โซนี่ เปิดตัวกล้องดิจิตอล SLR ใหม่ ใช้ชื่อรุ่นว่า A380 ตัวกล้องมีความละเอียด 14.2 ล้านพิกเซล ตัวบอดี้ได้รับการออกแบบใหม่ และมีประสิทธิภาพการทำงานที่รองรับการใช้งานตั้งแต่มือสมัครเล่นไปจนถึงระดับมืออาชีพ โดยมีจุดที่โดดเด่นคือ จอมอนิเตอร์ที่ปรับระดับได้ ช่วยให้ถ่ายภาพในมุมมองที่แตกต่างได้สะดวกมากขึ้น ระบบป้องกันการสั่นไหว SteadyShot ที่ช่วยให้ถ่ายภาพโดยไม่ใช้แฟลชและขาตั้งกล้องที่ความเร็วชัตเตอร์ต่ำกว่าปกติ และฟังก์ชั่น D-Range Optimizer ช่วยเพิ่มรายละเอียดในส่วนมืด ทำให้ภาพมีความสมบูรณ์มากขึ้น

เซ็นเซอร์รับภาพแบบ CCD ขนาด APS-C 23.5 x 15.7 มม. ใช้หน่วยประมวลผล BIONZ ซึ่งมีประสิทธิภาพการทำงานสูง มีการทำงานที่รวดเร็ว และเก็บรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน โหมดถ่ายภาพมีให้เลือกใช้งานได้ครอบคลุมทั้งระดับมือใหม่ เช่น โหมดออโต้ และโหมดโปรแกรมสำเร็จรูป 7 แบบ ซึ่งกล้องจะคำนวณทุกอย่างให้โดยอัตโนมัติ หรือโหมดสำหรับมืออาชีพที่มีความชำนาญในการใช้กล้องมากขึ้น เช่น โหมด Program (P) โหมดออโต้รูรับแสง (S) โหมดออโต้ความเร็วชัตเตอร์ (A) และโหมดแมนนวล (M)

โหมด Live View ได้รับการพัฒนาระบบโฟกัสให้รวดเร็วด้วยเทคโนโลยี Quick AF Live View ซึ่งผู้ใช้สามารถมองภาพผ่านจอมอนิเตอร์ได้ตลอดเวลา ทำให้ไม่มีปัญหาช่องมองภาพมืดเมื่อทำการโฟกัสภาพ นอกจากนี้ยังสามารถโฟกัสติดตามวัตถุแบบต่อเนื่องอัตโนมัติได้ตลอด ฟังก์ชั่น D-Range Optimizer ช่วยเพิ่มไดนามิกเรนจ์ของกล้องให้กว้างขึ้น ซึ่งทำให้เก็บรายละเอียดของภาพได้อย่างครบถ้วน โดยฟังก์ชั่นนี้จะช่วยปรับเพิ่มความสว่างในโทนมืด แต่ยังคงรายละเอียดไว้ ทำให้ได้ภาพที่มีการไล่โทนอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับภาพถ่ายที่มีความเปรียบต่างของภาพมาก ฟังก์ชั่นที่โดดเด่นของโซนี่ A380 คือระบบป้องกันภาพสั่นไหว SteadyShot ซึ่งเป็นระบบที่มีใช้งานในกล้องโซนี่ทุกรุ่น ช่วยให้ถ่ายภาพได้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำกว่าปกติ 2.5-4 สตอป โดยระบบ SteadyShot สามารถใช้งานได้กับเลนส์ตระกูล Alpha เลนส์ KonicaMinolta และเลนส์ Carl Zeiss ได้ทุกรุ่น นอกจากนี้ โซนี่ A380 ยังมีโหมดสำหรับสร้างสรรค์ภาพแบบต่างๆ ได้ด้วย Creative Style ซึ่งสามารถปรับแต่งรูปแบบของภาพได้ตามลักษณะของภาพที่ต้องการ เช่น Standard, Vivid, Portrait, Landscape, Night view, Sunset และ Black & White ซึ่งในแต่ละแบบยังสามารถปรับเพิ่มหรือลดคอนทราสต์ ความคมชัด และ

ด้านไวท์บาลานซ์สามารถปรับเลือกการทำงานได้แบบออโต้ หรือปรับเลือกตามสภาพแสงได้ 7 แบบ คือ Daylight, Shade, Cloudy, Tungsten, Fluorescent, Flash โดยสามารถปรับแบบละเอียดได้อีก +/-3 ขั้น นอกจากนี้ ยังตั้งแบบ Preset ได้อีก และเมื่อปรับไวท์บาลานซ์ในขณะที่ใช้ Live View กล้องจะพรีวิวภาพให้เห็นผลของการปรับไวท์บาลานซ์แบบต่างๆ และเมื่อปรับวัดแสง Over หรือ Under กล้องก็จะแสดงผลให้เห็น ซึ่งสะดวกในการใช้งานและลดความผิดพลาดลงไปได้มากเช่นกัน ตัวบอดี้ของโซนี่ A380 ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด กริปมือจับด้านหน้าหุ้มยางกันลื่นและออกแบบให้ยาวนูนออกมาพอสมควร ช่วยให้จับกล้องได้อย่างกระชับมั่นคงขึ้น เหนือกริปขึ้นไปเล็กน้อยเป็นแป้น Control Dial ซึ่งเป็นแป้นหลักสำหรับปรับควบคุมการทำงานของกล้อง และใช้ปรับความเร็วชัตเตอร์หรือรูรับแสง ซึ่งเมื่อถ่ายภาพในโหมดแมนนวล หรือโหมด M การปรับขนาดรูรับแสง จะต้องกดปุ่มชดเชยแสง (+/-) ซึ่งอยู่เยื้องๆ ไฟด้านหลังกล้องค้างไว้ด้วย

บนตัวกล้องติดกับหัวกะโหลก เป็นสวิทช์ปรับเลือกการทำงานระบบ Live view ใกล้ๆ กันเป็นปุ่ม Smart Teleconverter ใช้สำหรับปรับซูมภาพแบบดิจิตอลเมื่อใช้ระบบ Live View ด้านหลังเป็นจอมอนิเตอร์ขนาด 2.7 นิ้ว ที่สามารถปรับ ก้มเงยได้หลายระดับ ซึ่งสะดวกสำหรับการถ่าย ภาพในมุมสูง หรือมุมต่ำ เหนือจอมอนิเตอร์เป็นช่องวิวไฟน์เดอร์แบบ Penta-Dach-Mirror กำลังขยาย 0.74 เท่า มองเห็นภาพได้ 95% พร้อมเซ็นเซอร์ระบบ Eye Start โซนี่ A380 ไม่มีจอ LCD สำหรับแสดงข้อมูล จึงใช้การแสดงผลที่จอมอนิเตอร์แทน ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก การแสดงผลมีให้เลือกใช้งานได้ 2 แบบ แบบแท่งกราฟออกแบบให้เข้าใจได้ไม่ยากและใช้งานได้ง่ายๆ เช่น เมื่อเลื่อนแถบไปด้านซ้ายของแท่งกราฟขนาดรูรับแสง ฉากหลังจะเบลอจากขนาดรูรับแสงกว้าง แต่ถ้าเลื่อนมาด้านขวาภาพจะชัดทั้งหมด เป็นต้น ด้านหลังตัวกล้อง ยัง

กล้องSony A380 ตัวกล้องดิจิตอล SLR ใหม่ล่าสุด จากค่าย Sony
ที่มา http://hitech.sanook.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น