 นิ้ว ความละเอียด 176 ppi<br />
แบตเตอรี่ 2500 mAh<br />
BLU Studio 5.3 สมาร์ทโฟนสีขาวหน้าจอ 5.3 นิ้ว<br />
ที่มา http://news.siamphone.com<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* new10/11 */
google_ad_slot = "2472841017";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-47891674677956344272012-02-05T23:43:00.000+07:002012-02-05T23:43:49.912+07:00ครบรอบวันเกิด Facebook อายุครบ 8 ขวบแล้ว<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgGZVEWxb8AWQmEgge7RUxbBiHn2Zmjp4CURvSzSH_BS-m8PHvYvKjgC6RdN5_8Y-oJ4kXSsmho8AYCxSjl1i3bl_woIG2b-j_JIyp5p37GoZSOXi3evk9IonIlbu2031X1_cbw4a9Mkwld/s1600/02.JPEG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="180" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgGZVEWxb8AWQmEgge7RUxbBiHn2Zmjp4CURvSzSH_BS-m8PHvYvKjgC6RdN5_8Y-oJ4kXSsmho8AYCxSjl1i3bl_woIG2b-j_JIyp5p37GoZSOXi3evk9IonIlbu2031X1_cbw4a9Mkwld/s320/02.JPEG" width="320" /></a></div>ครบรอบวันเกิด Facebook สุขสันต์วันเกิด 'Facebook' อายุครบ 8 ขวบแล้ว<br />
ทุกวันนี้ชื่อของเฟซบุ๊ก (Facebook) กลายเป็นเว็บไซต์ที่โด่งดังที่สุดเว็บหนึ่งของโลก ที่ไม่ว่าใครก็ตามย่อมรู้จักสัญลักษณ์ตัว F ที่มาพร้อมกับพื้นหลังสีน้ำเงิน อันโดดเด่น<br />
<br />
สำหรับเฟซบุ๊กที่ตอนนี้กลายเป็นเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์อันดับ 1 ของโลก ได้ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ปี 2004 ซึึ่งถ้าหากนับรวมจนถึงทุกวันนี้<br />
<a name='more'></a> เฟซบุ๊กมีอายุครบ 8 ขวบเต็ม แต่ก่อนที่เฟซบุ๊กจะเดินหน้าจนประสบความสำเร็จทุกวันนี้ เฟซบุ๊กผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายหลายครั้ง และมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์แห่งนี้เคยเกือบจะขายเฟซบุ๊กทิ้งไปครั้งหนึ่งแล้ว หลังจากการก่อตั้งเฟซบุ๊กได้ 5 เดือน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าถ้าวันนั้น มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ตัดสินใจขายบริษัทไป ชีวิตและการเดินทางของเฟซบุ๊กจะยิ่งใหญ่เหมือนทุกวันนี้ได้หรือไม่<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* ส้ม-เงิน */
google_ad_slot = "1449611808";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>และเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2011 ที่ผ่านมาเฟซบุ๊กได้ประกาศออกมาว่าขณะนี้ประชากรผู้ใช้ในเฟซบุ๊กมีจำนวนทั้งหมดทั้งสิ้น 845 ล้านคน มีจำนวนผู้ใช้ต่อวันสูงถึง 483 ล้านคนต่อวัน และใน 425 ล้านคนนั้นใช้บริการเฟซบุ๊กผ่านอุปกรณ์สมาร์ทโฟน <br />
<br />
เมื่อกาลเวลาของเฟซบุ๊กผ่านไปถึง 8 ปี เรามาย้อนอดีตว่าตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน มีอะไรเกิดขึ้นบ้างกับเฟซบุ๊ก<br />
<br />
กุมภาพันธ์ 2004 : ก่อตั้งเว็บไซต์ภายใต้ชื่อ thefacebook.com ขณะกำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด<br />
<br />
มีนาคม 2004 : เฟซบุ๊กได้เริ่มขยายความนิยมไปยังมหาวิทยาลัยอื่น นอกเหนือจากฮาวาร์ด ไม่ว่าจะเป็น สแตนฟอร์ด, โคลัมเบีย และเยล เป็นต้น<br />
<br />
มิถุนายน 2004 : เริ่มก่อตั้งบริษัทเฟซบุ๊ก ที่แพโล อัลโต แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา <br />
<br />
2005 : เปลี่ยนชื่อบริษัทอีกครั้งหนึ่ง โดยตัดคำว่า 'the' ออก เหลือเพียงแต่คำว่า Facebook เท่านั้น<br />
<br />
พฤษภาคม 2005 : เริ่มขยายฐานความนิยมไปยังมหาวิทยาลัยอื่น ในสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในสหรัฐอเมริกา และประเทศแคนาดา<br />
<br />
กันยายน 2005 : ขยายรูปแบบของเฟซบุ๊กยังไปโรงเรียนไฮสคูล ก่อนที่จะขยายให้บรรดาลูกจ้างในบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ และแอปเปิลได้ลองใช้งานเฟซบุ๊ก<br />
<br />
กันยายน 2006 : เปิดตัวให้ได้ลองใช้งานเฟซบุ๊กได้ในวงกว้าง โดยมีเงื่อนไขเล็กน้อย นั่นคือจะต้องมีอายุขั้นต่ำ 13 ปี และมีอีเมลที่ติดต่อและใช้งานจริง<br />
<br />
ตุลาคม 2006 : ไมโครซอฟท์ได้เข้าซื้อหุ้นเฟซบุ๊ก เป็นจำนวนเงิน 240 ล้านเหรียญสหรัฐ และหลังจากนั้นไม่นานนิตยสารฟอร์บ ได้ประกาศว่ามาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก กลายเป็นมหาเศรษฐีหนุ่มที่อายุน้อยที่สุด และหลังจากนั้นเป็นต้นมาชื่อของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เริ่มถูกจับตามองทันที<br />
<br />
เมษายน 2008 : เฟซบุ๊กเปิดฟีเจอร์แชตเพื่อติดต่อพูดคุยกับเพื่อนผู้ใช้ด้วยกันได้ และในช่วงเวลาเดียวกันเฟซบุ๊กได้มีการเพิ่มภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษอีก โดยมีภาษาฝรั่งเศส, เยอรมนี และสแปนิช เพิ่มเติม<br />
<br />
กุมภาพันธ์ 2009 : เฟซบุ๊กได้เพิ่มปุ่ม 'Like' ซึ่งภายหลังกลายเป็นจุดเด่นของเฟซบุ๊กไปโดยปริยาย<br />
<br />
ตุลาคม 2010 : เฟซบุ๊กได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ นั่นคือ การสร้างกลุ่ม (Group) และเพิ่มฟีเจอร์แชร์ เพื่อส่งต่อข้อความที่เป็นประโยชน์ และน่าสนใจ<br />
<br />
พฤศจิกายน 2010 : เฟซบุ๊กขึ้นแท่นเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ในสหรัฐอเมริกา รองจากกูเกิล และอเมซอน<br />
<br />
กันยายน 2011 : เปิดฟีเจอร์ใหม่อีกครั้ง นั่นคือ Timeline ที่สามารถย้อนอดีตกลับไปดูสเตตัส ต่างๆ ที่เคยตั้ง รูปภาพที่เคยแชร์ เป็นต้น รวมไปถึงการเพิ่มหน้าปก (Cover) สำหรับหน้าบัญชีส่วนตัว (Profile)<br />
<br />
ธันวาคม 2011 : เฟซบุ๊กมีจำนวนผู้ใช้ทั่วโลกรวมกันกว่า 845 ล้านคน ยอดอัปโหลดภาพ 250 ล้านภาพ/วัน ปริมาณการกดไลค์ 2.7 พันล้านครั้ง/วัน และมีกำไรสุทธิกว่า 1 พันล้านเหรียญฯ<br />
<br />
กุมภาพันธ์ 2012 : ยื่นเอกสารเพื่อนำเฟซบุ๊กเข้าสู่บริษัทตลาดหุ้นอย่างเป็นทางการ<br />
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* new10/11 */
google_ad_slot = "2472841017";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-92101070941794894042012-02-04T17:45:00.001+07:002012-02-04T17:47:06.000+07:0010 เรื่องเซอร์ไพรส์หลัง Facebook ยื่นหนังสือเข้าตลาด<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhiY8RcFcmiRvEBwqBVWqXtkMfMfA6dtePvvHOaM3vKtvYHWYpkenur810meg5V7nfpoyXu1MHGYb1Mfnz1Ciiah73JCYSZpp-icmp4t_NqRNb5hQ58Jhyt_IN9wq0XFRAj-6Ay3k8VqFV6/s1600/1.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhiY8RcFcmiRvEBwqBVWqXtkMfMfA6dtePvvHOaM3vKtvYHWYpkenur810meg5V7nfpoyXu1MHGYb1Mfnz1Ciiah73JCYSZpp-icmp4t_NqRNb5hQ58Jhyt_IN9wq0XFRAj-6Ay3k8VqFV6/s1600/1.JPEG" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">Mark Zuckerberg ซีอีโอเฟซบุ๊ก</td></tr>
</tbody></table>10 เรื่องเซอร์ไพรส์หลัง Facebook ยื่นหนังสือเข้าตลาด : Cyber Talk<br />
หลังจากเครือข่ายสังคมยักษ์ใหญ่ Facebook ยื่นหนังสือเตรียมจำหน่ายหุ้น IPO เพื่อผันตัวเองเป็นบริษัทมหาชนอย่างเป็นทางการ ข้อมูลมากมายถูกเปิดเผยและสร้างความประหลาดใจให้นักสังเกตการณ์ทั่วโลก ต่อไปนี้คือ 10 เรื่องที่สื่อต่างประเทศลงความเห็นว่าสร้างความเซอร์ไพร์สมากที่สุด<br />
<a name='more'></a><br />
1. จำนวนผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก : เอกสารระบุว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กมีจำนวน 845 ล้านคน เป็นตัวเลขที่มากกว่าสถิติที่บริษัทเคยประกาศไว้เมื่อเดือนกันยายนถึง 45 ล้านคน เฉลี่ยแล้ว เฟซบุ๊กมีแอคทีฟยูสเซอร์มากกว่า 483 ล้านคนต่อวัน ทุกคนมีส่วนช่วยให้ปริมาณคอมเมนต์และการกด Like บนเฟซบุ๊กทะลุ 2.7 พันล้านครั้ง และปริมาณภาพกว่า 250 ล้านรูปที่ถูกอัปโหลดต่อวัน<br />
<div style="display: block; float: left; margin: 5px;"><script type="text/javascript">
<!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* น้ำเงิน-ส้ม */
google_ad_slot = "2482170379";
google_ad_width = 160;
google_ad_height = 600;
//-->
</script><br />
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script></div>2. จำนวนความเป็นเพื่อน : โลกนี้ยังไม่มีการทำสำรวจของค่ายใดที่สะท้อนปริมาณเพื่อนหรือความสัมพันธ์ (relationship) ของสมาชิกเฟซบุ๊กอย่างชัดเจน วันนี้เฟซบุ๊กอาสานับรวมให้โดยประกาศว่าปริมาณความเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กนั้นทะลุ 1 แสนล้าน relationship แล้ว ตัวเลขนี้บังเอิญไปซ้ำกับตัวเลขมูลค่าตลาดที่นักวิเคราะห์คาดว่ามูลค่าหุ้นเฟซบุ๊กหลังขาย IPO อาจจะทะลุ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯก็ได้ คิดเล่นๆจะเท่ากับ relationship ละ 1 เหรียญสหรัฐพอดี<br />
<br />
3. รายรับของเฟซบุ๊ก : เฟซบุ๊กประกาศชัดเจนว่ามีรายรับ 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐช่วงปีที่ผ่านมา คิดเป็นกำไร 1 พันล้านเหรียญ เมื่อเฉลี่ยรายรับรวมกับจำนวนสมาชิกเฟซบุ๊กแล้ว จะเท่ากับสมาชิกสร้างเงินให้เฟซบุ้กรายละ 4.62 เหรียญต่อเดือน (ราว 143 บาท)<br />
<br />
4. ซีอีโอไข่ในหิน : เอกสารของเฟซบุ๊กทำให้โลกรู้ว่าซีอีโอเฟซบุ๊ก มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก นั้นได้รับการดูแลเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยชนิดไข่ในหิน ทั้งการ์ดหรือทีมงานและระบบรักษาความปลอดภัยที่ต้องติดตั้งในบ้านล้วนเป็นค่าใช้จ่ายของเฟซบุ๊ก โดยถูกรวมไว้เป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆในนามซีอีโอซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 783,529 เหรียญในปี 2011 (ราว 24 ล้านบาท)<br />
<br />
5. แผนครองโลก : อย่าคิดว่าข้อนี้เป็นเซอร์ไพร์สไร้สาระ เพราะนี้คือเรื่องจริงที่เฟซบุ๊กกำลังมุ่งครองตลาดโลกอย่างจริงจัง วันนี้รายได้ของเฟซบุ๊กมาจากประเทศอื่นที่ไม่ใช้สหรัฐฯมากขึ้นเรื่อยๆ และการรองรับภาษากว่า 70 ภาษาของเฟซบุ๊กก็ยิ่งทำให้เฟซบุ๊กสามารถครองตลาดเกิดใหม่ทั้งบราซิล อินเดีย และจีนซึ่งมีปริมาณการเติบโตสูงมาก สำหรับประเทศที่เฟซบุ๊กยังไม่สามารถขยายตลาดได้เท่าที่ควรเพราะยังมียักษ์ใหญ่เครือข่ายสังคมท้องถิ่นที่ครองตลาดอยู่ คือรัสเซียและญี่ปุ่น ซึ่งมีแนวโน้มว่าเฟซบุ๊กจะพยายามยกระดับตัวเองให้มากขึ้น<br />
<br />
6. ปัญหาอยู่ที่มือถือ : เซอร์ไพร์สสำคัญเรื่องหนึ่งที่พบจากเอกสารของเฟซบุ๊กคือแนวโน้มว่าเฟซบุ๊กกำลังมีปัญหากับตลาดอุปกรณ์มือถือ วันนี้เฟซบุ๊กยังไม่ได้ติดพื้นที่โฆษณาในแอปพลิเคชันสำหรับผู้ใช้เฟซบุ๊กบนอุปกรณ์พกพาทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เรื่องนี้เฟซบุ๊กยอมรับเองว่าเป็นห่วงเรื่องเทรนด์การใช้งานเฟซบุ๊กบนอุปกรณ์พกพาที่อาจจะกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท ซึ่งตอนนี้บริษัทกำลังหาวิธีทำการตลาดบนอุปกรร์พกพาที่เหมาะสมและไม่สร้างความรบกวนแก่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ<br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi7jffAXUxiynK0upbboFH-MCUCFcjsR98IsKytzfrAsM7h53jXSM2hO5JPpbxfHbADiaEqP1IM9pjwS9NGAEVIqyh-ZEJ9ltJaVxB8moRGLLzhyrEXTbDg2HUmhBALhqndJn_SEOkt-nTG/s1600/2.JPEG" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi7jffAXUxiynK0upbboFH-MCUCFcjsR98IsKytzfrAsM7h53jXSM2hO5JPpbxfHbADiaEqP1IM9pjwS9NGAEVIqyh-ZEJ9ltJaVxB8moRGLLzhyrEXTbDg2HUmhBALhqndJn_SEOkt-nTG/s1600/2.JPEG" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">อิริยาบทสบายๆของซีอีโอเฟซบุ๊ก ซึ่งกำลังจะกลายเป็นบริษัทมหาชนในเร็ววันนี้</td></tr>
</tbody></table>7. พฤติกรรมชาวเฟซบุ๊ก : หลังจากยื่นหนังสือเข้าตลาด เรื่องราวของเฟซบุ๊กก็ถูกกล่าวถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะการประกาศผลการสำรวจนานาพฤติกรรมของชาวเฟซบุ๊กที่ตกหล่นไป ล่าสุดพิวรีเซิร์ช (Pew Research Internet Project) พบว่าผู้ชายมีจำนวนการอัปเดทสถานะต่อเดือนเพียง 6 ครั้งเท่านั้น น้อยกว่าผู้หญิงซึ่งอัปเดทสถานะเฉลี่ย 11 ครั้ง แต่ผู้ชายจะลงมือส่งลิงก์ขอเป็นเพื่อนมากกว่า ซึ่งผู้หญิงก็จะได้รับคำขอเป็นเพื่อนมากกว่าชายแบบสมเหตุสมผลกัน<br />
<br />
8. ห้ามเถียงซีอีโอ : หากเฟซบุ๊กกลายเป็นบริษัทมหาชน แต่มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์กจะยังเป็นซีอีโอที่ไม่มีใครเถียงได้ เพราะหลังการขาย IPO ซัคเกอร์เบิร์กจะยังคงถือหุ้น 28% หรือราว 1 ใน 3 ของบริษัท แต่จะมีสิทธิ์ออกเสียงหรือลงคะแนนกับกรรมการบริหารเฟซบุ๊กมากถึง 57% เท่ากับเจ้าพ่อเฟซบุ๊กซึ่งเป็นชาวอเมริกันที่ร่ำรวยที่สุดจะเป็นศูนย์กลางอำนาจในการบริหารเฟซบุ๊กต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง จุดนี้มีการประเมินว่า ซัคเกอร์เบิร์กจะมีอำนาจในการบริหารเฟซบุ๊กมากกว่าเจ้าพ่อบิล เกตส์ (Bill Gates) ซึ่งเคยมีสัดส่วนออกเสียงในวันที่ไมโครซอฟท์เป็นบริษัทมหาชนเพียง 49% (ปี 1986) แถมยังมากกว่าผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิลที่มีสัดส่วนออกเสียงในกูเกิลคนละ 16% เท่านั้น (ปี 2004)<br />
<br />
9. เฟซบุ๊กคือมรดก : เอกสารมีการระบุถึงกรณีที่ Mark Zuckerberg เสียชีวิต โดยอำนาจการบริหารทุกอย่างจะถูกส่งต่อไปยังบุคคลหรือนิติบุคคลที่ Mark Zuckerberg ระบุให้เป็นทายาททางกฏหมายต่อไป แบบนี้ไม่เรียกว่ามรดกก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว<br />
<br />
10. หุ้นอื่นราคาพุ่งกระฉูด : โดยเฉพาะ Zynga บริษัทผู้ผลิตเกมให้เฟซบุ๊กนั้นมูลค่าหุ้นพุ่งกระฉูด 17% เป็นประวัติการณ์ เพราะเฟซบุ๊กเปิดเผยว่า Zynga สามารถสร้างรายได้ให้เฟซบุ๊กเป็นสัดส่วน 12% ของรายได้รวม โดยเป็นรายได้จากการขายสินค้า บริการ และโฆษณาในเกม (in-game purchases and advertising) ถือเป็นตัวเลขที่น่าประหลาดใจสำหรับการดำเนินงานของบริษัทเดียว ไม่เพียง Zynga แต่บริษัทมหาชนเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายสังคมรายอื่นก็ล้วนได้รับแรงดันจากการเปิดเผยข้อมูลของเฟซบุ๊กด้วย ทั้ง Groupon ที่หุ้นพุ่ง 7.4% หรือ LinkedIn ที่เพิ่มขึ้น 6.4% รวมถึง Renren เครือข่ายสังคมสัญชาติจีนที่หุ้นพุ่ง 8.2% เช่นกัน<br />
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript">
<!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* new10/11 */
google_ad_slot = "2472841017";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-90138469110282077102012-02-03T23:30:00.000+07:002012-02-03T23:30:31.042+07:00เปิดสเปกแท็บเล็ต ราคา 2,400 เตรียมแจกเด็ก ป.1<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh_JPOEM8Ba28nvLzNKOy-PBuW-mYyOR5rdC01mhhqSpJ-ak3q5fg5SlRu5RQ1eDuNMS9J8m97X9HRUZj-F-ZuM9zuWcdZOI5cz9p16YF9ZNesR9MWS-zQRPtRgu_qlq2W3wFjRCgupdCTj/s1600/tablet_001_1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh_JPOEM8Ba28nvLzNKOy-PBuW-mYyOR5rdC01mhhqSpJ-ak3q5fg5SlRu5RQ1eDuNMS9J8m97X9HRUZj-F-ZuM9zuWcdZOI5cz9p16YF9ZNesR9MWS-zQRPtRgu_qlq2W3wFjRCgupdCTj/s400/tablet_001_1.jpg" width="400" /></a></div>เปิดสเปกแท็บเล็ต ราคา 2,400 เตรียมแจกเด็ก ป.1<br />
เผยสเปกแท็บเล็ตแจกเด็ก ป.1 ราคาเครื่องละ 2,400 บาท จอภาพ 7 นิ้ว ซีพียู 1 GHz แรม 512MB ความจุ 16GB มี GPS-Wireless ในตัว<br />
<br />
ทำเอาวงการศึกษาฮือฮา เมื่อรัฐบาลเตรียมคลอดนโยบาย "วันแท็บเล็ตพีซีเปอร์ชายด์" (One Tablet Pc per Child) หรือการแจกคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เพื่อนำไปใช้ศึกษาหาความรู้ โดยนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า ตั้งใจจะแจกแท็บเล็ตให้เด็กนักเรียนได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2555 เป็นต้นไป แต่ในช่วงแรกอาจได้ไม่ครบทุกคน เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการสั่งซื้อ<br />
<a name='more'></a><br />
อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวได้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม โดยส่วนหนึ่งเห็นด้วย ขณะที่อีกส่วนเห็นต่าง เพราะเกรงว่า เด็กจะนำแท็บเล็ตไปใช้ในทางที่ผิด อีกทั้งยังข้องใจว่า แท็บเล็ตราคาถูกที่รัฐบาลแจกนั้นจะมีคุณภาพต่ำ ทั้งสเปกภายในเครื่องและวัสดุประกอบเครื่อง ทำให้เครื่องเสียหายได้ง่ายเมื่ออยู่ในมือเด็ก<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* ส้ม-เงิน */
google_ad_slot = "1449611808";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>เพื่อคลายความสงสัยนี้ รัฐบาลจึงได้เปิดเผยร่างข้อตกลง (TOR) ที่ระบุสเปกของแท็บเล็ตที่จะสั่งซื้อ โดยแท็บเล็ตนั้นจะมีราคาเครื่องละ 2,400 บาท และว่าจ้างบริษัทจากประเทศจีนผลิตให้กับกระทรวงศึกษาธิการโดยตรง ซึ่งมีการกำหนดสเปกเครื่อง และเงื่อนไขต่าง ๆ เบื้องต้น ดังนี้<br />
<br />
มีจอแบบสัมผัสภาพ ขนาดของจอแสดงผลไม่น้อยกว่า 7 นิ้ว ความละเอียดของจอภาพ ไม่น้อยกว่า 1024x768 พิกเซล ต้องทนต่อรอยขีดข่วน มีการติดฟิล์มกันรอยที่หน้าจอและหลังตัวเครื่อง และต้องมีเคสบรรจุเพื่อป้องกันเครื่องทั้งด้านหน้าและหลัง<br />
<br />
ติดตั้งระบบความปลอดภัยระดับ OS Security Level <br />
<br />
ความจุของเครื่องไม่ต่ำกว่า 16 GB<br />
<br />
หน่วยประมวลผลกลาง หรือ ซีพียู ไม่ต่ำกว่า 1 GHz และเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Dual Core <br />
<br />
หน่วยความจำหลัก หรือ แรม ไม่น้อยกว่า 512 MB<br />
<br />
ติดตั้งระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาเพื่อแท็บเล็ตโดยเฉพาะ หรือรองรับระบบ Android 3.2 (ZHoneycomb) , Linux Kernel 2.6.36 ขึ้นไป และรองรับ Android 4.0 (Ice Cream Sandwich) , Linux Kernel 3.0.1 ได้<br />
<br />
มีระบบเชื่อต่อสายสัญญาณ Data Sync <br />
<br />
มีช่องเสียบชุดหูฟังพร้อมไมโครโฟน <br />
<br />
มีช่องสำหรับใส่สื่อบันทึก Micro SD Card <br />
<br />
มีลำโพงในตัว<br />
<br />
มีอุปกรณ์การเชื่อมต่อแบบ USB 2.0<br />
<br />
มีระบบเชื่อมต่อไวร์เลส ตามมาตรฐาน IEEE 802.11b/g หรือดีกว่า โดยใช้คลื่นความถี่ 2.4GHz <br />
<br />
มีระบบเซ็นเซอร์ปรับแสงสว่าง <br />
<br />
มี GPS ชนิดติดตั้งภายในตัวเครื่อง Built-in<br />
<br />
ต้องได้รับการรับรองมาตรฐานการแผ่กระจายคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มอก.1956-2548, มาตรฐานความปลอดภัย มอก.1561-2548, มาตรฐานเพื่อสิ่งแวดล้อม RoHs และต้องผลิตตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสำหรับใช้งานกับไฟฟ้ากระแสสลับได้ในช่วงตั้งแต่ 190 ถึง 240 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิร์ท 1 เฟส พร้อมระบบสายดินตามมาตรฐานของประเทศไทย <br />
<br />
ในส่วนของโรงงานประกอบ ผลิต และหรือสายการผลิต ต้องได้รับมาตรฐานในอนุกรม มอก.9001 หรือ ISO 9001<br />
<br />
จัดทำ Storage Partition ทำการ Reload ซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการ และแอพพลิเคชั่นซอฟท์แวร์ตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด<br />
<br />
รับประกันอุบัติเหตุและอุบัติภัยระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันตรวจรับ และตองให้บริการ On-Site Service หรือให้บริการ ณ สถานที่ติดตั้ง เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี<br />
<br />
หากเครื่องชำรุด สามารถเปลี่ยนเครื่องใหม่ภายใน 5 วันทำการ นับจากวันที่ผู้ขายได้รับแจ้ง<br />
<br />
ต้องตรวจสอบและบำรุงรักษาทุก 6 เดือน ตลอดระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันส่งมอบ<br />
<br />
เปิดศูนย์บริการ 24 ชั่วโมง เพื่อตอบปัญหาการใช้งาน หรือรับแจ้งเครื่องที่มีปัญหา<br />
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* new10/11 */
google_ad_slot = "2472841017";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-42854045337081428492012-02-02T13:38:00.000+07:002012-02-02T13:38:40.355+07:00Boxx มอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าทรงกล่องช่วยลดโลกร้อน<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj16muZB5hbDtZhdIm0tkYfIoqogMiOqv_dPYk79hbIkv9wqWCJXL8Idzsz3EITaBdthbGtiWDoeFYc60gEHCYqDJlBudzTBB37JV6TmG9Dm6BTRCYp5zMnAvypMzkxf8Uj-rLm8kotkxbV/s1600/01.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj16muZB5hbDtZhdIm0tkYfIoqogMiOqv_dPYk79hbIkv9wqWCJXL8Idzsz3EITaBdthbGtiWDoeFYc60gEHCYqDJlBudzTBB37JV6TmG9Dm6BTRCYp5zMnAvypMzkxf8Uj-rLm8kotkxbV/s1600/01.jpg" /></a></div>Boxx มอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าทรงกล่องช่วยลดโลกร้อน Boxx บริษัทผู้ผลิตมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าออกมาตีตลาดโลกด้วยดีไซน์ที่ต่างการออกแบบ Boxx มีลักษณะคล้ายกล่องขนาดเล็ก สีสันสดใสน่ารักและลดโลกร้อน มอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าเป็นอีกทางหนึ่งสำหรับคนที่หลีกเลี่ยงกับปัญหารถติด ภาวะมลพิษที่มีอยู่รอบตัว โดยสามารถใช้ในการเดินทางได้ไกลถึง 130 กิโลเมตร ต่อการชาร์จแบตฯ ความเร็วสุด 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง<br />
<a name='more'></a><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj7OPLru8ojm2HGiQGoCNDe91Fq_5z_40DxWwEwC-4Nb6emWDYwF27Bmt0LF0gjMeWVynrucIO8Sl_AXwwRmiZB0dwwl9oj_vIj_vYkXUEx-xCCGeReBLuk-TbWED7XR45kf8lcxmQh9pCL/s1600/02.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj7OPLru8ojm2HGiQGoCNDe91Fq_5z_40DxWwEwC-4Nb6emWDYwF27Bmt0LF0gjMeWVynrucIO8Sl_AXwwRmiZB0dwwl9oj_vIj_vYkXUEx-xCCGeReBLuk-TbWED7XR45kf8lcxmQh9pCL/s1600/02.jpg" /></a></div>ความยาว 36 นิ้ว,น้ำหนัก 55 กิโลกรัม สามารถรองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 41-136 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมีระบบคันเร่งไฟฟ้า ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (traction control) ระบบขับเคลื่อนการทำงานทั้งสองล้อ ระบบป้องกันเบรคล็อค พร้อมไฟหน้า LED <br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj4B81lsQJLS2v3VHN2VGimg21WQZjWnlv0y_ahWXDYDkOuU4F14yyWj4KHrxbNn3NjCSxSunaY9S5_yNqsFkOu4u0rrrxb1eY007cxH_-QKraLyfEYVJk7Qj_cX5ozvbXqgWQFdy9xtlef/s1600/03.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj4B81lsQJLS2v3VHN2VGimg21WQZjWnlv0y_ahWXDYDkOuU4F14yyWj4KHrxbNn3NjCSxSunaY9S5_yNqsFkOu4u0rrrxb1eY007cxH_-QKraLyfEYVJk7Qj_cX5ozvbXqgWQFdy9xtlef/s1600/03.jpg" /></a></div>หากต้องขับขี่ในช่วงหน้าหนาว ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปในเมื่อมีออฟชั่นที่ทำให้ที่นั่งมีความอุ่นไปในตัว ขับขี่ได้อย่างสบายใจและปลอดภัย Boxx มอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าคันนี้ราคาอยู่ที่ 3,995 เหรียญฯ หรือประมาณ 120,000 บาท สามารถเข้าเลือกสีตัวรถและออฟชั่นต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์ http://www.boxxcorp.com/<br />
2012 NEW Boxx compact electric scooter photo compilation<br />
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="284" src="http://www.youtube-nocookie.com/embed/RWaLy4le158?rel=0" width="500"></iframe><br />
Boxx มอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าทรงกล่องช่วยลดโลกร้อน<br />
ที่มา http://news.siamphone.com<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* new10/11 */
google_ad_slot = "2472841017";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-18396127065718334352012-01-14T18:15:00.001+07:002012-01-14T18:17:15.503+07:00ที่อุปกรณ์เสริมสำหรับการเล่นเกมส์บน iPhone, iPad และ iPod Touch<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQo30aOjaGkU1DQuGwPoz8zNVUnyegKWhBdHanGizxE8Iw0bLeox47OZggFt9_yPH6WPPmVC1F4hA-P3liYv8yoNZg0QbVd7F9gl-WN7dgUA1TocXhxg5knjoTpRTmMcKCczpoZuriE6ry/s1600/01.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQo30aOjaGkU1DQuGwPoz8zNVUnyegKWhBdHanGizxE8Iw0bLeox47OZggFt9_yPH6WPPmVC1F4hA-P3liYv8yoNZg0QbVd7F9gl-WN7dgUA1TocXhxg5knjoTpRTmMcKCczpoZuriE6ry/s1600/01.jpg" /></a></div>Ion Audio ขอนำเสนอคอนโทรล์เลอร์เกมส์สำหรับ iPhone, iPad และ iPod Touchในงาน CES 2012 <br />
คอเกมส์ไม่ควรพลาด iCade Core และiCade Mobile จาก Ion Audio ที่เปิดตัวในงาน CES 2012 ที่อุปกรณ์เสริมสำหรับการเล่นเกมส์บน iPhone, iPad และ iPod Touch ที่อาจให้สัมผัสเหมือน PSP <br />
<a name='more'></a><br />
iCade Core รองรับการใช้งานบน iPad, iPhone และ iPod touch ส่วน iCade Mobile จะรองรับการใช้งานเฉพาะ iPhone และ iPod touch ซึ่งคอนโทรล์เลอร์ ดังกล่าวจะช่วยในการควบคุมการเล่นเกมส์ สามารถหมุนจากแนวตั้งเป็นโหมดแนวนอนได้ ขึ้นอยู่กับทิศทางของเกมส์ที่คุณจะเล่น โดยคาดว่าจะสามารถวางตลาด iCade Mobile ได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2012<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhml4Q9ZVapGz8gM5T3_qZwAXQ5kwT150kdMx-XmnYDl86DDhhLu6UykbeRKvZg6iIX6U3YcvDLt7XXfhsUs_4CV2AD4a_V-N3yuc_No9UXxV6wmoola8zJNgWLHtOLXeT-lgaOKwcMMLg-/s1600/02.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhml4Q9ZVapGz8gM5T3_qZwAXQ5kwT150kdMx-XmnYDl86DDhhLu6UykbeRKvZg6iIX6U3YcvDLt7XXfhsUs_4CV2AD4a_V-N3yuc_No9UXxV6wmoola8zJNgWLHtOLXeT-lgaOKwcMMLg-/s1600/02.jpg" /></a></div>ION Audio iCade mobile [Hands-on][[CES 2012][HD] <br />
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="285" src="http://www.youtube-nocookie.com/embed/41KvOxxvbNQ?rel=0" width="500"></iframe><br />
ที่อุปกรณ์เสริมสำหรับการเล่นเกมส์บน iPhone, iPad และ iPod Touch <br />
ที่มาhttp://news.siamphone.com/news-05402.html<br />
<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* new10/11 */
google_ad_slot = "2472841017";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-1039539851377513242012-01-14T18:06:00.001+07:002012-01-14T18:07:08.454+07:00Samsung เปิดตัว Galaxy Player 3.6 สำหรับชาวเกาหลีใต้<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjD9RRLb7EydwOARPMhyXN325T6AHPR5A6XKxP2w4eHzBCumQygGt4w19I9lqgZqTTF6DhqpljZkjKDYIUoHGiyJD6e1MBZZeEOrwQZEU92YiQp-YmLMOdxK60H3xgnfIIxRO5kG3lyK9lD/s1600/1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjD9RRLb7EydwOARPMhyXN325T6AHPR5A6XKxP2w4eHzBCumQygGt4w19I9lqgZqTTF6DhqpljZkjKDYIUoHGiyJD6e1MBZZeEOrwQZEU92YiQp-YmLMOdxK60H3xgnfIIxRO5kG3lyK9lD/s1600/1.jpg" /></a></div>Samsung เปิดตัว Galaxy Player 3.6 สำหรับชาวเกาหลีใต้หลังจากที่ปล่อย Galaxy Players รุ่น 4 และ 5 นิ้วออกมาในปีก่อนนี้ ซัมซุงก็ยังไม่หนำใจปล่อย Samsung Galaxy Player ตัวใหม่ที่มีหน้าจอจขนาด 3.6 นิ้ว เพื่อลดขนาดตัวเครื่องให้เล็กลง สำหรับการพกพาที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น โดย Samsung Galaxy Player 3.6 (YP-GS1) ใช้ระบบปฎิบัติการ Android 2.3 มาพร้อมฟังก์ชั่น SoundAlive<br />
<a name='more'></a>ที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสให้คุณระหว่างฟังเพลง เท่านั้นยังไม่พอ เพราะรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 3.0, Wi-Fi 802.11b/g/n พร้อมหน่วยความจำให้เลือก 2 ขนาดคือ 8 และ 16 GB โดยราคาจะเริ่มต้นที่ 200,000 won (ประมาณ 5,500 บาท)<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgo2qwHL0cP13FtJfi7Nk5EkfCBEP4HfKnvs1j_XZcbinz5VkP97no7UsVrt4oRXTHd_Yh-44_YIAyGBFFQ1h1g6GcLn-ltTMYP7VEI_SFy7rY_ieRv8f1yvd0dyJQlbLg1h3riUzvVHS-t/s1600/2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgo2qwHL0cP13FtJfi7Nk5EkfCBEP4HfKnvs1j_XZcbinz5VkP97no7UsVrt4oRXTHd_Yh-44_YIAyGBFFQ1h1g6GcLn-ltTMYP7VEI_SFy7rY_ieRv8f1yvd0dyJQlbLg1h3riUzvVHS-t/s1600/2.jpg" /></a></div>Samsung เปิดตัว Galaxy Player 3.6 สำหรับชาวเกาหลีใต้<br />
ที่มา news.siamphone.com/news-05405.html<br />
<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* new10/11 */
google_ad_slot = "2472841017";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-34223974527705761022012-01-10T16:20:00.000+07:002012-01-10T16:20:05.285+07:00คลิปวีดีโอการสาธิตโชว์หย่อน “ไอแพด” จากอวกาศตกถึงโลกไม่เจ๊ง<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhhAc1X1xTY7X9UbSWo8z5Gb5KORBNokWlJX77MI4OMBQatAFMuA5IBIUPcPu1cwCwtcgwSUrr0xs21aZsvqHcdgUyJqWMMEfCHW3pS_QDqRhwKnpgZkixrlNEKJeOGShGBPMSx80ljEvga/s1600/2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="231" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhhAc1X1xTY7X9UbSWo8z5Gb5KORBNokWlJX77MI4OMBQatAFMuA5IBIUPcPu1cwCwtcgwSUrr0xs21aZsvqHcdgUyJqWMMEfCHW3pS_QDqRhwKnpgZkixrlNEKJeOGShGBPMSx80ljEvga/s400/2.jpg" width="400" /></a></div>ของดีจริง! ผู้ผลิตเคสโชว์หย่อน “ไอแพด” จากอวกาศตกถึงโลกไม่เจ๊ง เอเจนซี - ผู้ผลิตเคสใส่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จี-ฟอร์ม ทดลองปล่อยไอแพดร่วงลงมาจากอวกาศ เพื่อโชว์ประสิทธิภาพและความแข็งแกร่งของเคสในการปกป้องอุปกรณ์จากแรงกระแทก<br />
<br />
ภาพจากคลิปวิดีโอยูทิวบ์เผยให้เห็นว่า จี-ฟอร์ม นำไอแพดที่บรรจุในเคสผูกติดกับบอลลูน ซึ่งพาอุปกรณ์ลอยสูงขึ้นไปกว่า 100,000 ฟุต (ราว 31.5 กิโลเมตร) โดยมีกล้องวิดีโอจับความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา<br />
<a name='more'></a><br />
เมื่อแรงดันอากาศทำให้บอลลูนแตก ไอแพดจึงลอยละลิ่วตกลงสู่พื้นโลก บริเวณเนินเขาในรัฐเนวาดาของสหรัฐฯ<br />
<br />
ทีมงานใช้อุปกรณ์ค้นหาพิกัดของไอแพด และพบว่ามันยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ สามารถใช้งานได้เป็นปกติ<br />
<br />
แม้จะถ่ายวิดีโอให้เห็นกันจะจะ แต่นักวิจารณ์บางคนยังบอกว่าอาจเป็นการจัดฉากตบตาผู้บริโภคก็เป็นได้<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEinZgvwaRTOW2PO4GMhNFTIys2x7hruzpFHY_IvKrUU1OzG8FEuXSdDrLG7SQZHP5vd_GtyCm1QkbEinX6h26boH3ijuPAO9xKhNbVEiOqWr-TJRYkKXfi2Ed1Iv5n7TkwzydBqzpPjKvoM/s1600/1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="281" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEinZgvwaRTOW2PO4GMhNFTIys2x7hruzpFHY_IvKrUU1OzG8FEuXSdDrLG7SQZHP5vd_GtyCm1QkbEinX6h26boH3ijuPAO9xKhNbVEiOqWr-TJRYkKXfi2Ed1Iv5n7TkwzydBqzpPjKvoM/s400/1.jpg" width="400" /></a></div><br />
หนังสือพิมพ์ฮัฟฟิงตันโพสต์ รายงานข้อความบนเว็บไซต์ของจี-ฟอร์ม ที่ว่า “เรายินดีที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของลูกค้าผ่านการทดสอบความแข็งแกร่งของเคสเรา แต่เราไม่สนับสนุนหรือแนะนำให้ท่านทดลองเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ด้วยตนเอง”<br />
<br />
เคสของ จี-ฟอร์ม มีความหนากว่าเคสบรรจุไอแพดทั่วไป ผลิตจากวัสดุที่ทันสมัยและมีความยืดหยุ่นสูง จึงสามารถป้องกันไอแพดไม่ให้ได้รับความเสียหาย แม้จะตกสู่พื้นกระจกโดยตรงก็ตาม<br />
<br />
จี-ฟอร์ม เคยปล่อยคลิปวิดีโอมาแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเคสของบริษัทสามารถทนแรงของครูสอนกังฟู รวมไปถึงแรกกระแทกด้วยความเร็วสูงอื่นๆ ได้จริง<br />
คลิปวีดีโอการสาธิตโชว์หย่อน “ไอแพด” จากอวกาศตกถึงโลกไม่เจ๊ง<br />
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="365" src="http://www.youtube-nocookie.com/embed/b6ZSPJLsQD0?rel=0" width="520"></iframe><br />
ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ และ www.youtube.com<br />
<br />
<br />
<br />
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* new10/11 */
google_ad_slot = "2472841017";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-51694379401620291622011-12-28T19:59:00.000+07:002011-12-28T19:59:03.127+07:00รวมเรื่อง10 ที่สุดแห่งปี 2011เกี่ยวกัยเทคโนโลยี<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi_YRpyBb1amlbgNlmr9Ou0TPSM-VWpvMsj0VI3dipT07p8dwkTZH6uoVyCyi4CvxB_va0LdOYbyQvxMr_2MapSVECLc5xy_pTGWoq5DGI-I2C3IZgHrvk3QCU74tfnl36G6wLM5juSNcY6/s1600/011.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="286" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi_YRpyBb1amlbgNlmr9Ou0TPSM-VWpvMsj0VI3dipT07p8dwkTZH6uoVyCyi4CvxB_va0LdOYbyQvxMr_2MapSVECLc5xy_pTGWoq5DGI-I2C3IZgHrvk3QCU74tfnl36G6wLM5juSNcY6/s400/011.jpg" width="400" /></a></div>รวมเรื่อง10 ที่สุดแห่งปี 2011เกี่ยวกัยเทคโนโลยี<br />
อันดับแรก การเสียชีวิตของ “สตีฟ จ็อบส์” : จากชนชั้นกลางสู่การเป็นผู้ขับเคลื่อนบริษัทด้านเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงสุดแห่งหนึ่งในโลก “สตีฟ จ็อบส์”ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท“แอปเปิล”เป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลต่อโลกและได้รับการเคารพนับถืออย่างมาก การเสียชีวิตของเขาในวันที่ 5 ตุลาคมหลังจากการต่อสู้อย่างยาวนานกับโรคมะเร็ง ฝูงชนที่เศร้าโศกเสียใจร่วมจุดเทียน วางดอกไม้ และเขียนข้อความไว้อาลัยให้จ็อบส์ที่หน้าร้านแอปเปิลนับร้อยสาขา และหนังสือชีวประวัติของจ็อบส์ที่เขียนโดย วอลเตอร์ ไอแซคสันซึ่งออกในเดือนพฤศจิกายนถัดมากลายเป็นหนังสือขายดีทั่วโลกในทันที<br />
<a name='more'></a><br />
นอกจากร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิลแล้ว จ็อบส์ยังเป็นผู้สร้างทีมที่ทำงานร่วมกับเขาในการคิดค้นอุปกรณ์ไอทียอดนิยมอย่าง ไอแมค ไอพอด ไอโฟดและไอแพด นอกจากนี้จ็อบส์ยังเคยเป็นประธานกรรมการบริหารพิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ ผู้สร้างภาพยนตร์แอนิเมชันชื่อก้องอย่าง “ทอย สตอรี่”และเป็นคณะกรรมการบริหารบริษัทเดอะวอลต์ดิสนีย์ใน ค.ศ. 2006 อีกด้วย<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* ส้ม-เงิน */
google_ad_slot = "1449611808";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>อันดับสอง โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือของผู้ประท้วง : ต้องยกความดีให้กับเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์และยูทูป หลังจากมีบทบาทใน“การปฏิวัติประชาธิปไตยอาหรับ”หรือเหตุการณ์การประท้วงอย่างต่อเนื่องในตะวันออกกลางซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่ปลายปี 2010 ที่โซเชียลมีเดียถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกระจายข่าวการเดินขบวนประท้วงให้ทั่วโลกรับรู้ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ชาวอียิปต์รวมตัวกันต่อสู้เพื่อโค่นล้มอำนาจอันยาวนานของประธานาธิบดีมูบารัค<br />
<br />
ในส่วนอื่นๆ ของโลกเช่นการก่อจลาจลในกรุงลอนดอน ผู้ร่วมก่อจลาจลก็กระจายข่าวโดยใช้แบล็คเบอร์รี่ ส่วนความเคลื่อนไหวในการการยึดครองวอลล์สตรีท (Occupy Wall Street) และส่วนอื่นๆ ในอเมริกาก็มักจะมีผู้ทวีตข้อมูลขึ้นทันทีในทวิตเตอร์ การใช้โซเชียล มีเดีย เป็นเครื่องมือของผู้ประท้วงได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดย “มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ค”ซีอีโอของเฟซบุ๊คได้กล่าวบนเวทีการประชุมของเขาในปีนี้ว่า” เราอยู่บนทางแยกของเทคโนโลยีและประเด็นทางสังคม”<br />
<br />
อันดับสาม c : ในปีนี้แฮกเกอร์หรือกลุ่มคนที่ก่อความวุ่นวายในอินเทอร์เน็ตสร้างความปั่นป่วนให้กับโลกออนไลน์ทั่วโลก ในทุกวงการ ทั้งอี-คอมเมิร์ช ธนาคารหรือศาสนจักร<br />
<br />
อันดับสี่ ความเฟื่องฟูของตลาดแท็บเล็ต : ตลาดแท็บเล็ตที่มีมานานถูกสั่นสะเทือนด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากความสำเร็จอย่างงดงามของไอแพด ผู้ผลิตหลายเจ้าพยายามคาดเดาว่าลูกค้าต้องการอะไรในแท็บเล็ตและออกแท็บเล็ตมาสู้กับแอปเปิล ขายดีบ้าง แป้กบ้าง เช่น กูเกิลที่ออกแอนดรอยแท็บเล็ต แบล็คเบอร์รี่ออกแบล็คเบอร์รี่เพลย์บุ๊ค ส่วนที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามคืออเมซอนดอทคอมที่ออกแท็บเล็ตตัวแรกคือ “คินเดิล” ซึ่งรุ่นคินเดิล ไฟร์ ก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงโดยขายได้ถล่มทลายกว่าอาทิตย์ละล้านเครื่องหลังจากเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน<br />
<br />
อันดับห้า เฟซบุ๊คและพาร์ทเนอร์เพิ่ม “ฟริคชันเลส แชร์ริ่ง” : อะไรที่คุณเรียกเมื่อคนที่คุณรู้จักค้นพบบางสิ่งเกี่ยวกับคุณโดยที่คุณไม่ได้บอกพวกเขา? เฟซบุ๊คเรียกมันว่า“ฟริคชันเลส”ซึ่งเป็นการให้เว็บไซต์และบริการในโลกออนไลน์เผยแพร่กิจกรรมในโลกออนไลน์ของคุณให้เพื่อนๆ โดยอัตโนมัติ จากที่เมื่อก่อนต้องกด “ไลค์”ก่อนถึงจะขึ้นข้อมูลในหน้าเพจ มาทีนี้แค่กดอนุญาตแอพข่าวของสำนักต่างๆ ในเฟซบุ๊ค เมื่อคลิกเข้าไปอ่านเว็บไซต์ข่าวนั้นๆ ข้อมูลก็จะขึ้นบนหน้าเพจโดยทันทีโดยที่คุณไม่ต้องทำอะไรเลย แม้จะมีคนจำนวนมากที่ต่อต้านการเปิดเผยข้อมูลการอ่านซึ่งจะถูกโพสต์ในทันทีบนหน้าเฟซบุ๊คด้วยฟริคชันเลส แต่ซัคเคอร์เบิร์คก็ยังเชื่อว่าผู้คนยังจะเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของตนมากขึ้นทุกปีในโลกออนไลน์<br />
<br />
อันดับหก สงคราม ‘สิทธิบัตร’ : บริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์ยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น แอปเปิ้ล, กูเกิ้ล, เอชทีซี, ไมโครซอฟท์, อาร์ไอเอ็ม, และซัมซุง ต่างฟ้องร้องบริษัทคู่แข่ง เพราะต้องการอ้างความเป็นเจ้าของสิทธิบัตร เพื่อให้กฎหมายคุ้มครองการประดิษฐ์คิดค้นหรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ไม่ให้คู่แข่งนำสินค้า เช่น สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ที่มีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกันมาวางจำหน่าย<br />
<br />
อันดับเจ็ด กูเกิ้ล พลัส : เนื่องจากคนส่วนใหญ่ใช้เวลากับเครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือโซเชียล เน็ตเวิร์ค มากกว่าการค้นหาเว็บไซต์ต่างๆ ที่เห็นได้ชัดเจน คือ คนหันเล่นเฟซบุ๊ค นานกว่าเข้าเว็บกูเกิ้ลแล้ว ดังนั้น กูเกิ้ล จึงต้องปรับตัวให้เข้ากับกระแส โดยการเปิด กูเกิ้ล พลัส เป็นโซเชียล เน็ตเวิร์ค ที่มีความคล้ายคลึงกับเฟซบุ๊ค ทั้งสามารถแชร์ภาพ ค้นหาเพื่อนได้เช่นกัน<br />
<br />
อันดับแปด แอปเปิ้ล กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากสุดในโลก : หลังจากสตีฟ จ๊อบส์ หวนกลับมาบริหารแอปเปิ้ลอีกครั้งในปี ค.ศ.1997 ตอนนั้นบริษัทตกต่ำเข้าขั้นล้มละลาย แต่เมื่อขึ้นทศวรรษใหม่ 2000 ซึ่งถือเป็นระยะสั้นๆ จ๊อบส์สามารถนำแอปเปิ้ลให้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากสุดในโลก โค่นเอ็กซอน โมบิล กลุ่มธุรกิจน้ำมันที่ผงาดเป็นอันดับ 1 อยู่ก่อนหน้า ไปอย่างน่าประหลาดใจ ที่จู่ๆ บริษัทขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และมือถืออย่างแอปเปิ้ล ก็สามารถทำมูลค่าตลาดแซงบริษัทธุรกิจน้ำมันได้<br />
<br />
อันดับเก้า คอมพิวเตอร์เล่นเกมตอบคำถามชนะมนุษย์ : ‘วัตสัน’ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ผลิตโดยไอบีเอ็ม สร้างความฮือฮาในเกมโชว์ตอบปัญหาชื่อดัง Jeopardy เพราะวัตสัน สามารถเอาชนะมนุษย์ซึ่งเป็นแชมป์ของรายการยาวนานถึง 74 สมัย และแม้วัตสันจะถูกครหาว่า เป็นคอมพิวเตอร์ที่ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษที่มนุษย์ใช้ในการสื่อสาร ถึงขั้นตอบผิดซ้ำกับมนุษย์ที่ตอบตัวเลือกเดียวกันไปแล้ว แต่สุดท้ายคะแนนรวมสรุปว่า คอมพิวเตอร์ชนะมนุษย์<br />
<br />
ส่วนอันดับสิบ ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมเพลงดิจิติลโดนถล่ม : ไอจูน ไอพอด ของแอปเปิ้ลที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเพลงดิจิติล และครองตลาดไว้อย่างแข็งแกร่ง ต้องรับมือกับ 2 คู่แข่งสำคัญ อย่าง สปอติฟาย (Spotify) จากสวีเดนที่เป็นผู้ให้บริการฟังเพลงบนเว็บไซต์ และมีแอพพลิเคชั่นเช่นเดียวกัน แถมยังขอลิขสิทธิ์จากค่ายเพลงต่างๆ ได้อย่างเรียบร้อย โดย สปอติฟาย สามารถตีตลาดได้ทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกาแล้ว และคู่แข่งอีกรายก็คือ เฟซบุ๊ค มิวสิก ด้วยเพจที่โชว์ให้เห็นว่า เพื่อนกำลังฟังเพลงอะไรอยู่ ทั้งยังสามารถแนะนำเพลงให้เพื่อนๆ ฟังบ้าง.<br />
ที่มาทีมเดลินิวส์ออนไลน์chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-60889768137586514102011-12-19T10:38:00.000+07:002011-12-19T10:38:47.977+07:00แอปเปิลเล็งเตรียมคลอด Mini-iPad<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEis3CX-g44JaNVWtGjZV3m5Ko93q25GJoV30SQNay_OOgRALoPklv95Atp9QyHz0YDdhBBDEg20kSriqVh0U7fo1O_Hg97PG16r5JQ5dSgHVXwuzGRVajFF0ZaFwo9itrzl0k1S7Y-u1K6C/s1600/Mini-ipad.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="294" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEis3CX-g44JaNVWtGjZV3m5Ko93q25GJoV30SQNay_OOgRALoPklv95Atp9QyHz0YDdhBBDEg20kSriqVh0U7fo1O_Hg97PG16r5JQ5dSgHVXwuzGRVajFF0ZaFwo9itrzl0k1S7Y-u1K6C/s400/Mini-ipad.jpg" width="381" /></a></div>แอปเปิลเล็งเตรียมคลอด Mini-iPad จะเรียกว่าเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ก็ว่าได้ สำหรับข่าวลือที่ว่าแอปเปิลกำลังวางแผนที่จะผลิตแท็บเล็ตอย่าง iPad ขนาดไซส์มินิ แม้ว่าเดิมทีอดีตซีอีโอผู้ล่วงลับอย่างสตีฟ จ๊อบส์จะเคยปฏิเสธหัวชนฝาว่าไม่มีวันที่จะผลิต ‘Mini-iPad’ แต่ตอนนี้อะไรๆ มันก็เปลี่ยนไป<br />
<a name='more'></a> จึงมีความเป็นไปได้ว่าเราอาจจะได้เห็น iPad ขนาดเล็ก แม้ว่าในช่วงที่ศาสดาประจำลัทธิแอปเปิลอย่างสตีฟ จ๊อบส์ยังคงดำรงตำแหน่งซีอีโอก็เคยมีข่าวลืออย่างต่อเนื่องว่าแอปเปิลมีแผนที่จะเปิดตัวไอแพดไซส์มินิ แต่ทว่าจ๊อบส์ก็ได้ปฏิเสธข่าวดังกล่าวมาโดยตลอด โดยมองว่าแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้วนั้นเล็กเกินไป<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* ส้ม-เงิน */
google_ad_slot = "1449611808";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>แต่จากการรายงานล่าสุดของ Digitimes ระบุว่าแอปเปิลมีแผนที่จะเปิดตัวไอแพดขนาด 7.85 นิ้ว ซึ่งจะเริ่มสู่กระบวนการผลิตในปลายไตรมาสที่ 2 ของปี 2012 และจะวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 4 ทั้งนี้มีรายงานเพิ่มเติมจาก Digitimes ว่าหน้าจอที่จะใช้ในไอแพดขนาดเล็กนั้น ทางแอปเปิลได้ว่าจ้างให้ LG และ AUO เป็นผู้ผลิตวัสดุส่วนของหน้าจอ ทั้งนี้ Richard Shim นักวิเคราะห์จากค่าย DisplaySearch ได้หล่นความเห็นว่ามีความเป็นไปได้ไม่น้อยที่แอปเปิลจะเปิดตัวไอแพดขนาดมินิ เนื่องจากตอนนี้ Kindle Fire ของอเมซอนก็กำลังไปได้สวย และมีแนวโน้มว่าอาจจะเบียดขึ้นมาเป็นคู่แข่งอันดับ 1 ของ iPad ในอนาคตก็เป็นได้ อย่างไรก็ดีในขณะนี้ตลาดของอุปกรณ์แท็บเล็ตเจ้าของตลาดนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น นั่นคือ iPad นั่นเอง ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดมากถึง 70%<br />
ที่มา <a href="http://www.manager.co.th/">Manager </a>chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-33993573988448450952011-12-19T10:32:00.000+07:002011-12-19T10:32:23.585+07:00RIM เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด BlackBerry Bold 9790 ในประเทศไทย<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh8P2NVd-fu3CoQbbDRlJqmAcgtkarSkjLgq7-k4sBRxdQbw0NTN-KXJw8GcXwa5RkEgaAx136iVA2erJDqhmKxwQJUUCM8GnjrleavJWNEn0ZgDpPLmPCUKIQRevHCAXj-mRl2URt0wkDc/s1600/1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh8P2NVd-fu3CoQbbDRlJqmAcgtkarSkjLgq7-k4sBRxdQbw0NTN-KXJw8GcXwa5RkEgaAx136iVA2erJDqhmKxwQJUUCM8GnjrleavJWNEn0ZgDpPLmPCUKIQRevHCAXj-mRl2URt0wkDc/s400/1.jpg" width="400" /></a></div>RIM เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด BlackBerry Bold 9790 ในประเทศไทย <br />
รีเสิร์ช อิน โมชั่น หรือ ริม (Research In Motion-RIM) (NASDAQ: RIMM; TSX: RIM) วันนี้ ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด แบล็กเบอร์รี่® โบลด์™ 9790 (BlackBerry® Bold™ 9790) สำหรับลูกค้าชาวไทย แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9790 สมาร์ทโฟนทรงประสิทธิภาพ<br />
<a name='more'></a> และกะทัดรัด นำเสนอประสิทธิภาพการทำงานชั้นยอด และความสมบูรณ์แบบด้วยสองคุณประโยชน์จากหน้าจอระบบสัมผัสความละเอียดสูง และคีย์บอร์ดอันทรงประสิทธิภาพให้แก่ผู้ใช้งาน<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* ส้ม-เงิน */
google_ad_slot = "1449611808";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>มร. นิโคลัส ฮอร์ตัน รองประธานบริหาร ประจำภูมิภาคอินโดจีน บริษัทรีเสิร์ช อิน โมชั่น กล่าวว่า “เราคาดการณ์ว่าแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9790 จะได้รับการตอบรับ และความสนใจจากลูกค้าชาวไทยจำนวนมาก โดยคาดว่าลูกค้าจะชื่นชอบรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว และกะทัดรัดของสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ ซึ่งพร้อมมอบการผสมผสานกันอย่างลงตัวของสุดยอดประสบการณ์ด้านการติดต่อสื่อสารบนมือถือ ระบบมัลติมีเดีย การตอบสนองการใช้งาน และการเชื่อมต่อทางโซเชี่ยล” ภายใต้เอกลักษณ์ของแบล็กเบอร์รี่ โบลด์<br />
แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9790 สมาร์ทโฟนอันทรงพลัง ด้วยฟีเจอร์ที่ครบครัน ซึ่งถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยวัสดุระดับพรีเมี่ยม และการขัดเงา มาพร้อมการผสมผสานกันระหว่างหน้าจอระบบสัมผัสแสดงผลด้วยความละเอียดสูง และการตอบสนองฉับพลัน คีย์บอร์ดประสิทธิภาพสูง และแป้นควบคุมด้วยปลายนิ้วสัมผัสที่แม่นยำ ภายใต้รูปลักษณ์ที่แคบลง ซึ่งง่ายต่อการพกพา และมีขนาดพอดีมือ และด้วยการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่® 7 และพลังการประมวลผลโปรเซสเซอร์ 1 GHz<br />
ทำให้แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9790 สามารถมอบสุดยอดประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็ว และลื่นไหลแบบไม่มีสะดุด เหมาะสำหรับการท่องเว็บ การใช้งานแอพพลิเคชั่น การทำงานบนไฟล์เอกสาร และเพลิดเพลินไปกับมัลมีเดีย นอกจากนี้ ยังมีหน่วยความจำ onboard memory ขนาด 8 กิกะไบต์พร้อมหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD ที่สามารถขยายเพิ่มเติมได้สูงสุดถึง 32 กิกะไบต์<br />
ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 7 ยังนำเสนอการยกระดับระบบเว็บเบราว์เซอร์ โดดเด่นด้วยการตอบสนองที่ฉับไว มอบประสบการณ์การท่องเว็บที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย การทำงานของเบราว์เซอร์รูปแบบตัวแปล JIT (just in time) JavaScript ใหม่ล่าสุด ช่วยให้การโหลดข้อมูลของหน้าเว็บเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งปรับความสามารถของ HTML5 เพื่อประสบการณ์การเล่นเกมส์ และเล่นวิดีโอที่ยอดเยี่ยมที่สุด ยิ่งไปว่านั้น ความสามารถของระบบ Universal Search ยอดฮิต ก็ได้ถูกพัฒนาด้วยความสามารถในการรองรับการค้นหาด้วยคำสั่งใช้เสียง โดยผู้ใช้งานเพียงพูดคำที่ต้องการค้นหา ทั้งการค้นหาข้อมูลภายในตัวเครื่อง และเว็บไซต์<br />
แบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9790 สมาร์ทโฟน มาพร้อมการรองรับ Augmented Reality และ NFC (Near Field Communications) เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในเชื่อมต่อในโลกของการสื่อสารด้วยวิธีการใหม่ๆ มากมาย และด้วยแอพพลิเคชั่น Wikitude Augmented Reality ผู้ใช้งานจะสามารถค้นหาผู้ใช้งาน BBM (BlackBerry Messenger) ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้แบบเรียลไทม์ อ่านคำวิจารณ์ร้านอาหารในพื้นที่ใกล้เคียง หรืออ่านเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาที่ไป และจุดที่น่าสนใจของสถานที่สำคัญๆ<br />
นอกจากนี้ เทคโนโลยี NFC ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานใหม่ๆ และน่าสนใจมากมาย ประกอบด้วย ความสามารถในการชำระเงินผ่านมือถือ การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม หรือการอ่านแท็ก SmartPoster ง่ายๆ ด้วยการแตะไปบนสมาร์ทโฟน<br />
ที่มา http://news.siamphone.com/news-05087.htmlchompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-57561308664096406172011-12-19T10:23:00.000+07:002011-12-19T10:23:32.013+07:00โนเกียยังมั่นใจ 'Ecosystem'<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3hkUF2AeI36F9ZTx9j1yD8XzpFcPN9rLrfykI6vFUv4tIgXBPYt1QhgqFrELgHOQ1mIvPn7daxdfydQh8RKfUjoPigI4SBkg4Jo8cXtwDBgHMYaMrn7HjbHrT4PhNKkLI5g5nCulx-54a/s1600/01.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3hkUF2AeI36F9ZTx9j1yD8XzpFcPN9rLrfykI6vFUv4tIgXBPYt1QhgqFrELgHOQ1mIvPn7daxdfydQh8RKfUjoPigI4SBkg4Jo8cXtwDBgHMYaMrn7HjbHrT4PhNKkLI5g5nCulx-54a/s400/01.jpg" width="400" /></a></div>Nokia Lumia 800 วินโดวส์โฟนที่จะเข้ามาทำตลาดในปีหน้า ซึ่งตอนนี้ติดปัญหาแค่การพัฒนาภาษาไทย<br />
โนเกียเผย ยังมั่นใจในระบบนิเวศน์ของโนเกีย ช่วยผลักดันผู้บริโภคให้สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ มั่นใจสินค้าในตระกูล s40 จะกลายเป็นไฮเอนด์ฟีเจอร์โฟน ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีข้อจำกัดทางการใช้งาน<br />
<a name='more'></a><br />
นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ หัวหน้าฝ่ายสนับสนุนนักพัฒนาและระบบนิเวศน์การสื่อสารไร้สาย ประเทศไทยและตลาดเอเชียเกิดใหม่ บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงทีผ่่านมาโนเกียมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในแง่ของระบบนิเวศน์ที่ครอบคลุมตั้งแต่พาร์ทเนอร์ นักพัฒนา ผู้ให้บริการเครือข่าย ค่ายมือถือ และผู้บริโภค<br />
<div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* น้ำเงิน-ส้ม */
google_ad_slot = "2482170379";
google_ad_width = 160;
google_ad_height = 600;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>"จุดเด่นสำคัญคือโนเกียทำให้ลูกค้าฟีเจอร์โฟนสามารถเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ต ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันไปใช้งานได้ทุกกลุ่ม โดยไม่จำเป็นต้องใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับพันธกิจของโนเกียที่ตั้งไว้ในช่วงนี้ว่าต้องการผลักดันให้ประชากรทั่วโลกเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอีก 1 พันล้านคน"<br />
<br />
โดยปัจจุบันถ้ามองถึงจำนวนประชากรบนโลกคาดว่าจะอยู่ที่ราวเกือบ 7 พันล้านคน ซึ่งแบ่งออกเป็นผู้ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลาราว 1 พันล้านคน 1.5 พันล้านคนใช้งานแบบเป็นครั้งคราว และ 1.2 พันล้านคนที่มีโทรศัพท์มือถือแต่ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และสุดท้ายคือ 3.2 พันล้านคนที่ไม่มีโทรศัพท์<br />
<br />
"โนเกียโฟกัสไปที่ประชากรราว 1 พันล้านคนที่มีโทรศัพท์ แต่ยังไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ที่ไม่รู้ว่าใช้อย่างไร หรือ กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ทำให้โนเกียคิดค้นเว็บเบราว์เซอร์ที่เป็นคลาวด์เบส ช่วยลดปริมาณข้อมูลในการเชื่อมต่อเว็บไซต์ได้ถึง 90% รวบรวมบริการโซเชียลเน็ตเวิร์กเข้าด้วยกัน และทำให้เครื่องในทุกระดับสามารถดาวน์โหลดแอปฯได้"<br />
<br />
ถ้ามองเฉพาะการดาวน์โหลดแอปฯในประเทศไทย Nokia Store ยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีคนไทยดาวน์โหลดแอปฯ 1.5 ล้านครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นประเทศในอันดับต้นๆของโนเกีย โดยมีอัตราการเติบโตจากปีที่ผ่านมา 300% และกว่าครึ่งของการดาวน์โหลดมาจากฟีเจอร์โฟน<br />
<br />
"จุดที่ทำให้โนเกีย โดดเด่นกว่าแบรนด์อื่นคือระบบการคิดเงินค่าแอปพลิเคชัน ผ่านโอเปอเรเตอร์บิลลิ่ง ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งาน และในอนาคตก็จะยังคงยึดแนวทางดังกล่าวต่อไปสำหรับวินโดวส์โฟนที่จะนำเข้ามาทำตลาดในช่วงปีหน้า"<br />
<br />
ความคืบหน้าล่าสุดของการวางจำหน่าย โนเกีย Lumia 800 และ 710 ซึ่งเปิดตัวที่ประเทศอังกฤษไปแล้วนั้น นายจิรพัฒน์ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงการพัฒนาภาษาไทย ร่วมกับทางไมโครซอฟท์ ทำให้ยังไม่สามารถนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาวางจำหน่ายได้ แต่ยืนยันว่าจะต้องแล้วเสร็จภายในปี 2012 อย่างแน่นอน เพื่อรองรับกับดีไวส์ใหม่ๆที่จะทำงานบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โฟนต่อไป<br />
<br />
ขณะที่การทำตลาดในกลุ่มเครื่องที่ใช้ s40 ก็จะยังคงเดินหน้าต่อไปเพราะยังมีผู้บริโภคอีกเป็นจำนวนมากที่ต้องการโทรศัพท์ราคาไม่แพง และพร้อมไปด้วยบริการ ส่วนอนาคตของซิมเบียน ก็ยังคงอยู่ต่อไปจนถึงปี 2016 โดยจะเน้นการออกสินค้าให้ครอบคลุมทุกช่วงราคามากขึ้น<br />
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์chompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1926357458497039530.post-69167078920680775202011-12-16T22:07:00.001+07:002011-12-16T22:08:52.347+07:00Facebook แบบใหม่ เฟซบุ๊กไทม์แมชชีนย้อนอดีตด้วยฟีเจอร์ไทม์ไลน์<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgJh0paRmYA-w6rGeoYB99j0zWW8EgDqvWHha_4jsGsqeiSq0ODS_sF__Jw3nlBM569THY4ciCvTKZE4wvQhObFHmJRLy-5n58Pe_NWQsvPp9cO3s_nj-j9lYFIjHMIrqV2KYIR9L30FUVc/s1600/FB.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="219" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgJh0paRmYA-w6rGeoYB99j0zWW8EgDqvWHha_4jsGsqeiSq0ODS_sF__Jw3nlBM569THY4ciCvTKZE4wvQhObFHmJRLy-5n58Pe_NWQsvPp9cO3s_nj-j9lYFIjHMIrqV2KYIR9L30FUVc/s400/FB.jpg" width="400" /></a></div>กำลังจะเข้าใกล้ศักราชใหม่ทั้งทีต้องมีการเปลี่ยนแปลงกันบ้างสำหรับเฟซบุ๊ก เครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดังที่ได้ทำการปรับเปลี่ยนรูปแบบอินเตอร์เฟสหน้า Profile ใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยฟีเจอร์นี้มีชื่อว่าว่า Timeline (ไทม์ไลน์) เริ่มตีฆ้องให้ใช้งานพร้อมกันทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคมเป็นต้นไป<br />
<a name='more'></a><br />
ถ้าหากย้อนหลังกลับไปในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาในงาน f8 เฟซบุ๊กได้โชว์ฟีเจอร์ไทม์ไลน์ (Timeline) ให้ได้รับชมโดยทั่วกันไปแล้ว <div style="display:block;float:left;margin: 5px;"><script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-8193718851842932";
/* ส้ม-เงิน */
google_ad_slot = "1449611808";
google_ad_width = 300;
google_ad_height = 250;
//-->
</script><br />
<script type="text/javascript"
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
</script><br />
</div>และในตอนนั้นได้เปิดโอกาสให้นักพัฒนาทดลองกันใช้กันไปก่อน จนถึงตอนนี้ก็ได้เวลาอันเหมาะสมที่จะเปิดให้ใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวอย่างเป็นทางการเสียที<br />
<br />
ทั้งนี้ทางเฟซบุ๊กจะให้เวลาผู้ใช้ได้กดเปลี่ยนรูปแบบหน้า Profile ใหม่ได้ภายใน 7 วัน โดยฟีเจอร์ไทม์ไลน์จะเปิดให้ใช้งานตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคมนี้<br />
<br />
ส่วนคอนเซปต์ของไทม์ไลน์ฟีเจอร์ใหม่ของเฟซบุ๊กนั้น เปรียบเสมือนกับผู้ใช้กำลังได้นั่งไทม์แมชชีนเพื่อย้อนอดีตกลับไปยังเรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกเกิดจนถึงปัจจุบัน พร้อมกับมีการอัปเดทรูปภาพ และการอัปเดทข้อมูลของเพื่อนของผู้ใช้ตลอดเวลา<br />
<br />
สำหรับประเทศแรกที่มีการนำร่องการใช้งานไทม์ไลน์ คือประเทศนิวซีแลนด์เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่วันนี้จะมีการขยายการใช้งานไปยังผู้ใช้งานเฟซบุ๊กทั่วโลก<br />
<br />
นอกจากนี้แล้วยังมีการอัปเดทเพิ่มเติมจากเฟซบุ๊กในส่วนของ Facebook for Android ด้วย โดยภายในแอปพลิเคชันมีการปรับเปลี่ยนให้เป็นรูปแบบไทม์ไลน์เช่นกัน ส่วนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใน Facebook for Android เวอร์ชันใหม่จะเพิ่มการ Push ข้อความและแก้บั๊กที่เคยเกิดขึ้นจากเวอร์ชันก่อนหน้านี้ ซึ่งผู้ใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์สามารถดาวน์โหลด Facebook for Android ได้ที่ <a class="innerlink" href="https://market.android.com/details?id=com.facebook.katana&feature=search_result#?t=W251bGwsMSwxLDEsImNvbS5mYWNlYm9vay5rYXRhbmEiXQ.." target="_blank"><u>Download Facebook Mobile</u></a><br />
<br />
ถ้าหากต้องการรับชมวิดีโอพรีเซนเทชันเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ของเฟซบุ๊กอย่างไทม์ไลน์สามารถติดตามชมได้จากคลิปด้านล่าง<br />
Introducing Timeline -- a New Kind of Profile <br />
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="http://www.youtube-nocookie.com/embed/hzPEPfJHfKU?rel=0" width="520"></iframe><br />
ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์.youtube.comchompoohttp://www.blogger.com/profile/11743476413057690255noreply@blogger.com0