เอชพีติดเน็ตเครื่องพิมพ์หน้ากว้าง แนวโน้มพรินท์ผ่านคลาวด์มาแรง

มาร์กาเล็ต ออง (คนกลาง) รองประธานกลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ เอชพี ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


เอชพีระบุแนวโน้มการใช้ดิจิตอลคอนเทนต์ผ่านคลาวด์เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะคนเอเชียจะใช้พรินท์ข้อมูลผ่านสมาร์ทโฟนสูงถึง 35% พร้อมใส่เทคโนโลยี ePrint บนเครื่องพิมพ์หน้ากว้างเป็นรายแรกของตลาด เชื่อรักษาแชมป์ในตลาดไทย

มาร์กาเล็ต ออง รองประธานกลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ เอชพี ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ไอดีซีประเมินว่า ดิจิตอลคอนเทนต์ในภูมิภาคเอเชียยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะบนระบบคลาวด์จะเติบโตประมาณ 33% ในปี 2555 ซึ่งเอชพีมองว่า เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งยังมีบทบาทสำคัญยิ่งในแง่ของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการให้บริการ และการตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะการสร้างแอปพลิเคชันเพื่อใช้งานบนคลาวด์ ก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อีกมหาศาลเพื่อรองรับกับแนวโน้มดังกล่าว

ผลสำรวจของเอชพียังพบว่า จำนวนดิจิตอลคอนเทนต์ในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกใน 2 ปีข้างหน้าจะเติบโตถึง 10 เท่า โดยจะมีการนำคอนเทนต์มาพรินท์ถึง 3 เท่า โดยเฉพาะการเติบโตของอุปกรณ์ดิจิตอลที่เชื่อว่าจะมีถึง 10 ล้านเครื่อง ซึ่งมาจากตลาดเอเชียประมาณ 35%

"แนวโน้มความต้องการพรินต์คอนเทนต์หรือข้อมูลต่างๆ ทั้งจากสมาร์ทโฟนและจากเว็บไซต์สำหรับกลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟนในเอเชียมีถึง 85%"

เอชพีเล็งเห็นโอกาสที่เกิดขึ้น จึงได้กำหนดกลยุทธ์การตลาดเพื่อสนับสนุนแนวโน้วดังกล่าว โดยเปลี่ยนจากเทคโนโลยีเดิมๆ ที่เป็นพีซีเบสมาสู่เว็บเบสมากขึ้น เอชพีจึงได้พัฒนาเทคโนโลยี ePrint ขึ้นเพียงผู้เดียว โดยจะอยู่ในผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ รวมไปถึงการพัฒนาโซลูชันสำหรับงานพิมพ์ เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าในทุกๆ เซกเมนต์

ล่าสุด เอชพีได้นำเทคโนโลยี ePrint มาใช้ในเครื่องพิมพ์หน้ากว้างสำหรับอุตสาหกรรมและวิศวกรรมเป็นรายแรก ในตระกูล ดีไซน์เจ็ต ที ซีรี่ส์ จำนวน 3 รุ่น คือดีไซน์เจ็ต ที 2300 อีเอ็มเอฟพี ที่เป็นทั้งเครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์ รวมถึงการอัปโหลดข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต สำหรับกลุ่มผู้ใช้งานในแวดวงสถาปัตยกรรม วิศวกรรม รวมถึงองค์กรขนาดใหญ่ ดีไซน์เจ็ต ที2300 และ ที 7100 ที่มาพร้อมกับนวัตกรรม ePrint & Share ทำให้สามารถทำงานร่วมกันได้จากสถานที่ต่างๆ กัน ช่วยลดความซับซ้อนของขั้นตอนการพิมพ์

พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัวโซลูชันซอฟต์แวร์ที่เข้ามาสร้างนิยามใหม่ให้กับความสะดวกในการใช้งานร่วมกับ แอสเซสเซอรี HP Instant Printing Pro ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถพรีวิว แก้ไข และพิมพ์ไฟล์งานได้โดยไม่ต้องเปิดแอปพลิเคชันหรือปรับแต่งการตั้งค่าไดรฟ์เวอร์

มาร์กาเร็ต กล่าวถึงตลาดเครื่องพิมพ์หน้ากว้างในประเทศไทยว่า ปัจจุบัน เอชพีมีส่วนแบ่ง 77% ถือเป็นเบอร์หนึ่งในตลาด ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดดังกล่าวต่อถึงแม้ว่าสภาพตลาดโดยรวมจะคงที่ มีอัตราการเติบโตเล็กน้อย โดยในปีนี้จะขยายตลาดในส่วนดีไซน์และตลาดโฟโต้เพิ่มขึ้น ซึ่งกลยุทธ์ที่จะใช้จะเน้นไปที่การให้ความรู้กับกลุ่มนักออกแบบเป็นหลัก โดยเฉพาะการทำโชว์เคสซึ่งเป็นผลงานที่จะได้จากเครื่องพิมพ์ของเอชพี

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

หลุด! สเปคแท็บเล็ต "HTC Flyer"

[ม็อคอัปแท็บเล็ตจากเอชทีซี ที่คาดว่าจะมีการเปิดตัวในงาน MWC 2011 ที่กำลังจะจัดขึ้นในเดือนหน้านี้]
"2011" ขึ้นชื่อว่าเป็นปีของแท็บเล็ต มีหรือที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อย่าง HTC จะยอมปล่อยให้สนามแข่งขันปราศจากชื่อของตน ล่าสุดมีข่าวลือออกมาว่าเอชทีซีเตรียมเปิดตัวกระดานชนวนที่มีชื่อว่า "Flyer" ในงาน Mobile World Congress 2011 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-17 กุมภาพันธ์ ณ เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน

ข่าวลือระบุว่า "Flyer" จะมีหน้าตาคล้ายคู่แข่งอย่างกาแล็กซี แท็บจากซัมซุง อีกทั้งยังสามารถใช้งานเป็นโทรศัพท์ได้ มาพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว ความละเอียด 1024x600พิกเซล ใช้ซีพียู Qualcomm MSM8255 Snapdragon ความเร็ว 1GHz ตัวเดียวกับที่ใช้ในโทรศัพท์ HTC Desire HD และใช้ RAM 1GB พร้อมเฟรช LED

และดูเหมือนว่าเอชทีซีอาจจะเลือกใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชัน 2.3 (Gigerbread) แทนการใช้เวอร์ชัน 3.0 (Honeycomb) ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานบนแท็บเล็ตโดยเฉพาะ รวมถึงการเลือกใช้ยูสเซอร์อินเตอร์เฟส Sense UI ที่ช่วยให้การสั่งงานบนแท็บเล็ตเป็นไปอย่างราบรื่น

นอกจากนี้ "Flyer" ยังรองรับการสตรีมมิ่งไฟล์วิดีโอผ่านเทคโนโลยี DNLA, มีช่องต่อ HDMI รองรับการเชื่อมต่อ HSPA เน็กเวิร์ก, มีกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช และกล้องตัวหน้าความละเอียด 1.3ล้านพิกเซล สำหรับวิดีโอคอลล์ น่าเสียดายที่ข่าวลือไม่ได้มีการพูดถึงหน่วยความจำภายใน, อายุการใช้งานแบตเตอรี และน้ำหนักของเจ้าแท็บเล็ตเครื่องนี้

โดยกระดานชนวนรุ่นใหม่จากเอชทีซีจะเริ่มมีการจัดส่งสินค้าครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกาช่วงเดือนมีนาคม และในแถบยุโรปช่วงเดือนเมษายน
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

เปิดตัว HP Mini 110 มินิโน้ตบุ๊กใหม่ราคาเบาๆที่คุณก็เป็นเจ้าของได้

เอชพีเปิดตัว HP Mini 110 นวัตกรรมโน้ตบุ๊กใหม่ กับ 4 สีโดนใจพร้อมเทคโนโลยีโพรเซสเซอร์ อินเทล อะตอม ดูอัลคอร์ ออกแบบมาสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการเชื่อมโลกออนไลน์ทุกที่ทุกเวลาในราคาสบายกระเป๋า...
บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเดินหน้ารุกตลาดคอนซูเมอร์โน้ตบุ๊กปี 2011 เต็มขั้น พร้อมเสริมทัพผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเอชพี มินิ ด้วยความล้ำสมัยของ HP Mini 110 นวัตกรรมโน้ตบุ๊กใหม่ล่าสุดที่ผสานเทคโนโลยีล้ำหน้าเข้ากับงานออกแบบที่ล้ำสมัย เป็นดิจิตอลแอ็คเซสซอรี่ชิ้นใหม่
ที่มา ไทยรัฐ

canon PowerShot SX130 IS

แคนนอน เอาใจคนชอบกล้องซูม ด้วยกล้องดิจิตอลแคนนอน PowerShot SX130IS ใหม่ ความละเอียดสูง 12.1 ล้านพิกเซล โดดเด่นด้วย

เทคโนโลยีเลนส์ซูมออปติคัลเลนส์มุมกว้าง 28 มม.
ที่ซูมออพติคัลได้สูงสุดถึง 12 เท่า
พร้อมถ่ายภาพมาโครระยะใกล้ที่สุดเพียง 1 ซม.
และพัฒนาฟังก์ชั่นใหม่เพื่อการใช้งานที่ง่าย และสะดวกยิ่งขึ้น
หน้าจอ LCD ขนาด 3 นิ้ว
Easy Mode โหมดการถ่ายภาพอย่างง่าย
ระบบ Smart Auto ออโต้อัจริยะ ถ่ายภาพสวยคมชัดในสภาพแสงต่างๆได้มากถึง 28 แบบ
ระบบ Smart FE ปรับค่าแฟลชอัตโนมัติ
บันทึกวิดีโอความละเอียดสูงแบบ High Definition 1280 x 720 ระบบ Stereo Sound Movie พร้อมเลือกซูมภาพได้ในขณะถ่ายภาพวิดีโอ
โหมดถ่ายภาพกลางคืน Low Light Mode และสนุกยิ่งขึ้นด้วยลูกเล่นสุดครีเอทีฟ เช่น Miniature Effect Scene เอฟเฟกต์ย่อส่วนภาพวิวกว้างให้กลายเป็นภาพแบบเมืองจำลอง ที่ใช้ได้ทั้งในรูปแบบภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว เป็นเจ้าของกล้องดิจิตอลแคนนอน PowerShot SX130IS ได้แล้ววันนี้ ในราคาเพียง 9,990 บาท ณ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายของแคนนอนทั่วประเทศ
ที่มา sanook

canon PowerShot S95

แคนนอน เปิดตัวกล้องดิจิตอลคอมแพค PowerShot S95 โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ HS System ที่ผสาน

เซ็นเซอร์ CCD ความไวแสงสูง ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล
และชิปประมวลผลภาพ DIGIC 4 พร้อมเลนส์ค่า F/ 2.0 สร้างภาพหน้าชัดฉากหลังเบลอ ได้ง่ายโดยไม่ต้องปรับค่า ISO สูง
ดีไซน์เรียบหรู กระทัดรัด จอภาพ LCD ขนาด 3 นิ้วให้ภาพคมชัดทุกรายละเอียด
ตั้งค่ากล้องด้วย Control Ring ที่ปรับโหมดต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
พร้อมฟังก์ชั่นใหม่มากมาย อาทิ บันทึกวีดิโอแบบHigh Definition (1280x720) ระบบ Stereo Sound ลำโพงแยกซ้ายขวา
HDR (High Dynamic Rage) ปรับค่าแสงสว่างอัตโนมัติ
Hybrid IS ระบบป้องกันการสั่นไหวจากเทคโนโลยีเลนส์ L Series
Creative Mode ในรูปแบบ Miniature Effect
Color Accent และColor Swap ที่มีให้เลือกทั้งภาพนิ่งและบันทึกวีดิโอ
รองรับการถ่ายภาพแบบ JPEG และแบบ RAW
โหมด Smart Auto ปรับภาพอัตโนมัติตามสถานการณ์ต่างๆ ทั้งภาพนิ่งและบันทึกวีดิโอได้คมชัดถึง 28 รูปแบบ กล้องดิจิตอลแคนนอน PowerShot S95 จำหน่ายแล้วใน ราคา 15,900 บาท ณ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายของแคนนอนทั่วประเทศ
ที่มา sanook

Samsung Chat 350 ทัชสกรีนโฟนสไลด์แป้นพิมพ์ QWERTY

ซัมซุง เตรียมเผยโฉมโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ลงตลาด เน้นความสะดวกในการพิมพ์ข้อความ Samsung Chat 350 (C3500) มาพร้อมแป้นพิมพ์ QWERTY แบบสไลด์ออกทางด้านข้าง หน้าจอแสดงผล ระบบสัมผัส ความละเอียด 240×320 พิกเซล กว้าง 2.4 นิ้ว สนับสนุนความบันเทิง จากเครื่องเล่นเเพลง วิทยุ FM กล้องถ่ายรูป ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 2.1, ช่องเชื่อมต่อ microUSB การ์ดหน่วยความจำ MicroSD สูงสุด 8 GB
Samsung Chat 350 ทัชสกรีนโฟนสไลด์แป้นพิมพ์ QWERTY
ที่มา siamphone

Sony Ericsson XPERIA Vivaz มีภาพออกมาให้ยลโฉม

Sony Ericsson XPERIA Vivaz มีภาพออกมาให้ยลโฉม
แหล่งข่าวแห่งหนึ่งเผยภาพ Sony Ericsson XPERIA Halon หรือ Vivaz 2 สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ พร้อมรายละเอียดเบื้องต้นของตัวเครื่องดังนี้ ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 2.3 Gingerbread หน่วยประมวลผล Qualcomm MSM7630 Snapdragon 1GHz พร้อม Adreno 205 GPU, RAM 512 MB หน้าจอแสดงผลระบบสัมผัส ความละเอียด 480 x 854 พิกเซล กว้าง 4 นิ้ว กล้องถ่ายรูป ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED บันทึกวีดีโอระดับความละเอียด 720p และ กล้องหน้ารองรับวีดีโอคอลล์
Sony Ericsson XPERIA Vivaz มีภาพออกมาให้ยลโฉม
ที่มา siamphone

หลุดอีกรอบ! สเปก ไอโฟน 5, ไอแพด 2 จะมาพร้อมซีพียูดูอัลคอร์

รูปภาพจาก engadget.com
หลังจากมีข่าวลือเกี่ยวกับสเปกของไอโฟน 5 และไอแพด 2 หลุดออกมามากมายก่อนหน้านี้ ล่าสุดก็มีคนได้รับข้อมูลจากคนวงในแอปเปิลเกี่ยวกับสเปกไอโฟน 5 และ ไอแพด 2 อีกครั้ง ซึ่งข้อมูลสเปกที่หลุดออกมาในครั้งนี้ สื่อต่างประเทศหลายสำนักต่างยืนยันข้อมูลแล้วว่าน่าจะถูกต้องมากที่สุด
โดยสเปกที่หลุดออกมาล่าสุดนี้ชี้ให้เห็นว่า ไอโฟน 5 และ ไอแพด 2 จะอัปเกรดซีพียูจากเดิม Apple A4 เป็น Apple A5 ที่มีการเพิ่มคอร์ทำงานเป็น 2 คอร์ (ดูอัลคอร์) และความเร็วอาจจะอยู่ที่ 1.6-2GHz รองรับการเข้ารหัสภาพความละเอียดสูง 1080p (1920x1080pixels) และในส่วนของหน้าจอ ไอโฟน 5 และ ไอแพด 2 จะถูกอัปเกรดให้มีความคมชัดมากกว่าเดิม โดยทางแอปเปิลจะไม่ได้เลือกใช้ Retina Display อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่จะเป็นหน้าจอแบบใหม่ที่ยังไม่มีการตั้งชื่อแต่อย่างใด
ในส่วนสเปกแยกย่อยต่างๆ ของไอโฟน 5 และ ไอแพด 2 จากข้อมูลล่าสุดเผยว่า นอกจากแอปเปิลจะเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของซีพียูและอัปเกรดหน้าจอใหม่ทั้งหมดแล้ว ในส่วนของระบบสื่อสารจะถูกปรับไปใช้ชิปของ Qualcomm ที่สามารถใช้ระบบสื่อสารได้ทั้ง GSM และ CDMA และไอโฟน 5 ตามแหล่งข่าวระบุว่า จะได้รับการออกแบบดีไซน์ทั้งด้านนอก ด้านในใหม่ทั้งหมด และตอนนี้ตัวเครื่องเสร็จเรียบร้อยไปส่วนหนึ่ง พร้อมส่งให้ผู้บริหารแอปเปิลได้ทดลองใช้แล้ว ส่วนไอแพด 2 จากข่าวลือก่อนหน้านี้ที่กล่าวว่า ตัวไอแพด 2 จะมาพร้อมหน้าจอ 10 นิ้ว ขนาดบางลง พร้อมปราศจากปุ่ม Home เพราะหันไปใช้ Gesture Multi-Touch ใน iOS 4.3 ในการสั่งปิด-เปิด โปรแกรมแทน รวมถึงตัวไอแพด 2 จะรองรับการเชื่อมต่อ SD Card ภายในตัวเอง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงมาก
สำหรับข่าวลือเพิ่มเติมจากการแกะโค้ด iOS ตัวล่าสุด (4.3) ยังยืนยันความเป็นไปได้เกี่ยวกับเรื่องตัวกล้องหน้า-หลังบนไอแพด 2 ได้ จากข้อความที่ว่า “EMPTY_ALBUM_CAMERA_AVAILABLE_iPad” = “You can take photos using the camera, or sync photos and videos onto your iPad using iTunes.”; อีกทั้งในเว็บไซต์ 9to5mac ยังปล่อยภาพไอคอนกล้องถ่ายรูป กล้องวิดีโอและม่านชัทเตอร์ทั้งแนวตั้งและแนวนอนขนาด 1024x768pixels ซึ่งคาดว่าจะเป็นฟอร์แม็ตของไอแพด 2 แน่นอน
และจากข่าวก่อนหน้านี้ที่ทางแอปเปิลได้ได้สั่งให้ทางบริษัท OmniVision ส่งชิ้นส่วนที่ประกอบด้วยเลนส์และเซนเซอร์ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ความละเอียด dpi อยู่ที่ 3 แสนพิกเซลมาให้ทางแอปเปิลจำนวนมาก ก็คาดว่าจะถูกนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของไอแพด 2 ก็เป็นได้
ในส่วนของความละเอียดหน้าจอจากข่าวลือก่อนหน้าเผยว่าหน้าจอไอแพด 2 จะยังคงมีความละเอียดเท่าเดิมคือ 1024x768pixels แต่อาจมีการเพิ่ม DPI ให้มากขึ้นทำให้หน้าจอมีความละเอียดสูงกว่า Retina Display บนไอโฟน 4
สุดท้ายสำหรับวันเปิดสำหรับไอแพด 2 น่าจะอยู่ช่วงเมษายนของปีนี้ และทำตลาดประมาณครึ่งปีหลังถึงปีหน้า ส่วนไอโฟน 5 จะมีกำหนดเปิดตัวประมาณกลางปีถึงสิ้นปีนี้ จะคาดว่าจะเริ่มทำตลาดช่วงปีหน้า
โค้ดจาก iOS 4.3 ชี้ให้เห็นว่า ไอแพด 2 จะมีกล้องติดตั้งมาด้วย
ภาพไอคอนกล้องถ่ายรูป กล้องวิดีโอและม่านชัทเตอร์ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
หลุดอีกรอบ! สเปก ไอโฟน 5, ไอแพด 2 จะมาพร้อมซีพียูดูอัลคอร์
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

โอลิมปัสออก XZ-1 คอมแพกต์โปร F1.8

โอลิมปัสเปิดตัวกล้องดิจิตอล 2 รุ่นรับปีใหม่ หวังเพิ่มตัวเลือกให้กับผู้ใช้งาน "XZ-1" คอมแพกต์ระดับโปรคุณภาพสูง ที่มีขนาดเล็ก และ "PEN E-PL2" กล้องไร้กระจกตัวต่อยอด PEN E-PL1
XZ1 นั้นถือเป็นกล้องคอมแพกต์ระดับโปรจากโอลิมปัสที่มีขนาดเล็ก คุณภาพสูง ใช้เลนส์ i.ZUIKO DIGITAL ระยะ 6-24มม. เทียบเท่าเลน์ 28-112มม. มีรูรับแสงกว้างสุด F1.8-2.5 ซึ่งช่วยเรื่องของการถ่ายภาพในแสงน้อย พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพขนาดใหญ่ 1/1.163 นิ้ว และหน่วยประมวลผลภาพ TruePic V

นอกจากนี้ยังเป็นกล้องที่มีความละเอียด 10ล้านพิกเซล, ซูม 4 เท่าในแบบออปติคอล, ใช้หน้าจอแสดงผล OLED ขนาด 3 นิ้ว, ค่าความไวแสง (ISO) สูงสุด 3200, ระบบป้องกันภาพสั่นไหว และรองรับการบันทึกภาพวิดีโอความละเอียดสูง 1280 × 720 (30fps)
ในเวลาเดียวกัน โอลิมปัสยังได้มีการเปิดตัว PEN E-PL2 กล้องไร้กระจก ระบบ Micro 4/3 ที่ได้รับการพัฒนาจากรุ่น PEN E-PL1 โดยจะมาพร้อมเซ็นเซอร์ความละเอียด 12.3 ล้านพิกเซล มาพร้อมเลนส์คิท M.Zuiko 14.42 II F3.5-5.6 ตัวใหม่ ที่โฟกัสภาพได้ไว และเงียบกว่าเดิม

ในส่วนของหน้าจอแสดงผล LCD ก็ได้รับการพัฒนาให้มีขนาดใหญ่เป็น 3 นิ้ว ความละเอียด 460,000พิกเซล, มีค่าความไวแสง (ISO) 6400, มีค่าความเร็วชัตเตอร์เร็วสุด 1/4000 รวมถึงได้มีการเพิ่มช่องต่อสายรีโมตลงไป เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมการทำงาน และรองรับการบันทึกภาพเคลื่อนไหวที่ความละเอียด 1280 x 720 (30 fps)

สำหรับกล้องดิจิตอล Olympus ทั้ง 2 รุ่นจะวางจำหน่ายในเดือนมกราคม 2554 ในราคา 499.99เหรียญฯ หรือประมาณ 15,000 บาท สำหรับ XZ-1 และ 599.99 เหรียญฯ หรือประมาณ 18,500 บาท สำหรับ PEN E-PL2

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

AIS เปิดตัว BlackBerry Bold 9780 ให้ประทับใจยิ่งขึ้น

AIS เปิดตัว BlackBerry Bold 9780 ให้ประทับใจยิ่งขึ้น
เอไอเอสตอกย้ำภาพผู้นำตลาดมือถือแบล็คเบอรี่นำเทรนด์ใหม่ๆ ให้สาวกบีบีได้ทั้ง Chat และ Share ภาพได้อย่างประทับใจมากยิ่งขึ้น โดยล่าสุดเปิดตัวแบล็คเบอรี่โบลด์รุ่นล่าสุดของเมืองไทยกับ “เอไอเอส BlackBerry Bold 9780” ในราคา ราคา 17,900 บาท
เอไอเอส BlackBerry Bold 9780 สมาร์ทโฟนที่พัฒนาต่อเนื่องจากรุ่น BlackBerry Bold 9700 ที่ถือเป็นรุ่นยอดนิยม โดยยังคงรูปลักษณ์ที่ทันสมัย บางเบา และเอกลักษณ์การดีไซน์สไตล์ BlackBerry Bold ซึ่งตอบโจทย์ทั้ง Work style และ Lifestyle ได้อย่างลงตัว สำหรับการปรับโฉมครั้งนี้โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นเอาใจผู้ที่ชอบ Share ภาพในโลก Social Networking ด้วยกล้อง 5 ล้านพิคเซล พร้อมแฟลชโฟกัสอัตโนมัติต่อเนื่อง ระบบป้องกันภาพสั่นไหว ดิจิตอลซูม 2 เท่า และหน่วยความจำออนบอร์ด 512 MB พร้อมด้วยการ์ด Media 2 GB
สนใจสัมผัส เอไอเอส BlackBerry Bold 9780 ได้แล้ววันนี้ที่เอไอเอส ช็อป ทั่วประเทศ, เซเรเนด คลับทุกแห่ง ในราคา 17,900 บาท (รวม Vat ) พร้อมรับฟรี! ดาวน์โหลดการ์ดให้คุณโหลด Top 10 Applications มูลค่า 450 บาท ได้ง่ายๆทันที (จำนวนจำกัด)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม เอไอเอส คอลล์เซ็นเตอร์ 1175 หรือที่ www.ais.co.th/blackberry
AIS เปิดตัว BlackBerry Bold 9780 ให้ประทับใจยิ่งขึ้น
ที่มา siamphone

Samsung Wave II สมาร์ทโฟนเหนือระดับระบบปฏิบัติการบาดา

Samsung Wave II สมาร์ทโฟนเหนือระดับระบบปฏิบัติการบาดา ซัมซุงแนะนำสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการซัมซุง บาดา (BADA) ใหม่ล่าสุด “ซัมซุง เวฟ ทู (Samsung Wave II)” ที่อวดโฉมด้วยหน้าจอซุปเปอร์ เคลียร์ แอลซีดี ขนาดใหญ่ถึง 3.7 นิ้ว สว่างกว่า ให้สีสันที่เป็นธรรมชาติ และลดการสะท้อนแสงได้มากกว่าจอแอลซีดีทั่วไป มาพร้อมกับฟังก์ชันการทำงาน Social Hub และ SNS Widget ที่ย่อโลกออนไลน์ไว้เป็นหนึ่งเดียว อาทิ SNS, IM, email, Facebook และTwitter ภายใต้ขีดความสามารถที่สูงขึ้น ด้วยประสิทธิภาพการประมวลผล (1GHz Processor) และเทคโนโลยี WiFi รุ่นล่าสุด (802.11 b/g/n) ทำให้ดาวน์โหลดข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมสัญญาณกว้างมากขึ้นกว่าเดิม ช่วยให้เพลิดเพลินไปกับการท่องโลกอินเทอร์เน็ต พร้อมแสดงภาพกราฟฟิคต่างๆ อีกทั้งรองรับแอพพลิเคชันที่มีให้เลือกสรรมากมายบน Samsung App store อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น games, e-books และอื่นๆ

นอกจากนี้ “ซัมซุง เวฟ ทู” ยังภูมิใจนำเสนอฟังก์ชัน HD Video Player & Recorder ที่จะนำทุกท่านสนุกสนานไปกับการรับชม หรือบันทึกไฟล์วีดีโอในรูปแบบ HD ในหลากหลายฟอร์แมต รวมทั้งฟังก์ชัน t9 Trace ที่จะทำให้คุณลืมการพิมพ์ข้อความแบบเดิมๆ ด้วยการพิมพ์ที่รวดเร็ว สะดวก และง่ายดายยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้มาในรูปแบบดีไซน์ที่สวยงามประทับใจเกินกว่าคำบรรยายด้วยสรีระบางเฉียบ สมกับเป็นนวัตกรรมล้ำสมัยในยุคดิจิตอลที่ควรค่าในการจับจอง

“ซัมซุง เวฟ ทู” เริ่มวางจำหน่ายเดือนมกราคม 2554 ในราคา 13,900 บาท พร้อม microSD การ์ด ความจุ 4 กิกะไบต์ ณ ร้านซัมซุงช็อปและร้านค้าตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือซัมซุงทั่วประเทศ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าซัมซุง 0-2689-3232 หรือโทรฟรีจากโทรศัพท์บ้าน 1-800-29-3232
ที่มา http://www.igadgety.com/?p=8781

ซัมซุงขนทัพนวัตกรรมสุดล้ำสู่ชีวิตอัจฉริยะ

เป็นประจำทุกปีหลังปีใหม่จะเป็นการเปิดงานใหญ่ระดับโลก นั่นก็คืองานคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ โชว์ 2011 หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ซีอีเอส โชว์ ซึ่งเป็นงานมหกรรมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดที่คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ลาสเวกัส รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ปีนี้จัดระหว่างวันที่ 6-9 มกราคม 2554

นักพัฒนาและบริษัทผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยีจากทั่วโลก จะเปิดตัวนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ภายในงานนี้ รวมทั้งประกาศผลรางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยม หรืออินโนเวชั่นอะวอร์ด ให้กับสินค้าดีเด่นทั้งด้านนวัตกรรมและการออกแบบในหลากหลายสาขา

ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ระดับโลก ปีนี้ซัมซุงประเทศไทยได้พาสื่อมวลชนจากเมืองไทยมาชมนวัตกรรมใหม่ ๆ ของซัมซุงที่เปิดตัวในงานซีอีเอส 2011 และร่วมงานแถลงข่าวของซัมซุงอเมริกา ซึ่งมีนักข่าวจากทั่วโลกร่วมพันคนต่างเบียดเสียดเข้ามาร่วมฟังการแถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จนแน่นห้องประชุม

สำหรับปีนี้ ซัมซุงภาคภูมิใจและมั่นใจในความสำเร็จเพราะคว้ารางวัลนวัตกรรมจากงานซีอีเอสมากถึง 37 รางวัล ในจำนวนนี้เป็นรางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยมแห่งปีถึง 2 รางวัลคือ แว่นตาสำหรับโทรทัศน์สามมิติ และเครื่องเล่นบลูเรย์ดิสก์ที่เล็กและบางที่สุดในโลก

แว่นตาสามมิติ ที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยม เป็นแว่นตาที่ใช้สำหรับดูทีวีสามมิติที่ออกแบบให้ทันสมัย ลดความหนาเทอะทะ ดูแล้วไม่ปวดตา ปวดหัว ตัวแว่นมีขนาดบาง ผู้ที่สวมแว่นสายตาสามารถสวมแว่นสามมิติทับลงไปได้ทันที

ส่วนเครื่องเล่นบลูเรย์ดิสก์ที่เล็กที่สุดในโลก นั้นมีขนาดบางไม่ถึง 1 นิ้ว และน้ำหนักเบามาก ตัวเครื่องเป็นโลหะสีเงิน มีฟังก์ชั่นเปลี่ยนภาพจากระบบสองมิติเป็นสามมิติ และสามารถแปลงไฟล์เป็นแบบฟูลเอชดีหรือความคมชัดสูงได้

ส่วนผลิตภัณฑ์ที่เรียกเสียงฮือฮาได้ทันทีที่เปิดตัวก็คือ แท็บเล็ต รุ่น สไลด์ดิ่ง พีซี ซีรีส์ 7 ซึ่งรวมจุดแข็งของพีซีและแท็บเล็ตเข้าด้วยกัน เพราะจากข้อมูลพบว่า ผู้ใช้แท็บเล็ตต้องการคีย์บอร์ดในการใช้งานแท็บเล็ต สไลด์ดิ่ง พีซี ซีรีส์ 7 จะมีขนาดใหญ่กว่า กาแล็คซี แท็บ จอ 10.1 นิ้ว มัลติทัช แอลอีดี ดิสเพลย์ ไฮเดฟฟิเนชั่น พูดง่าย ๆ ก็คือ เป็นจอระบบสัมผัสที่มีความละเอียดสูง ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดว์ส 7 หน่วยประมวลผลอินเทลอะตอม

จุดเด่นก็คือ คีย์บอร์ดสไลด์ที่ซ่อนมาในตัวเครื่อง เวลาจะใช้งานก็แค่สไลด์ขึ้นด้านบนเหมือนโทรศัพท์มือถือก็จะได้คีย์เต็มรูปแบบ แต่ไม่ทำให้ตัวเครื่องหนาขึ้นเลย ที่สำคัญกว่านั้น ซัมซุงยืนยันว่าเป็นแท็บเล็ตที่เปิดและปิดเครื่องได้รวดเร็วภายในเวลา 11 วินาที แท็บเล็ตรุ่นนี้ จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วโลกในเดือนมีนาคมก่อนจะทยอยวางจำหน่าย เชื่อหรือยังว่าเป็นแท็บเล็ตที่ใหม่กิ๊กจริง ๆ เพราะทั้งชื่อรุ่นแบบเรียกง่าย ๆ และราคาซัมซุงยังไม่ทันคิด และจะไม่ยอมให้ถ่ายรูปแบบใกล้ชิด ถ้าไม่ใช่สื่อมวลชน

นายมนาเทศ อันนวัฒน์ ผู้อำนวยการกลุ่มสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัทไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมา เป็นปีที่ซัมซุงประสบความสำเร็จมาก หลังจากเปิดตัวทีวีสามมิติ มียอดขายในสหรัฐอเมริกามากกว่า 1 ล้านเครื่อง ครองส่วนแบ่งในตลาดเกินกว่า 70% แม้แต่ซัมซุง แอพ ซึ่งทำงานร่วมกับนักพัฒนามากกว่า 300 ราย ก็มีการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นไปใช้งานมากกว่า 1.5 ล้านดาวน์โหลด

ธุรกิจโทรศัพท์มือถือ หลังจากเปิดตัวแอนดรอยด์ ส่งผลให้โทรศัพท์มือถือของซัมซุงโตเร็วมาก โดยเฉพาะกาแล็คซีเอส ซึ่งมียอดขายทั่วโลกมากกว่า 10 ล้านเครื่อง แม้สินค้าจะขาดตลาดไปนานถึง 2 เดือน แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาก็เป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่ขายมากที่สุด รวมไปถึงกาแล็คซี แท็บเล็ตจอ 7 นิ้ว ที่ช่วยลดข้อจำกัดด้านการติดต่อสื่อสาร ปีนี้จะเห็นโทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์ของซัมซุงอีกหลายรุ่น แต่ที่เด่นที่สุดคือ เน็กซัส วัน และโทรศัพท์มือถือที่รองรับเครือข่าย 4 จี หรือแอลทีอี เช่น ซัมซุงคราฟท์ จออะโมเลด 3.3 นิ้ว และแป้นพิมพ์แบบคิวเวอร์ตี้ กล้อง 3.2 ล้านพิกเซล

ยังมีซัมซุง แคพติเวท มือถือแอนดรอยด์ จอซูเปอร์อะโมเลด 4 นิ้ว หน่วยประมวลผล 1 กิกะเฮิรตซ์ ซัมซุงไวแบรนท์ และซัมซุงอีปิค 4 จี เป็นแอนดรอยด์ซัมซุงรุ่นแรกที่จะใช้งานบนเครือข่าย 4 จี

เนื่องจากสหรัฐอเมริกา โทรทัศน์สามมิติเติบโตมาก ปีนี้ซัมซุงและผู้ผลิตทีวีต่างนำเสนอทีวีสามมิติในรูปแบบใหม่ โดยซัมซุงจะทยอยเปิดตัวทีวีสามมิติและแอลอีดีทีวีประมาณ 30 รุ่น ใน 9 ซีรีส์ โดยเน้นไปที่ความชัด หน้าจอกว้างกว่าเดิม และดีไซน์ที่กลมกลืนไปกับการใช้งาน ขนาดจอ 19-65 นิ้ว บางเฉียบแค่แท่งดินสอ

อีกไม่นานการดูทีวีภายในบ้านจะเปลี่ยนไป นอกจากรับชมภาพแบบสามมิติแล้ว จอทีวีจะกลายเป็นจอคอมพิวเตอร์ เราสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต อัพเดทเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ สร้างรูปแบบการดูหนัง รายการโปรด ดาวน์โหลดวิดีโอ ฯลฯ ผ่านสมาร์ทฮับ สมาร์ททีวี และที่เด็ดกว่านั้นก็คือ เราสามารถใช้มือถือกาแล็คซีเอสสั่งงานจอโทรทัศน์ เข้าถึงบริการสมาร์ททีวีได้ง่าย ๆ

อีกเทคโนโลยีหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ 1 ft คอนเน็คชั่น ซึ่งก็คือ เทคโนโลยีที่ทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ของซัมซุงที่มีไวไฟ สามารถถ่ายโอนข้อมูลเชื่อมต่อกันอัตโนมัติหากอยู่ใกล้กันในระยะ 1 ฟุต เช่น หากเรานำกาแล็คซีเอสมาไว้ใกล้ ๆ จอมอนิเตอร์หรือจอทีวี เครื่องจะคุยกันแล้วส่งข้อมูลขึ้นจอใหญ่ให้ทันที

นี่คือเพียงส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี ใหม่ ๆ ที่เราจะได้เห็น ได้ใช้งานในเร็ว ๆ นี้ เป็นเทคโนโลยีที่ซัมซุงบอกว่า จะทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป เพราะเทคโนโลยีฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ จะไปช่วยให้ผู้คนมีความสะดวกสบาย ตามแนวคิดสมาร์ทดีไซน์ สมาร์ทเอ็กซ์พีเรียนและสมาร์ทคอนเน็คชั่น หากพร้อมจะจ่าย ก็จะได้สัมผัส.

ปรารถนา ฉายประเสริฐ
prathana.chai@gmail.com
ที่มา เดลินิวส์

BlackBerry Torch 9800กับโปรแกรมล็อคหน้าจอสุดล้ำสำหรับ

เอไอเอสเข้าใจผู้ใช้ BlackBerry Torch 9800 สมาร์ทโฟนสุดเก๋ ทั้งรูปลักษณ์และการใช้งานที่อำนวยความสะดวกให้คุณโทร แชท สนุกกับโซเชียลเน็ตเวอร์กได้ทันใจ ด้วยทัชสกรีนและคีย์แพดที่ชาวแบล็กเบอรี่ที่ตอบสนองทั้งไลฟ์สไตล์และการใช้งาน หากใครที่ใช้แล้วประสบปัญหาหน้าจอและคีย์บอร์ดปลดล็อกเองบ่อยครั้ง หรือใครกำลังตัดสินใจจะซื้อแล้วไม่แน่ใจว่าจะเจอปัญหานี้หรือเปล่า วันนี้หมดกังวลได้เลย
เอไอเอสได้พัฒนา บี-ล็อค แอพ (bLOC app) แอพพลิเคชั่นสุดล้ำ ให้คุณสนุกกับการใช้ BlackBerry Torch 9800 อย่างมั่นใจ สะดวกสบาย เพราะนอกจากมีโปรแกรมล็อคหน้าจออัตโนมัติที่คุณต้องปลดล็อคถึง 2 ชั้น ช่วยคุณมั่นใจว่า Torch ของคุณจะไม่ปลดล็อคเองโดยอัตโนมัติ และยังมี Multiple Widgets โปรแกรมสารพัดประโยชน์ที่มาพร้อมหน้าจอแสดงอุณหภูมิ อัพเดทราคาทอง ให้คุณไม่พลาดทุกเรื่องสำคัญในโลกธุรกิจและทุกไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ในอนาคตจะมีการอัพเดทราคาน้ำมันให้คุณอุ่นใจเช็คได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วสัมผัส
พิเศษ! เฉพาะลูกค้าเอไอเอสที่ซื้อ เอไอเอส BlackBerry Torch 9800 ดาวน์โหลดฟรี bLOC app โปรแกรมล็อคหน้าจอสุดล้ำ ให้คุณแตกต่างอย่างเหนือชั้น ได้ที่ http://www.ais.co.th/main/th/PopUp/Torch_bLOC.html ตั้งแต่วันนี้ - 31 ม.ค. 54
BlackBerry Torch 9800กับโปรแกรมล็อคหน้าจอสุดล้ำสำหรับ
ที่มา siamphone

CES 2011: 4 แบรนด์ดังตบเท้าพร้อมลงสังเวียนศึกแท็บเล็ต

ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ 4 แบรนด์ชั้นนำ (อัสซุส,โตชิบ้า, แอลจี และโมโตโรลา) อาศัยเวทีมหกรรมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค (CES 2011) ที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา เปิดตัวโน๊ตบุ๊กไฮบริดและแอนดรอยด์แท็บเล็ต Honeycomb ลงแข่งในตลาด ชูสเปคเหนือไอแพด หวังชิงส่วนแบ่งในตลาด
อัสซุสผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่จากไต้หวัน เตรียมส่งโน๊ตบุ๊กไฮบริดลูกผสมอย่าง 'Eee Pad Slider' ที่มีขนาดหน้าจอถึง 10.1 นิ้ว ซีพียู Dual-Core Tegra 2 ทำงานด้วยระบบปฎิบัติการ แอนดรอยด์ ฮันนีโคม โดยจุดเด่นคือสามารถสไลด์คีย์บอร์ด QWERTY เลื่อนออกมาจากด้านหลังได้ อีกทั้งยังสามารถตั้งแท็บเล็ตขึ้นมาเป็นจอแบบโน๊ตบุ๊ก เพื่อใช้พิมพ์ได้อย่างสะดวกมือ เวลาที่ไม่ต้องการใช้ระบบหน้าจอสัมผัสทัชสกรีน โดยจะวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม ราคาอยู่ที่ 499 - 799 เหรียญฯ หรือประมาณ 15,000 - 24,000 บาท
ขณะที่ 'Eee Pad Transformer' แท็บเล็ตที่มีความโดนเด่นไม่แพ้กัน จากดีไซน์สุดล้ำที่สามารถแปลงร่างเป็นโน้ตบุ๊กได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เสียบกับคีย์บอร์ด QWERTY ที่มีลักษณะเหมือนแท่นรองรับ (docking station) พร้อมกับหน้าจอสัมผัสแบบ capacitive ขนาด 10.1 นิ้ว ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 3.0 (Honeycomb) ซีพียู Dual-Core Tegra 2 เช่นกัน และมีกล้อง 2 ตัว ด้านหน้า 1.2 ล้านพิกเซล และด้านหลัง 5 ล้านพิกเซล สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายด้วย Wireless และ Bluetooth มีช่องเสียบพอร์ต HDMI, USB และช่องอ่านการ์ดหน่วยความจำ โดยจะวางจำหน่ายในเดือนเมษายน สนนราคาของ 'ASUS Transformer' อยู่ที่ประมาณ 399-699 เหรียญฯ หรือประมาณ 12,000 - 21,000 บาท
ด้านแท็บเล็ตอีกตัวที่ทางอัสซุสเคยแจ้งไว้ว่าจะมีการเปิดตัวในงาน CES คือแท็บเล็ต'EeeSlate' พร้อมชิปประมวลผล Core i5-470UM หน้าจอทัชสกรีนขาดใหญ่ถึง 12.1นิ้ว พร้อมติดกล้องความคมชัด 2 เมกะพิกเซล ความละเอียดหน้าจอ 1280x800 พิกเซลทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Windows 7 ฮาร์ดดิสก์ขนาด 34 กิกะไบต์ และ 64 กิกะไบต์ ในส่วนของ Eee Slate จะออกวางจำหน่ายภายในเดือนนี้ ราคา 999 เหรียญฯ สำหรับ 34 กิกะไบต์ และราคา 1,099 เหรียญฯ สำหรับ 64 กิกะไบต์ หรือประมาณ 30,000 - 33,000 บาท
ขณะที่'Eee Pad MeMO' แท็บเล็ตรุ่นเล็กก็ได้มีการนำมาจัดแสดงภายในงาน โดยมีขนาดหน้าความกว้างของจอ 7 นิ้ว จับกระชับมือพกพาสะดวกมาพร้อมระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ ซึ่งคาดว่าจะเป็นแอนดรอยด์ 3.0 ความละเอียดหน้าจอ 1024x600 พิกเซล ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 499-699 เหรียญฯ ประมาณ 15,000 -21,000 บาท โดยจะเริ่มวางขายได้ประมาณมิถุนายนปีนี้
ทางด้านโตชิบ้าก็ไม่ยอมแพ้ ขอร่วมลงสังเวียนแท็บเล็ตอีกราย โดยเตรียมตัวโชว์แท็บเล็ตที่ว่ากันว่าสเปกเทพเหนือกว่าไอเพด ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ฮันนี่ โคม (Honeycomb) หน้าจอ10.1นิ้ว ซีพียู Dual-Core Tegra 2 หน้าจอระบบสัมผัส capacitive ความละเอียดของหน้าจอ 1280x800 พิกเซล พร้อมติดกล้อง 2 ตัว ด้วยกล้องหลัง 5 เมกะพิกเซล และกล้องหน้า 2 เมกะพิกเซล ใช้สำหรับ วิดีโอ คอลล์ สนับสนุนไฟล์วีดีโอแบบ ไฮ-เดฟฟินิชัน 1080p พร้อมทั้งยังรองรับไฟล์แฟลชอีกด้วย

ซึ่งแท็บเล็ตตัวใหม่จากโตชิบ้าสามารถรองรับพอร์ต HDMI, USB, mini USB และช่องใส่การ์ดSD เชื่อมต่อไร้สายด้วยระบบ Wifi และ Buletooth น้ำหนักเบาเพียง 1.7 ปอนด์ ซึ่งเท็บเล็ตตัวใหม่จากโตชิบ้านี้เป็นต้นแบบที่ยังไม่ได้มีการผลิตจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
ในด้านของโมโตโรลา ที่ในปีนี้ขอส่ง "Xoom" แท็บเล็ตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ฮันนี่ โคม (Honeycomb) ใช้ซีพียูดูอัลคอร์ (Dual-core Tegra 2), กล้องดิจิตอลตัวหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ที่สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง HD 780p และกล้องตัวหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สำหรับการสนทนาแบบวิดีโอ คอลล์ พร้อมพอร์ท HDMI

มีหน้าจอแสดงผลขนาด 10.1 นิ้ว ความละเอียด 1280x800พิกเซล สัดส่วน 16:10 ที่สามารถแสดงผลภาพยนตร์ได้อย่างคมชัด, มีเซ็นเซอร์ Accelerometers และ Gyroscopes ที่ทำออกมาสำหรับนักเล่นเกมส์โดยเฉพาะ อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อ 3G ซึ่งสามารถอัปเกรดเป็น 4G ได้เมื่อมีการเปิดให้ใช้งาน
สำหรับผู้ผลิตจากแดนกิมจิอย่าง แอลจี นั้นก็ได้มีการส่งแล็ปท็อป 3D รุ่น A520 ใช้ซีพียู Intel Core i7 หรือ Core i5, หน้าจอแสดงผลความ Full HD ขนาด 15.6 นิ้ว, การ์ดจอ NVIDIA GeForce GT540M หรือ GT520M พร้อม บลูเรย์ ไดร์ฟ และระบบเสียง 3D Surround โดยหน้าจอ 3D จะแสดงผลโดยใช้เทคโนโลยี Film Patterned Retarder ซึ่งจะทำงานร่วมกับแว่นตาโพลาไรซ์ เพื่อการรับชมภาพ 3 มิติแบบเต็มรูปแบบ
นอกจากนี้ยังมีแล็ปท็อปที่มีความบางและพกพาสะดวกอย่าง P210 หน้าจอขนาด 12.5 นิ้ว บางเพียง 20.9มม. หนัก 1.3กก. ใช้ซีพียู Intel Core i3 และ Core i5 ULV และ RAM 4GB อีกรุ่นหนึ่งคือ P420 แล็ปท็อปหน้าจอ 14 นิ้ว ที่มาพร้อมซีพียู Core i5, RAM 8GB และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GT520M
ที่สำคัญแอลจียังไม่พลาดที่จะลงสนามแข่งแท็บเล็ตด้วยการเปิดตัว G-Slate แท็บเล็ตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชัน ฮันนีโคม ที่มีหน้าจอกว้าง 8.9 นิ้ว และใช้ซีพียู Nvidia dual core และรองรับการใช้งานระบบ 4G

ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าแท็บเล็ตที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชัน ฮันนีโคม นั้น ส่วนใหญ่จะใช้หน่วยประมวลผล Tegra2 ซึ่งเป็นชิปหน่วยประมวลผลแบบ Dual-Core รุ่นใหม่ล่าสุดที่พร้อมทำตลาดอุปกรณ์พกพาในขณะนี้ ขณะที่ถ้าเป็นแท็บเล็ตในระบบปฏิบัติการวินโดวส์นั้น ยังคงใช้ซีพียูของทางอินเทลอยู่เช่นเดิม
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ทวิตเตอร์เผยญี่ปุ่นทำลายสถิติทวีตมากที่สุดในวันขึ้นปีใหม่ ทวีต 6,939 ทวีตต่อวินาที

ทวิตเตอร์เผยญี่ปุ่นทำลายสถิติทวีตมากที่สุดในวันขึ้นปีใหม่ ทวีต 6,939 ทวีตต่อวินาที มากกว่าสถิติเก่าเท่าตัว...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ว่าประเทศญี่ปุ่นได้ทำสถิติใหม่ในจำนวนทวีตต่อวินาที หลังชาวญี่ปุ่นร่วมใจกันทวิตในวันขึ้นปีใหม่มากถึง 6,939 ทวีตต่อวินาที ตามที่บล็อกอย่างเป็นทางการของทวิตเตอร์ได้รายงานไว้

ทั้งนี้เจ้าของสถิติเก่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เป็นญี่ปุ่นเช่นกันที่ร่วมแรงกันทวิตในแมตช์ที่ญี่ปุ่นเอาชนะเดนมาร์กได้ในฟุตบอลโลกเมื่อช่วงกลางปีก่อน ซึ่งครั้งนั้นทำสถิติไว้ที่ 3,283 ทวีตต่อวินาที

ทวิตเตอร์ยังเผยอีกว่า ประชากรกว่า 127 ล้านรายของญี่ปุ่นเคยประสบปัญหาเครือข่ายล่มจากความพยายามโทรหากันเพื่ออวยพรปีใหม่ ทำให้ในปีนี้การส่งข้อความผ่านทวิตเตอร์จึงได้รับความนิยมมากขึ้น และทำให้เกิดสถิติดังกล่าวขึ้นมา

ในวันขึ้นปีใหม่ทวิตเตอร์ได้ทำระบบจับจำนวนการทวิตโดยแบ่งตามเมืองต่างๆ ยิ่งมีการทวิตมากเท่าไรวงกลมสีฟ้าก็จะขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ โดยในวันขึ้นปีใหม่นี้นอกจากญี่ปุ่นที่ทวิตมากที่สุด เมืองอื่นๆ ก็ไม่น้อยหน้ากันเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 3000 ทวีตต่อวินาที โดยเฉพาะในทวีปเอเชีย อินโดนีเซียนับว่ามาแรงมาก ส่วนประเทศไทยยังกระจุกตัวมากอยู่แถบกรุงเทพเท่านั้น.


ที่มา ไทยรัฐออนไลน์

5 เรื่องร้อนวงการไอที ปี 53

5 เรื่องร้อนวงการไอที ปี 53
ภาพรวมความเคลื่อนไหวของวงการไอทีในประเทศค่อนข้างคล้ายคลึงกับในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของเครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือ กระแสการเปิดตัวแท็บเล็ตที่่ส่งผลให้รูปแบบการใช้งานคอมพิวเตอร์เปลี่ยนไป จนกระทั่งอุตสาหกรรมต่างๆต้องปรับตัวรองรับการทำงานของอุปกรณ์พกพา

***ปรากฏการณ์ ม็อบออนไลน์

เหตุการณ์สำคัญของกลุ่มชาวเครือข่ายสังคมออนไลน์ในปีนี้ถูกจับตามองไปที่ การเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงกลางปีที่ผ่านมา กับวิกฤตการเมืองที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกลางย่านการค้าอย่างบริเวณราชประสงค์ และสีลม

ส่งผลให้มีการตั้งกลุ่มบนเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก และการรวมตัวกันของกลุ่มคนในทวิตเตอร์ ออกมาทำสาธารณะประโยชน์ รวมทั้งการเคลื่อนไหวการชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญของกลุ่มเสื้อหลากสี ร่วมกับ "กลุ่มมั่นใจคนไทยเกิน 1 ล้านคนต่อต้านการยุบสภา" และอีกหลายกลุ่มในแนวทางเดียวกัน

รวมถึงการแจ้งเกิดศัพท์ใหม่ของสังคมออนไลน์อย่างคำว่า "เหวง" ใช้เรียกการพูดจาวกวน ฟังไม่ได้ศัพท์ ที่คาดว่าเกิดจากการรับชมถ่ายทอดสดการเจรจาระหว่างรัฐบาล นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับแกนนำเสื้อแดง ที่มี น.พ.เหวง โตจิราการ ที่เกิดจากการโพสต์ศัพท์ดังกล่าว จนกลายเป็นกระแสนิยมออกมา

ขณะเดียวกันการรวมกลุ่มกันทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ ไม่ได้หยุดแค่เพียงการรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องสิทธิเท่านั้น แต่ยังมีการเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเหลือสังคม อย่างเมื่อตอนเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา ก็มีการรวมตัวกันของกลุ่มคนในโลกออนไลน์ บริจาคปัจจัย-สิ่งของ รวมถึงร่วมแรงร่วมใจเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่อีกด้วย

***งานแฟร์ไอที อ่วมน้ำท่ม-การเมือง

ขณะที่งานแฟร์สินค้าไอทีอย่าง คอมมาร์ต และ คอมเวิลด์ ที่มีกำหนดจัดในตลอดทั้งปี ก็ได้รับผลกระทบในการจัดงานไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางปี หลังจากเกิดวิกฤติการทางการเมือง ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงสินปีที่เกิดอุทกภัย ทำให้รายได้รวมของตลาดคอมพิวเตอร์ในปีนี้ ไม่เป็นไปตามที่ทางไอดีซีตั้งเป้าไว้

โดยทางเอเซอร์เคยให้ข้อมูลไว้ในช่วงปลายปีว่า การเติบโตของธุรกิจไอทีในปีนี้ น่าจะอยู่ที่ 6-10% เท่านั้น จากเดิมที่ทางไอดีซีคาดการณ์ไว้ไม่ต่ำกว่า 15% ซึ่งผลกระทบส่วนใหญ่มาจากทั้ง 2 เหตุการณ์ข้างต้น ทำให้ผู้ซื้อไม่ค่อยเกิดการจับจ่ายใช้สอย กับสินค้าที่ยังไม่มีความจำเป็น

**กล้องไร้กระจกครองเมือง

กล้องไร้กระจก (Mirrorless) นั้นเริ่มเข้ามาสู่ตลาดกล้องดิจิตอลในเมืองไทยตั้งแต่ปลายปี 2552 โดยโอลิมปัส และพานาโซนิก ที่ต้องการทำให้กล้อง DSLR มีขนาดเล็กลงเนื่องจากกล้อง DSLR ที่มีอยู่ในปัจจุบันมีขนาดใหญ่ เพราะใช้กระจกสะท้อนแสงจากเลนส์ เข้าสู่ช่องมองภาพ ดังนั้นการตัดกระจกออกไปเลยทำให้กล้องมีขนาดเล็กลง

สำหรับในบ้านเรานั้นโอลิมปัส E-P1 ถือเป็นตัวเปิดตลาดที่ทำให้คนเริ่มหันมาให้ความสนใจกล้องตระกูลนี้ ตามมาด้วยพานาโซนิก GF1 จนล่าสุด หลังจากที่ผู้ผลิตกล้องรายใหญ่จากแดนปลาดิบอย่างโซนีได้มีการเปิดตัวกล้องไร้กระจก ตระกูล NEX (NEX-3, NEX-5) พร้อมเลนส์ E-Mount และความสามารถในการใช้งานร่วมกับเลนส์ของกล้อง DSRL ของโซนี่, มินอลต้า ในราคาเริ่มต้นที่ 18,900บาท ก็ทำให้ตลาดกล้องไร้กระจกในบ้านเราเติบโตสูงขึ้นอย่างน่าใจหาย ขนาดที่ว่ากล้องตระกูลนี้กำลังจะกลืนกินกล้องตระกูล DSLR-Like ในบ้านเราให้หายไป

เชื่อไม่เชื่อก็ดูได้จากจำนวนความต้องการของกล้องตระกูล NEX ที่ในช่วง 3 เดือนแรกของการเปิดตัวออกสู่สายตาคนไทยอย่างเป็นทางการ ลูกค้าที่สนใจต้องทำการจองผ่านหน้าร้านค้าตัวแทนจำหน่าย แม้ว่าโรงงานผลิตเองจะอยู่ในเมืองไทย แต่ก็ไม่สามารถผลิตสินค้าให้เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภคได้

งานนี้เหมือนเป็นการจุดไฟสงครามกล้องไร้กระจก ทำให้ผู้ผลิตกล้องหลายรายหันมาให้ความสนใจผลิตกล้องตัวนี้ออกสู่ตลาด ดูอย่างซัมซุงที่ส่ง NX10 และ NX100 มาลงสนามแข่ง, พานาโซนิกที่เตรียมเปิดตัว GF2 ในเมืองไทย รวมถึงข่าวรือที่ออกมาหนาหูว่าในปีหน้านี้ แคนนอน และนิคอนก็เตรียมหันมาลงสนามแข่งนี้เช่นกัน

***แท็บเล็ต ทางเลือกใหม่ของวงการ

การเปิดตัว iPad แท็บเล็ตจากแอปเปิลในช่วงต้นปี ถือเป็นไฮไลท์สำคัญในการขับเคลื่อนตลาดอุปกรณ์พกพาในปีนี้ เนื่องจากกระแสความต้องการของผู้ใช้ในตลาดเริ่มมีมากขึ้น รวมถึงยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ ทันสมัยให้กับผู้ใช้ โดยในการขายในเบื้องต้นจะเป็นการนำเข้าอย่างผิดกฏหมาย

ก่อนที่ทางไอสตูดิโอ เริ่มวางจำหน่าย iPad อย่างเป็นทางการในประเทศไทยวันที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมาในราคาเริ่มต้น 15,900 บาท ซึ่งเมื่อตอนเครื่องหิ้ววางจำหน่ายรุ่นเดียวกันนี้เคยราคาขึ้นไปสูงถึง 26,000 บาท

ขณะที่ทางซัมซุงเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าในตลาดแท็บเล็ตเข็น Samsung Galaxy Tab ออกมาวางจำหน่ายในช่วงเดือนกันยายน ร่วมกันทางเอไอเอส ในการผูกโปรโมชันเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตฟรีจำนวนหนึ่ง ในราคา 22,900 บาท มาดึงกลุ่มผู้ต้องการใช้งานแท็บเล็ตในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์

ยังไม่นับรวมการทำตลาดแท็บเล็ตจากแบรนด์เกาหลีอีกรายอย่าง แอลจี เฮาส์แบรนด์อย่าง เวลคอม ไอ-โมบาย ที่ออกมาเน้นขายเครื่องราคาถูก ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เช่นเดียวกัน ทำให้เชื่อได้ว่าทิศทางตลาดแท็บเล็ตยังมีการเติบโตอีกมากในปีหน้า

***แอปฯบูม เปลี่ยนรูปแบบโมบาย-คอนเทนต์

การเติบโตของแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในโลกของอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภท ที่ผลิตแอปพลิเคชันขึ้นมา เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน แน่นอนว่าสื่อสารมวลชนเองก็ต้องมีการปรับตัวเช่นกัน

โดยในเครือผู้จัดการหลังจากที่นำร่องเปิดให้บริการแอปพลิเคชัน "ASTVผู้จัดการ" บนไอโฟนไปเมื่อปีที่ผ่านมา ในปีนี้จึงเน้นไปที่การพัฒนาเว็บแอปฯให้ผู้ใช้โทรศัพท์ทุกรุ่นสามารถเข้ามาติดตามข่าวสารได้ ก่อนที่จะมีการเปิดตัวแอปฯสำหรับสมาร์ทโฟนเวอร์ชันเต็มในปี 2554

ขณะที่ทางกองบรรณาธิการนิตยสาร Mars ก็ได้มีการออกดิจิตอลแมกกาซีนสำหรับอ่านฟรีบน iPad ในช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติวงการนิตยสารในประเทศไทย เนื่องจากเป็นดิจิตอลแมกกาซีน รายแรกในประเทศไทย ที่เปิดให้ดาวน์โหลดและอ่านฟรีบน iPad ทั้งยังมีรูปแบบการใช้งานที่ไม่เหมือนกับการเปิดอ่านนิตยสารทั่วไป
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ฟรีบริการเก็บสถิติเว็บไซด์ FlashSanook แฟลชเกมสนุกของคนออนไลน์