e-book Kindle 3 สินค้าขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ'อเมซอน'

e-book Kindle 3 สินค้าขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ'อเมซอน'
อเมซอน เผยว่ารายการสั่งซื้อ อีบุ๊กรีดเดอร์ รุ่น Kindle 3 พุ่งกระฉูด จนกลายเป็นสินค้าขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ของบริษัทไปแล้ว..สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ว่า "อเมซอน"  บริษัทผู้ให้บริการสั่งซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ ที่สุดของอเมริกา ขณะนี้มียอดจำหน่ายสินค้าประเภท อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สูงมาก ถึงขนาดเฉลี่ยวินาทีละ 158 ช้ิน โดยเป็นคำสั่งซื้อตรงจากลูกค้าทางบ้านทั่วทุกมุมโลก และแน่นอนว่าสินค้าที่ขายดีที่สุดก็หนีไม่พ้น Kindle 3 หรืออี-บุ๊ก หนังสืออิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่อเมซอนผลิตขึ้นเอง สามารถจุเนื้อหาของหนังสือได้หลายเล่ม จึงได้รับความนิยม ในหมู่นักอ่านรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก
ทางอเมซอน กล่าวว่า Kindle 3 นับเป็นสินค้าที่มียอดการสั่งซื้อสูงที่สุดในประวัติศาสตร์สินค้าของบริษัท ทว่าก็ไม่มีการเปิดเผยยอดตัวเลขจำหน่าย Kindle 3 ที่แท้จริงแต่อย่างใด แต่มีการประมาณการว่า อเมซอนน่าจะขาย Kindle 3ได้ไม่ตำ่กว่า 1 ล้านเครื่อง.
ที่มาข่าวไทยรัฐออนไลน์

HP Photosmart Premium Fax e-All-in-One มอบงานพิมพ์คุณภาพเหนือชั้น

HP Photosmart Premium Fax e-All-in-One มอบงานพิมพ์คุณภาพเหนือชั้น
เอชพีแนะนำเครื่องพิมพ์ HP Photosmart Premium Fax e-All-in-One มอบประสิทธิภาพการพิมพ์ สแกน สำเนาเอกสาร และแฟกซ์อย่างเหนือชั้น รองรับการพิมพ์ภาพและข้อมูลจากเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย สามารถเชื่อมต่อการทำงานเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ต ได้โดยตรง เพื่อมอบโซลูชั่นด้านการพิมพ์ที่ดีที่สุด ผ่านทางแอพพลิเคชั่นที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์เอกสารที่ใช้งานทั่วไป และรูปภาพคุณภาพ ระดับมืออาชีพได้ทุกเวลา และทุกสถานที่ในโลกด้วยโซลูชั่น HP ePrint

นอกจากนี้ เครื่องพิมพ์ HP Photosmart Premium Fax e-All-in-One ได้รับการออกแบบมาด้วยความใส่ใจในด้านสิ่งแวดล้อม และได้รับการรับรองมาตรฐาน ENERGY STAR® โดยช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าเครื่องพิมพ์รุ่นมาตรฐาน และช่วยลดขยะ ด้านบรรจุภัณฑ์ โดยบรรจุในถุงที่สามารถนำมาใช้ใหม่ได้

เครื่องพิมพ์ HP Photosmart Premium Fax e-All-in-One จัดจำหน่ายในราคา 9,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ HP Contact Center โทรศัพท์ 0-2353-9000 ต่อ 1
HP Photosmart Premium Fax e-All-in-One
ที่มา igadgety

"iPad" แชมป์ ของขวัญในฝันเด็กในอเมริกัน

"iPad" แชมป์ ของขวัญในฝันเด็กในอเมริกันแฟ้มภาพ iPad แท็บเล็ตยอดฮิตจากแอปเปิลซึ่งคาดว่าจะมีรุ่นที่ 2 ตามมาในเดือนเมษายน ปี 2011 ล่าสุดพบเด็กอเมริกันส่วนใหญ่กำลัง"อยากได่" iPad ในช่วงเทศกาลจับจ่ายปลายปี การสำรวจจากบริษัทวิจัยตลาดนีลสัน (Nielsen) พบว่าปีนี้ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เป็นของขวัญให้ตัวเอง ที่น่าสนใจคือไอแพด (iPad) แท็บเล็ตของแอปเปิลกลายเป็นของขวัญในฝันอันดับ 1 ของเด็กอเมริกันวัย 6 ถึง 12 ปี โดยภาพรวม ไอแพดคือสุดยอดของขวัญของกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 31% รองลงมาคือคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ และเครื่องเล่นเพลงไอพ็อด (iPod)

นอกจากนี้ การสำรวจจากบริษัทวิจัยเอ็นพีดี (NPD) ยังพบว่าในกลุ่มผู้ที่ครอบครองไอแพดอยู่แล้ว มีการใช้งานไอแพดเพิ่มขึ้นอีก โดยเพิ่มจาก 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มาเป็น 18 ชั่วโมง แถม 37% ระบุว่าใช้งานไอแพดระหว่างเดินทาง ท่ามกลางผู้ใช้ 21% ที่บอกว่าใช้ไอแพดในการทำงาน

***สินค้าไอทีขายกระฉูดปลายปี

นีลสันพบว่า ชาวอเมริกันอายุ 12 ปีขึ้นไปมีความสนใจดำเนินการอัปเกรดคอมพิวเตอร์ ชุดอุปกรณ์โทรทัศน์ และสมาร์ทโฟนให้ฉลาดขึ้นในช่วงปลายปี โดยเครื่องเล่นแผ่นบลูเรย์และเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ล้วนปรากฏในรายการของขวัญในดวงใจของชาวอเมริกันทั้งที่เป็นวัยรุ่นและวัยทำงาน

สำหรับไอแพด กลุ่มตัวอย่าง 18% ในกลุ่มที่มีอายุเกิน 13 ปี ระบุว่าสนใจจะซื้อไอแพดในปลายปีนี้ ขณะที่ 11% ระบุว่าจะซื้อไอแพดอย่างน้อยภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้แน่นอน

ผลการศึกษาทั้งหมดชี้ไปในทางเดียวกันว่า สินค้าไอทีจะสามารถจำหน่ายได้ถล่มทลายช่วงปลายปีนี้ โดยตัวเลขจากเอ็นพีดีพบว่า ยอดจำหน่ายสินค้าไอทีในสหรัฐฯช่วงปลายปีนี้จะคิดเป็นสัดส่วน 33% ของยอดจำหน่ายสินค้าเทคโนโลยีทั้งหมดตลอด 3 ปีที่ผ่านมา คาดว่าจะเพิ่มมูลค่าตลาดเฉลี่ยให้เป็น 48,000 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 4 นี้

***ไม่แค่ไอโฟน สมาร์ทโฟนอื่นยังขายได้

นีลสันพบว่า 19% ของชาวอเมริกันกำลังตัดสินใจซื้อสมาร์ทดฟนที่ไม่ใช่ไอโฟนภายในครึ่งปีแรกของปีหน้า น้อยกว่าตัวเลข 13% ที่ต้องการซื้อไอโฟน

สำหรับตลาดเกม นีลสันพบว่านินเทนโดวี (Nintendo Wii) นำโด่งในกลุ่มด้วยสัดส่วน 15% ตามมาด้วยเพลย์สเตชัน 3 (Sony PlayStation 3) 13% ต่อด้วยไมโครซอฟท์เอ็กซบ็อกซ์ (Xbox 360) ราว 9%
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Top 10 Gadget 2010 จาก Time


ผลการจัดอันดับของนิตยสารสำหรับ Gadget ในปีนี้ จะมีอะไรกันบ้างมาชมกันเลย ไล่กันไปตั้งแต่อันดับ 10 ก่อน

10.Nook Color
สำหรับ e-reader ต้องยกให้ Nook Color จาก Barnes & Noble

9.Kinect
สุดยอดเครื่องเล่นเกมส์แห่งปีจาก Microsoft ที่ได้รับความนิยมแซงหน้า Wii ไปแล้ว สำหรับเครื่องเกมส์แบบ Motion-Controlled

8.Toshiba Libretto Dual-Screen
โน้ตบุ๊กจอคู่ในฝันจากโตชิบา กับหน้าจอทัชสกรีนคู่ขนาด 7 นิ้ว พร้อมคีย์บอร์ดระบบสัมผัส ที่ผลิตขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี ของโตชิบา กับการเป็นผู้ผลิตโน้ตบุ๊กเครื่องแรกของโลก

7. Apple TV
ด้วย AppleTV ที่จะเปลี่ยนห้องนั่งเล่นและโทรทัศน์ของคุณให้กลายเป็นโรงภาพยนตร์ที่ฉายตาม ใจคุณ คุณสามารถที่จะซื้อหรือเช่าภาพยนตร์ผ่าน AppleTV ได้โดยตรง โดยไม่ต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงรายการ TV Show, เพลง และมิวสิควิดีโอ อีกมากมาย เพียงไม่กี่คลิ๊กด้วยรีโมตคอนโทรล

6. iPhone 4
โทรศัพท์มือถือที่หลายคนรอคอยจาก Apple สำหรับ iPhone 4 ทำยอดขายใน 3 วันแรกได้อย่างถล่มทลายถึง 1.7 ล้านเครื่อง ขาดตลาดกันเลยทีเดียว

5. Nexus One
Nexus One นับว่าเป็นมือถือเครื่องแรกและเครื่องเดียวที่ถูกออกแบบพิเศษโดย Google ที่ได้เพิ่มความได้เปรียบของแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ให้เหนือกว่าแอนดรอยด์โฟนตัว อื่น ๆ ซึ่ง Google เรียกเจ้าโทรศัพท์เครื่องนี้ว่า “Super Phone”

4. Google TV Via Logitech
สำหรับ Gadget ที่สามารถนำคุณไปสัมผัสกับ GoogleTV ได้ดีที่สุด คงต้องยกให้ Logitech Revue Box

3. MacBook Air 11″
ด้วยความบางเฉียบกว่าใคร และมีน้ำหนักที่น้อยประมาณ 1 กิโลกรัม รวมถึงยังมีประสิทธิภาพที่น่าจับตามอง ทำให้ Macbook Air รั้ง อันดับ 3 ในฐานะโน้ตบุ๊กที่ฮอตที่สุด

2. Samsung Galaxy S
สำหรับปี 2010 นั้น นับว่าเป็นปีของโทรศัพท์แอนดรอยด์อย่างแท้จริง โดยมีสมาร์ทโฟนกว่า 9 ล้านเครื่องที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์(รายงานจาก Canalys) และ Samsung Galaxy S ก็นับว่าเป็นแอนดรอยด์โฟนหมายเลขหนึ่งของปี 2010
1. iPadอันดับหนึ่งคงหนีไม่พ้น iPad ถึงแม้ว่า iPad จะไม่ใช่แท็บเล็ตเครื่องแรกของโลก แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถจำหน่ายได้ถึง 3 ล้านเครื่องในเดือนแรกที่ทำการวางจำหน่าย
ที่มา Notebook888 , Time

รวมแอปฯ BB รับเทศกาลแห่งความสุข

นับถอยหลังเข้าสู่เทศกาลแห่งความสุข ทั้งคริสมาสต์และปีใหม่ วันนี้ทีมงานไซเบอร์ บิซ ขอเอาใจสาวก บีบี ด้วยแอปพลิเคชันต้อนรับคริสต์มาสมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแอปฯ สำหรับชาชอป แอปฯ ถ่ายวิดีโอ และแอปฯ ที่ช่วยทำให้คุณหนูทั้งหลายรู้ว่าตอนนี้ซานต้าครอสอยู่ที่ไหน

Shoot it! แต่งการ์ดง่ายๆ ในวันคริสต์มาส
คริสต์มาส เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนมักส่งความสุขผ่านการ์ดอวยพรให้กับคนรู้จัก ลองหาวิธีที่แตกต่างในการส่งการ์ดคริสต์มาสแบบเดิมๆ ด้วยแอปพลิเคชันสำหรับถ่ายภาพที่สามารถใส่ข้อความส่วนตัวและส่งได้ทันที โดยแอปพลิเคชันนี้สามารถพิมพ์ออกมาเป็นแผ่น ติดแสตมป์ ส่งให้กับบุคคลที่ต้องการ เป็นการผสานเทคโนโลยีเข้ากันกับเทศกาลบนแอพพลิเคชันได้อย่างลงตัว

วิธีการใช้งาน
- ถ่ายรูปเพื่อนหรือสถานที่ ที่เราชื่นชอบ
- เลือกชื่อเพื่อนของเราจาก สมุดโทรศัพท์ในเครื่อง
- ทำโปสการ์ดส่วนตัวของคุณเองได้ง่าย เพียงแค่พิมพ์ข้อความที่คุณต้องการส่งถึงเพื่อน
- กดปุ่มทำการส่ง ได้ทันที่
- คุณสามารถสนุกด้วยการพิมพ์ออกมาเป็นโปสการ์ดหรือแสตมป์ ส่งความสุขได้อย่างงายดายในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่
Shoot it! สามารถใช้งานได้กับ แบล็กเบอร์รีทุกรุ่น สามารถดาวน์โหลดได้ ที่นี่ หรือค้นหาคำว่า Shoot it! ที่ BlackBerry App World โหลดฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย


MobiAmp ฟังเพลงสนุก ทุกเทศกาล

เทศกาลแห่งความสุขจะสมบูรณ์ไม่ได้หากไม่มีเพลงสนุกๆ สำหรับทุกคน ต้อนรับช่วงเวลาแห่งความสุขด้วยด้วยเพลงทุกเทศกาล ทั้ง ฮาโลวีน คริสต์มาส หรือแม้กระทั่งวันวาเลนไทน์ สามารถดาวน์โหลดและร่วมร้องเพลงแห่งความสุขเหล่านี้ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อน หรือครอบครัว ก็สามารถสนุกไปด้วยกัน

คุณสมบัติ
- รองรับไฟล์ MP3 และรองรับ SD การ์ด
- ตั้งเป็นเสียงเตือนนาฬิกาปลุก
- สามารถสร้างรายการเพลงโปรด ที่เล่นบ่อยได้ง่ายดาย
MobiAmp สามารถใช้งานได้กับแบล็กเบอร์รีทุกรุ่น สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่ หรือค้นหาคำว่า MobiAmp ใน BlackBerry App World ค่าใช้จ่ายในการดาวน์โหลดเพียง 2.99 เหรียญฯ

Christmas Fun Theme for BlackBerry แต่งธีมสวยง่ายๆให้แบล็กเบอร์รี

ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสด้วยการตกแต่งแบล็กเบอร์รีให้เป็นธีมคริสต์มาส ด้วยแอปพลิเคชัน Christmas Fun มาพร้อมกับ Top dock ไอคอนคริสต์มาสมากมาย

** หมายเหตุ **
การแสดงรูปแบบของธีม อาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความสามารถและรุ่น ของโทรศัพท์มือถือ
สามารถทดลองเปลี่ยนธีมให้กับเจ้าแบล็กเบอร์รีได้ทันที่เมื่อดาว์โหลด โดยคลิกที่ตัวเลือกแล้ว เลือกธีม

Christmas Fun Theme for BlackBerry สามารถใช้งานได้กับ แบล็กเบอร์รีเฟิร์มแวร์ 4.2.0 ขึ้นไป สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ที่นี่หรือค้นหาคำว่าที่ Christmas Fun Theme for BlackBerry ได้ใน BlackBerry App World ค่าใช่จ่ายในการดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน 5.99 เหรียญฯ
Santa Tracker ตามหาซานต้าบน แบล็กเบอร์รี

เอาใจคุณหนูๆ ด้วยแอปพลิเคชันตามหาซานต้า โดยทุกคนสามารถนับถอยหลังกับช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง ด้วย Santa Tracker ซึ่งจะบอกว่าซานต้าอยู่ที่ไหนด้วยระบบ GPS และระบุให้มาอยู่ใกล้ๆ บ้านเหมือนเป็นการเชื้อเชิญในช่วงคริสต์มาส โดยเด็กๆ สามารถส่งจดหมายถึงซานต้า และพ่อแม่สามารถเลือกข้อความที่พวกเขาได้รับจากซานต้า โดยจะต้องเปิดระบบการทำงาน GPS บนแบล็กเบอร์รีเพื่อใช้สำหรับการค้นหาที่ระบุไว้

คุณสมบัติ
- เลือกส่งจดหมายไปถึงซานต้าได้
- สามารถเรียกดูจดหมายเก่าที่เคยส่งไปถึงซานต้า
- กำหนดข้อความที่เราต้องการส่งถึงซานต้าได้
- สามารถติดตามความเลื่อนไหวของซานต้าได้ตลอดทั้งปี
- ใช้ GPS ในการระบุตำแหน่งของซานต้าว่าอยู่ที่ไหน เพื่อทำให้ติดตามซานต้าได้เร็วขึ้น
- สามารถกำหนดช่วงเวลานอนของเด็กๆเพื่อให้ซานต้า บินมาส่งของขวัญในยามค่ำคืน

Santa Tracker สามารถใช้งานได้กับ แบล็กเบอร์รีที่ใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชัน 5.0.0 ขึ้นไป สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ที่นี่หรือ ค้นหาคำว่า Santa Tracker ได้ใน BlackBerry App World ค่าใช่จ่ายในการดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน 1.99 เหรียญฯ

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

โซนี่เปรย "PSP2" มีฟังก์ชั่นระบบสัมผัส

"คาซ ฮิไร" ให้สัมภาษณ์สื่อพูดเปรยถึงฟังก์ชั่นระบบสัมผัสที่จะมีในเครื่อง PSP รุ่นต่อไป พร้อมแสดงความมั่นใจเครื่องเพลย์สเตชั่น 3 ทำยอดขายทั่วโลกได้ 15 ล้านเครื่องก่อนสิ้นเดือนมีนาคมปีหน้า

ก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาว่าโซนี่อยู่ระหว่างซุ่มพัฒนาเกมเครื่องเกมพกพา "PSP2" เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมามีข้อมูลระบุว่าเจ้าเครื่อง PSP2 จะมี "ทัชแพดระบบสัมผัส" ที่ด้านหลังเครื่อง จนเมื่อเดือนที่ผ่านมาข้อมูลดังกล่าวก็ได้รับการยืนยันผ่านภาพของชุดพัฒนา PSP2 ล่าสุด "คาซ ฮิไร"ประธานและซีอีโอของโซนี่ คอมพิวเตอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ ให้สัมภาษณ์ผ่านนิวยอร์กไทม์ พูดเป็นนัยบอกใบ้ว่าเครื่องเกม PSP รุ่นต่อไปจะมีฟังก์ชั่นระบบสัมผัส

สำนักข่าวนิวยอร์กไทม์ ถามว่าเครื่องเกม PSP ตัวต่อไปจะมีการบังคับอย่างไร "คาซ" ตอบว่า "ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของเกมนั้นๆ บางเกมสามารถเล่นได้อย่างดีเมื่อใช้การบังคับระบบสัมผัส ในทางกลับกันบางเกมที่ค่อนข้างจริงจังการบังคับแบบใช้ปุ่มกดก็น่าจะดีกว่า ผมคิดว่ามันจะดีถ้าสามารถบังคับควบคุมเกมได้ทั้งระบบสัมผัสและการใช้ปุ่มกดแบบดั้งเดิม"

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับข้อมูลคลิปวิดีโอโชว์โทรศัพท์มือถือของโซนี่อิริคสัน ที่มีรูปร่างคล้าย PSP go ว่าเป็นโทรศัพท์มือถือแบรนด์เพลย์สเตชั่นหรือไม่ "คาซ" ได้ตอบโดยที่ไม่ยืนยันว่ามีการพัฒนาเพลย์สเตชั่นโฟน "เราไม่ต้องการให้เกมเมอร์มาตั้งคำถามว่าโทรศัพท์มือถือกับเครื่อง PSP มีอะไรที่แตกต่างกัน เราคิดเพียงอย่างเดียวว่าโปรดักส์สินค้าที่ออกมาจะต้องคงความแข็งแกร่งของแบรนด์เพลย์สเตชั่นไว้ได้
"คาซ" แสดงความมั่นใจว่าเกมแนวแคชวลที่มีผู้เล่นให้ความสนใจมากขึ้นเป็นประโยชน์ต่อโซนี่ที่เติบโตมาจากการทำฮาร์ดคอร์เกม "เราได้เห็นผู้ที่ไม่เคยเล่นเกม สนใจและเข้ามาเป็นพลเมืองเกมเมอร์ ซึ่งนั่นหมายความว่าส่วนแบ่งในตลาดเกมจะโตขึ้น"

ด้านผลประกอบของโซนี่ระหว่างเดือนกรกฏาคมถึงกันยายน มีกำไรถึง 372 ล้านเหรียญสหรัฐ ตัวเลขดังกล่าวมาจากการเติบโตขึ้นของเครื่องเพลย์สเตชั่น 3 ที่ทำยอดขายในช่วงดังกล่าวได้ 3.5 ล้านเครื่อง ส่งผลให้ในช่วงนั้นโซนี่ตั้งเป้าว่าจะทำยอดขายเครื่องเพลย์สเตชั่น 3 ให้ได้ถึง 15 ล้านเครื่องเมื่อสิ้นสุดเดือนมีนาคม ปี 2011

เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเทศกาลช้อปปิ้งประจำปี เครื่องเพลย์สเตชั่น 3 ทำผลงานได้ไม่ดีนัก ทำยอดขายในเดือนดังกล่าวได้เพียง 530,000 เครื่องตามหลังคู่แข่งอย่างเครื่อง Xbox360 ที่ทำยอดขายได้ 1.37 ล้านเครื่อง อย่างไรก็ตามการรายงานข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์อ้างอิงคำพูดของ "คาซ" ระบุว่าโซนี่ยังคงมั่นใจว่าเมื่อถึงสิ้นเดือนมีนาคมปีหน้า จะทำยอดขายเครื่อง PS3 ได้ถึง 15 ล้านเครื่อง โดยปัจจุบันมียอดขายรวมทั้งสิ้น 13 ล้านเครื่อง
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

สาวก'บีบี'ขยายจำนวน ยอดผู้ใช้ทั่วโลกพุ่ง 55 ล้านราย


ริม แถลงไตรมาส 3 แบล็คเบอร์รี่ยังฮอต ยอดขายกระฉูด 14.2 ล้านเครื่อง คาดไตรมาส 4 ยังฉลุย แจงปรับทัพโครงสร้างผู้บริหาร เพิ่มศักยภาพ...

เมื่อเร็วๆ นี้  รีเสิร์ช อิน โมชั่น หรือ ริม (Research In Motion-RIM) ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 (ก.ย.-พ.ย. 2553) ซึ่งริมสามารถจำหน่ายแบล็กเบอร์รี่ได้ถึง 14.2 ล้านเครื่อง เติบโตขึ้น 40% คิดเป็นมูลค่า 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยในไตรมาสดังกล่าวมียอดผู้สมัครใช้บริการแบล็กเบอร์รี่รายใหม่ 5.1 ล้านราย ส่งผลให้จำนวนผู้สมัครใช้บริการแบล็กเบอร์รี่ทั่วโลกมีจำนวน 55 ล้านราย

นายจิม บัลซิลลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท รีเสิร์ช อิน โมชั่น เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยินดีกับความสำเร็จของผลประกอบการในไตรมาสนี้ จากการเติบโตของยอดจำหน่าย จำนวนผู้ใช้บริการแบล็กเบอร์รี่ และผลกำไรที่เพิ่มขึ้น ด้วยความหลากหลายของการพัฒนาแบล็กเบอร์รี่ ซึ่งกระตุ้นตลาดทั่วโลก ด้วยผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมและการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนกระแสตอบรับจากคู่ค้าและกลุ่มลูกค้า เกี่ยวกับแผนเปิดตัวสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ซอฟต์แวร์ รวมถึงบริการใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า

สำหรับการคาดการณ์ในไตรมาสที่ 4 เชื่อว่าบริษัทฯ จะมีรายได้อยู่ที่ 5.5-5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีกำไรใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 3 นอกจากนี้ คณะกรรมการบริหารยังได้แต่งตั้ง นายจิม บัลซิลลี และนายไมค์ ลาซาริดิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม เป็นประธานคณะกรรมการบริหารร่วม โดยนายจอห์น ริชาร์ดสัน ยังคงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอิสระของริม และยังคงทำหน้าที่ในฐานะคณะกรรมการบริหารอิสระ เชื่อว่าการแต่งตั้งดังกล่าวควบคู่กับการทำงานของ นายริชาร์ดสัน จะทำให้โครงสร้างผู้บริหารของริมมีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน ริมยังประกาศเรื่องการลาออกของ นายจิม เอสทิล ในตำแหน่งผู้อำนวยการของริม และได้กล่าวขอบคุณที่นายเอสทิล ทุ่มเทการทำงานให้กับคณะกรรมการบริหารมาตลอด 13 ปีเต็ม.


ที่มาข่าวไทยรัฐออนไลน์

เร่งเครื่องวินโดวส์โฟน 7 WindowsPhone7

ขวา - สตีฟ บอลเมอร์ ซีอีโอ ไมโครซอฟท์
เร่งเครื่องวินโดวส์โฟน 7 WindowsPhone7
ไมโครซอฟท์เร่งเครื่อง วินโดวส์โฟน 7 รับตลาดสมาร์ทโฟนโตปีหน้า หลังเปิดตัววางจำหน่ายมา 3 เดือนยอดแอปฯ เพิ่มขึ้นเกือบแตะหลัก 5,000 แอปฯ ซุ่มพัฒนาระบบเตรียมติดเทอร์โบกลางปีหน้า ดึงบริษัทภาพยนตร์เปิดขายวิดีโอบนมาร์เก็ตเพลส มั่นใจการพัฒนาทุกด้านพร้อมกันจะช่วยให้วินโดวส์โฟน 7 สามารถแข่งขันกับนานาแพลตฟอร์มโทรศัพท์มือถือได้ดียิ่งขึ้นในปีกระต่ายทอง

ยอดแอปฯ 3 เดือน เกือบ 5 พัน

รายงานตัวเลขล่าสุดของจำนวนแอปพลิเคชันบนวินโดวส์โฟน 7 พบว่ามียอดทะลุ 5,000 แอปฯ ภายใน 3 เดือน หลังมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยวันละ 107 แอปฯ

อัตราส่วนระหว่างแอปฯเสียเงิน และแอปฯฟรี อยู่ที่ 72% ต่อ 28% ราคาเฉลี่ยของแอปฯ ทั้งหมดอยู่ที่ 1.42 เหรียญฯ ซึ่งเกินครึ่งหนึ่งเป็นแอปฯในราคา 0.99 เหรียญฯ

โดยประเภทของแอปฯที่มีมากที่สุดคือเกม 22% รองลงมาคือ เครื่องมือจัดการต่างๆ 15% ตามด้วยแอปฯในหมวดบันเทิง 11% ขณะที่แอปฯสำหรับการจัดการภาพ เนวิเกเตอร์ และธุรกิจ กินสัดส่วนประเภทละ 2% เท่านั้น

เตรียมอัปเดตชุดใหญ่กลางปีหน้า

ขณะเดียวกัน zdnet.com เว็บไซต์เทคโนโลยีชื่อดัง ออกมาระบุว่า ทางไมโครซอฟท์เตรียมตัวอัปเดตวินโดวส์โฟน 7 ยกใหญ่ในช่วงเดือน สิงหาคม หรือ กันยายน ปีหน้า

ซึ่งมีการระบุชื่อโค้ดเนมว่า "Mango" ในชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า วินโดวส์โฟน 7.5 ที่จะมีการอัปเดตให้ตัวเว็บเบราว์เซอร์รองรับการใช้งาน เทคโนโลยี ซิลเวอร์ไลท์ (Silverlight) และ HTML5 รวมกับการพัฒนาให้ตัวเครื่องรองรับภาษาในโซนเอเชีย ขณะที่การอัปเดตเป็น วินโดวส์ โฟน 8 โค้ดเนม "Apollo" น่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2012

ก่อนหน้านี้ สตีฟ บอลเมอร์ ซีอีโอ ไมโครซอฟท์เคยออกมาระบุว่าจะมีการอัปเดตระบบในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่จะมีการจัดงาน MWC (Mobile World Congress) ซึ่งยังไม่มีรายละเอียดออกมาอย่างเป็นทางการในขณะนี้

พาราเมาท์ โดดขายหนัง

พาราเมาท์ ดิจิตอล เอนเตอร์เทนเมนต์ กระโดดร่วมวงวางจำหน่ายมูฟวี่แอปฯ บนวินโดวส์โฟน มาร์เก็ตเพลส หวังดึงกลุ่มผู้ใช้ที่ชื่นชอบรับชมภาพยนตร์บนโทรศัพท์

โดยแอปฯดังกล่าวใช้เทคโนโลยี Silverlight ในการแสดงผลภาพยนตร์แบบเต็มเรื่อง รวมถึงสมารถเข้าเมนู เลือกรับชมส่วนเสริมได้อีก ซึ่งถือเป็นจุดเด่นสำคัญที่ไม่สามารถใช้บนแพลตฟอร์มอื่นได้

เบื้องต้นทางพาราเมาท์ฯ ได้ฤกษ์เปิดตัวภาพยนตร์ School Of Rock ฉบับมือถือในสหรัฐฯและแคนาดาเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะสามารถผ่านการพิจารณาและเปิดให้ดาวน์โหลดบนวินโดวส์โฟน มาร์เก็ตเพลสภายในสิ้นปีนี้

ซิงค์ Outlook ได้แล้ว

หลังจากเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้วินโดวส์โฟน 7 ไม่สามารถเชื่อมต่อกับโปรแกรมจัดการอีเมลได้ ล่าสุดไมโครซอฟท์ได้ออกชุดคำสั่งเสริม เพื่อให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดไปติดตั้ง ให้สามารถใช้งาน Outlook ร่วมกับวินโดวส์โฟน 7 ได้แล้ว

ซึ่งการใช้งานในเบื้องต้น สามารถใช้ได้กับอีเมล์ของทางไมโครซอฟท์อย่าง Hotmail และ Windowslive แต่ยังไม่สามารถนำมาใช้กับอีเมลองค์กรได้ คาดว่าทางไมโครซอฟท์จะทำการพัฒนาในจุดนี้ต่อไป
ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ดีแทคประกาศขาย ‘ทอร์ช 9800′ ล่อใจสาวกบีบีรับปีใหม่

ดีแทค ประกาศจำหน่าย ‘บีบี ทอร์ช 9800′ โดดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัส แผงปุ่มกดแบบสไลด์ ระบบปฏิบัติการแบล็คเบอร์รี่ 6 และแพ็คเกจเสริมรองรับไลฟ์สไตล์ต่างๆ อีก 4 รูปแบบ พร้อมเปิดตัวไมโครซิมสำหรับใช้กับไอแพด…

บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ประกาศจำหน่ายแบล็คเบอร์รี่ ทอร์ช 9800 ที่มาพร้อมหน้าจอระบบสัมผัส แผงปุ่มกดแบบสไลด์ และระบบปฏิบัติการแบล็คเบอร์รี่ 6 ที่มาพร้อมแพ็คเกจเสริมเพื่อการใช้งาน 4 รูปแบบ ได้แก่ 1.BlackBerry Internet UNLIMIT 790 บาท/เดือนสำหรับซิมดีแทคแบบรายเดือน และ 790 บาท/30 วันสำหรับซิมแฮปปี้แบบเติมเงิน ครอบคลุมทุกการใช้งาน อาทิ แชท รับ-ส่งอีเมล โซเชียลเน็ตเวิร์ก และใช้งานดีแทคอินเตอร์เน็ตได้ไม่จำกัด 2.BlackBerry Life 350 บาท/เดือนสำหรับผู้ใช้ซิมดีแทคแบบรายเดือน และ 350 บาท/30 วัน สำหรับซิมแฮปปี้ ครอบคลุมแชท รับ-ส่งอีเมล โซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยจะคิดค่าดีแทคอินเตอร์เน็ตตามแพ็คเกจหลักที่เลือกไว้ 3.BlackBerry BeMail ที่เน้นการแชทและรับ-ส่งอีเมล์ ค่าบริการ 299 บาท/เดือนสำหรับผู้ใช้ซิมดีแทคแบบรายเดือน และ 299 บาท/30 วัน สำหรับซิมแฮปปี้ และ 4.BlackBerry BeSocial เน้นการแชทและการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์ก ค่าบริการ 299 บาท/เดือนสำหรับผู้ใช้ซิมดีแทคแบบรายเดือน และ 299 บาท/30 วัน สำหรับซิมแฮปปี้

ผู้สนใจสามารถซื้อแบล็คเบอร์รี่ ทอร์ช 9800 จากดีแทคได้ที่ร้านค้าที่ร่วมรายการกว่า 380 แห่ง ทั้งสำนักงานบริการดีแทค ดีแทคเซ็นเตอร์ ร้านทีจีโฟน เจมาร์ท ไอ-โมบาย บลิสเทล และ ไออีซี ช็อปที่ร่วมรายการ หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dtac.co.th ในราคา 21,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมโปรโมชันผ่อน 0% นาน 10 เดือน ผ่านบัตรเครดิตชั้นนำ

นอกจากนี้ ดีแทคยังเปิดตัวไมโครซิมสำหรับใช้งานกับไอแพดโดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มความสะดวกและความสบายแก่ลูกค้า โดยนายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ดีแทค กล่าวว่า ไมโครซิมสำหรับไอแพดทำให้ลูกค้าได้นำเครื่องติดตัวไปใช้งานในที่ต่างๆ และใช้งานโมบายอินเทอร์เน็ตบนเครือข่ายของดีแทคที่เร็วกว่า ดีกว่า และครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีแคมเปญส่งเสริมการขายไมโครซิมร่วมกับ iStudio ผู้จัดจำหน่ายไมโครซิมสำหรับไอแพดเพียงรายเดียวของดีแทค โดยแถมฟรีดีแทคอินเทอร์เน็ต 3GB และแฮปปี้อินเตอร์เน็ต 5,000 นาที สำหรับการใช้งานในเดือนแรก

ไมโครซิมสำหรับไอแพดจากดีแทควางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ iStudio และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายของ Apple ที่ร่วมรายการ โดยแบบรายเดือน ราคา 499 บาท แถมฟรีชั่วโมง dtac internet 3GB ในเดือนแรก เดือนต่อไปค่าบริการเดือนละ 650 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ใช้ได้ 3GB ส่วนเกินคิดอัตราพิเศษ 1 บาท/MB สำหรับแบบเติมเงิน ราคา 499 บาท แถมฟรี Happy internet 5,000 นาที ใช้ได้นาน 100 วัน เดือนต่อไปค่าบริการ Happy internet นาทีละ 25 สตางต์ (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) รับวันเพิ่มอีก 100 วัน ทุกครั้งที่เติมเงิน
ดีแทคประกาศขาย ‘ทอร์ช 9800′ ล่อใจสาวกบีบีรับปีใหม่
ที่มา Thairath

LG Optimus 2X สมาร์ทโฟน”ดูอัลคอร์”

LG Optimus 2X (เดิมชื่อ LG Star) สมาร์ทโฟนที่ผู้บริโภคหลายคนให้ความสนใจ โดยเฉพาะสเป็กที่แรงจนล้นเหลือด้วยการเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ขุมพลังโพ รเซสเซอร์ดูอัลคอร์ Tegra 2 ทำงานที่ความเร็ว 1GHz ผู้ใช้สามารถเล่นวิดีโอฟูลไฮเดฟฯ 1080p โดยต่อเชื่อมทางพอร์ต HDMI และบันทึกวิดีโอไฮเดฟฯ ด้วยกล้อง 8 ล้านพิกเซล ในขณะที่ด้านหน้ามีกล้อง 1.3 ล้านพิกเซล เพื่อใช้บริการวิดีโอคอลล์ได้อีกด้วย LG Optimus 2X มาพร้อมกับหน้าจอ WVGA ขนาด 4 นิ้ว สตอเรจภายในเครื่อง 8GB (เพิ่มการ์ดหน่วยความจำ microSD ได้สูงสุด 32GB) แบตเตอรี่ 1,500mAh ซึ่งไม่ได้ใหญ่ไปกว่าแบตเตอรี่มือถือโพรเซสเซอร์คอร์เดียวที่ใช้ในปัจจุบัน น่าเสียดายที่มันยังทำงานด้วย Android 2.2 แต่ทางบริษัทสัญญาว่าจะอัพเดต Gingerbread ตามมาในภายหลัง LG Optimus 2X เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้โพรเซส 2 แกน โดยจะวางตลาดในเกาหลีเดือนหน้า ตามด้วยตลาดในฝั่งยุโรป แล้วจึงค่อยประเทศในแถบเอเซีย
LG Optimus 2X สมาร์ทโฟน”ดูอัลคอร์”
ที่มา Arip

โปรเจคเตอร์ ขนาดเท่ามือถือ Pico C20 พกติดตัวได้ทุกที่

บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด ส่งเพื่อนคู่ใจชิ้นใหม่ LED Pico Projector C20 สุดยอดโปรเจคเตอร์ขนาดกระทัดรัดเท่าโทรศัพท์มือถือ น้ำหนักเบาเป็นพิเศษเพียง 166 กรัม ให้คุณพกติดตัวไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกงของคุณ และสะดวกสบายเหนือใครด้วยการนำเสนอภาพ และมัลติมีเดียต่างๆ ได้ทุกที่ โดยไม่ต้องเชื่อมต่อผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่เพียงเชื่อมต่อผ่าน Multimedia USB หรือ microSD reader พร้อมด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่สมบูรณ์แบบ Digital Connectivity – HDMI เพื่อรับชมความบันเทิงมัลติมีเดียความละเอียดสูงความสามารถพร้อมสรรพกับ ประสิทธิภาพสูงสุดและคุณภาพสีคมชัดเสมือนจริง ในระดับ WVGA (854×480) และรองรับสูงสุดที่ระดับ WXGA (1,280×800) ความคมชัด Contrast Ratio 2000:1 ความสว่าง (Brightness) 20 ANSI Lumens อายุการใช้งานหลอดภาพยาวนาน 20,000 ชั่วโมง พร้อม Internal Memory 50MB และลำโพงในตัว ช่วยให้รองรับการนำเสนอของคุณอย่าไร้ขีดจำกัด โดยวางจำหน่ายในราคา 13,900 บาท
ที่มา http://www.igadgety.com/?p=7695

G-Net G613 มือถือฝาพับ ดีไซน์ทันสมัย

G-Net G613 2Sim Flip Phone โทรศัพท์มือถือฝาผับ สีสันโดนใจ (ม่วง, ชมพู, ส้ม) ดีไซน์โค้งมน จับถนัดมือ ครบครันฟังก์ชั่นการใช้งาน รองรับระบบ 2 ซิม (2 ซิม ต้องจีเนท), กล้องถ่ายรูป Digital Camera (หน้า/หลัง), ถ่ายวิดีโอ เก็บทุกความประทับใจ, ฟัง MP3 ฟังวิทยุ FM ได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมบันทึกรายการวิทยุในช่วงดีเจคนโปรดเก็บไว้ฟังได้ทุกเมื่อ เพิ่มลูกเล่นกับเสียงพิเศษ เปลี่ยนเสียงขณะสนทนา มีจีเนทเครื่องเดียวก็ทำให้ชีวิตไม่ต้องยุ่งยาก หาซื้อเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ จีเนท ครบครัน คุ้มค่า
คุณสมบัติ G-Net G613

เครือข่าย GSM 900/1800 MHz
รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (2 SIM Real Time)
จอแสดงผล TFT 260K สี - 176 x 220 พิกเซล กว้าง 2 นิ้ว
หน่วยความจำในตัว 27 Kb
- การ์ดหน่วยความจำภายนอก MicroSD สูงสุด 2 GB
เสียงเรียกเข้า Polyphonic, MP3
การเชื่อมต่อ Bluetooth
รับ-ส่งข้อความ SMS
เครื่องเล่น 3GP / MP3
วิทยุ FM
ปฏิทิน, รายการที่ต้องทำ, นาฬิกาปลุก, เครื่องคิดเลข, บันทึกเสียง, อ่านไฟล์เอกสาร .txt
แฮนด์ฟรีในตัว (Build-in Handsfree)
ขนาดตัวเครื่อง 96 x 50 x 16 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 82.6 กรัม
แบตเตอรี่ Li-on 800 mAh
- เปิดรอรับสาย 120 ชั่วโมง
G-Net G613 มือถือฝาพับ ดีไซน์ทันสมัย
ที่มา siamphone

ลือ! โตชิบ้าสร้างโรงงานผลิตหน้าจอให้ไอโฟน

หนังสือพิมพ์นิกเกอิ ประเทศญี่ปุ่น รายงานว่าโตชิบ้า เตรียมทุ่มงบกว่า 1แสนล้านเยน หรือประมาณ 1,119 ล้านเหรียญสหรัฐฯเพื่อสร้างโรงงานผลิตหน้าจอแอลซีดีขนาดเล็ก โดยจะเน้นผลิตหน้าจอแสดงผลให้กับบริษัทแอปเปิลเพื่อใช้บนไอโฟนเป็นหลัก

บริษัท โตชิบ้า โมบายล์ ดิสเพลย์ นั้นเป็นบริษัทลูกของโตชิบ้า คอร์เปอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกำลังสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่เมืองอิชิกาวา บนชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น เพื่อใช้ผลิตหน้าจอแอลซีดีโพลีซิลิกอนอุณหภูมิต่ำให้กับอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ของโตชิบ้าเอง

ด้านโฆษกจากโตชิบ้าได้ออกมาปฏิเสธว่า ข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องบริษัทยังไม่เคยให้สัมภาษณ์ว่าโรงงานแห่งใหม่นี้สร้างขึ้นมาผลิตหน้าจอให้กับไอโฟนของแอปเปิล

สำหรับโรงงานแห่งใหม่นี้จะเปิดทำการในช่วงต้นปี 2554 และเริ่มผลิตสินค้าในไตรมาสที่ 3 ของปีเดียวกัน โดยจะสามารถผลิตหน้าจอแอลซีดีได้ 8.55 ล้านยูนิตต่อวัน ซึ่งมากกว่าคู่แข่งที่ทำอยู่ในขณะนี้

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

iPad-Android ถูก "ทวีต" บ่อยสุดปี 2010

**จัสติน บีเบอร์ หนุ่มน้อยวัย 15 ปี นักร้องชื่อดังจากแคนาดาถูกทวีตมากเป็นอันดับ 8**


iPad อุปกรณ์ยอดฮิตของแอปเปิลและระบบปฏิบัติการ Android ของกูเกิล เป็น 2 ใน 10 ประเด็นร้อนที่ถูก"ทวีต" ผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์บ่อยที่สุดในปี 2010 ร่วมด้วยคำว่า BP Oil Spill จากเหตุการณ์น้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโก, คำว่า Haiti Earthquake หรือภัยพิบัติแผ่นดินไหวในประเทศเฮติ, คำว่า World Cup หรือมหกรรมฟุตบอลโลก 2010 และจัสติน บีเบอร์ นักร้องหน้าใหม่วัย 15 ปีจากแคนาดาคือประเด็นที่ถูกชาวทวิตเตอร์ส่งข้อความไปมาบ่อยที่สุดในข้อความทวีตที่มีจำนวนมากกว่า 25,000 ล้านข้อความตลอดปี

ทวิตเตอร์ (Twitter) บริการรับส่งข้อความสั้นออนไลน์ยอดนิยมประกาศผล Top 10 Twitter Trends for 2010 เพื่อบอกให้สาธารณะชนรู้ว่าประเด็นใดที่มีการส่งต่อข้อความบนระบบทวิตเตอร์บ่อยที่สุดในปี 2010 โดยการจำแนกจากข้อความทวีตมากกว่า 25,000 ล้านข้อความ พบว่าชาวทวิตเตอร์ทั่วโลกทำการส่งต่อความคืบหน้าสถานการณ์แท่นขุดเจาะน้ำมันขนาดยักษ์ของบริษัท BP ที่ระเบิดในอ่าวเม็กซิโก แล้วทำให้มีน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินใต้มหาสมุทรมากที่สุด มีการรายงานสถานการณ์การกระจายตัวของน้ำมันสู่อ่าวเม็กซิโกในปริมาณมหาศาลมากถึง 95,000 แกลลอนต่อวัน ความพยายามที่ล้มเหลวอย่างต่อเนื่องในการกู้สถานการณ์ของ BP และความสูญเสียทั้งชีวิต ทรัยพ์สิน และสิ่งแวดล้อม

อันดับ 2 คือฟุตบอลโลก 2010 อันดับ 3 คือภาพยนตร์เรื่อง Inception ชื่อภาษาไทยคือ"จิตพิฆาตโลก" นำแสดงโดย ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ผลงานการกำกับของคริสโตเฟอร์ โนแลน

ประเด็นร้อนอันดับ 4 ที่ถูกทวีตมากที่สุดในปีนี้คือภัยพิบัติแผ่นดินไหวในประเทศเฮติ ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตของผู้ประสบภัยมากกว่า 230,000 คนทั่วโลก อันดับที่ 5 คือ วูวูเซเล่า เครื่องเป่าเสียงดังที่ใช้ในการเชียร์ฟุตบอลโลก จนเป็นประเด็นเรื่องการทำลายสมาธินักเตะไม่มีชิ้นดี

iPad ของแอปเปิลและ Android ของกูเกิลคือ 2 อุปกรณ์ไอทีที่ติดอันดับประเด็นร้อนของชาวทวิตเตอร์ในปีนี้ โดย iPad ครองตำแหน่งอันดับ 6 นำหน้า Android ระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ของกูเกิลที่ครองอันดับ 7 ไปได้

ประเด็นร้อนอันดับ 8 คือจัสติน บีเบอร์ นักร้องหน้าใหม่วัย 15 ปี จากแคนาดา อันดับที่ 9 คือภาพยนต์แฮร์รี่พอตเตอร์ เดอะเดธลี่ฮอลโลวส์ หรือแฮร์รี่พอตเตอร์และเครื่องรางยมทูต

สำหรับอันดับที่ 10 คือปลาหมึกพอล หมึกพ่อหมอที่ทายผลฟุตบอลโลกอย่างแม่นยำ

ทวิตเตอร์นั้นเป็นดาวรุ่งในวงการอินเทอร์เน็ตนับตั้งแต่เริ่มให้บริการเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ในฐานะบริการที่เปิดให้ชาวเน็ตสามารถแบ่งปันความคิด สถานการณ์รอบตัว และกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ได้เป็นข้อความไม่เกิน 140 ตัวอักษรผ่านเ้ว็บไซต์ www.twitter.com ปัจจุบันทวิตเตอร์กลายเป็นบริษัทที่ถูกประเมินมูลค่าตลาดไว้สูงถึง 1,000-2,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดของทวิตเตอร์เติบโตอย่างรวดเร็วจนมีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 175 ล้านคน ซึ่งโพสต์ข้อความอัปเดตความเป็นไปของตัวเองวันละมากกว่า 90 ล้านข้อความต่อวัน

ที่ผ่านมา ทวิตเตอร์กลายเป็นช่องทางเยี่ยมยอดสำหรับการติดต่อสื่อสารบนโลกออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีการใช้ทวิตเตอร์ในการกระจายข่าวความเคลื่อนไหวของภารกิจอวกาศในความรับผิดชอบของนาซ่า ตลอดจนนำทวิตเตอร์ไปอัปเดตข่าวความเคลื่อนไหวในงานประชุมหรือมหกรรมใหญ่ๆ ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่าผู้ก่อการร้ายใช้บล็อกสั้นเป็นเครื่องมือประสานงานการก่อการร้ายด้วย

สำหรับการจัดอันดับที่เกิดขึ้น ทวิตเตอร์ระบุว่ามีการใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์เพื่อประมวลผลค้นหาทิศทางร้อนแรงที่เป็นกระแสในสังคมโลก ทั้งในเชิงข่าว เหตุการณ์ บุคคลผู้มีชื่อเสียง ภาพยนตร์ ทีวี เทคโนโลยี กีฬา

เฉพาะเรื่องเทคโนโลยี ทวิตเตอร์พบว่าประเด็นร้อนที่ชาวทวิตเตอร์ส่งต่อข้อความมากที่สุดเป็นสินค้าในเครือแอปเปิลมากถึง 4 อันดับ คือแท็บเล็ต Apple iPad (อันดับที่ 1) ระบบปฏิบัติการ iOS (อันดับที่ 3) สมาร์ทโฟน iPhone (อันดับที่ 4) และคอมพิวเตอร์พกพา MacBook Air (อันดับที่ 9) ขณะที่กูเกิลกินส่วนแบ่งไป 2 อันดับคือระบบปฏิบัติกฉาร Google Android (อันดับ 2) และบริการ Google Instant (อันดับที่ 10)

ทั้งหมดนี้ ทวิตเตอร์รวบรวมไว้ในเพจ http://yearinreview.twitter.com/ ซึ่งนอกจากข้อมูลทิศทางประเด็นกระแสสังคมออนไลน์ ยังมีข้อมูลคนดังหน้าใหม่ที่เพิ่มร่วมเล่นทวิตเตอร์ในปีนี้ โดยทวิตเตอร์ให้ข้อมูลว่าเฉพาะปี 2010 ทวิตเตอร์มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นมากกว่า 100 ล้านคน คาดว่าทวิตเตอร์จะเปิดเผยสถิติประจำปีเพิ่มเติมอีกในเดือนนี้
ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Nokia C3-01 มือถือจอสัมผัสในรูปทรงบาร์ไทป์

โนเกียเปิดตัวโทรศัพท์มือถือ Nokia C3 Touch and Type หรือในรหัส Nokia C3-01 ออกแบบมาในรูปทรงบาร์ไทป์ แต่ใช้จอแสดงผลระบบสัมผัส ตามรอย Nokia X3 Touch and Type ที่เปิดตัวไปในเดือนที่แล้ว Nokia C3-01 สวยงามด้วยวัสดุ Stainless steel รองรับเครือข่าย 3G, Wi-Fi, รูปแบบการใช้งาน Series 40, กล้องถ่ายรูป 5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช, เครื่องเล่นเพลง, วิทยุ FM และ สนับสนุนการ์ดหน่วยความจำ microSD สูงสุด 32 GB วางจำหน่ายไตรมาสที่ 4 ปี 2010 ราคาประมาณ 5,815 บาท (145 ยูโร)
Nokia C3-01 มือถือจอสัมผัสในรูปทรงบาร์ไทป์
ที่มา siamphone

Samsung Gloria แท็บเล็ต Windows 7 หน้าจอ 10 นิ้ว

Samsung Gloria แท็บเล็ต Windows 7 หน้าจอ 10 นิ้ว มีข่าวลือออกมาว่าทางซัมซุงเตรียมจะเปิดตัวคอมพิวเตอร์เท็บเล็ตรุ่นใหม่ ในชื่อ Samsung Gloria มาพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาด 10 นิ้ว มีแผงแป้นพิมพ์ QWERTY แบบสไลด์ออกทางด้านข้างตัวเครื่อง เพิ่มความสะดวกในการพิมพ์ข้อความ Samsung Gloria จะขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Windows 7 แทนที่ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เหมือนอย่าง Samsung Galaxy Tab แท็บเล็ตรุ่นแรกจากซัมซุง รายละเอียดเกี่ยวกับสเปคตัวเครื่องอื่นๆ คงต้องติดตามกันต่อไป คาดว่าจะเปิดตัวช่วงเดือนมีนาคม ปี 2554
Samsung Gloria แท็บเล็ต Windows 7 หน้าจอ 10 นิ้ว
ที่มา siamphone

ซัมซุง พันช์ 2 ซิม ในราคาต่ำกว่า 4,000

ซัมซุง พันช์ 2 ซิม ในราคาต่ำกว่า 4,000 ซัมซุงรุกขยายตลาดมือถือโค้งสุดท้ายเต็มกำลัง ส่ง “ซัมซุง พันช์ 2 ซิม”สร้างปรากฏการณ์ “ชอบโทร รักแชต” ทั่วประเทศด้วย “แมสเสจจิ้งโฟน 2 ซิมสแตนด์บาย” ตอบรับกระแสไลฟ์สไตล์แชตอะฮอลิค (Chataholic Lifestyle) ภายใต้แนวคิด “คุ้มค่าสูงสุดด้วย แมสเสจจิ้งโฟน ระบบ 2 ซิม แชตอยู่ก็รับสายได้” มาแรงด้วยดีไซน์สวยเหนือระดับ พร้อมรองรับสังคมออนไลน์อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter หรือ Myspace เพลิดเพลินไปกับซัมซุงแอพพลิเคชันหลากหลาย ในราคาสุดประทับใจเพียง 3,990 บาท คาดสิ้นปีฉลองชัย ด้วยส่วนแบ่งการตลาดมือถือในเซกเมนท์ แมสเสจจิ้งโฟน ระบบ 2 ซิม กว่า 40%

นายวิชัย พรพระตั้ง ผู้อำนวยการธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ความสำเร็จของธุรกิจโทรศัพท์มือถือซัมซุง มาจากความโดดเด่นด้านนวัตกรรม ดีไซน์ที่สวยงาม และความเข้าใจในพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง ซึ่งจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์อย่างไม่หยุด ยั้ง ส่งผลให้ในปัจจุบันซัมซุงสามารถครองใจมหาชนทุกระดับไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม โทรศัพท์มือถือทัชโฟน, สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ทั้งนี้ในไตรมาสสุดท้าย ซัมซุงยังคงสานต่อความเป็นผู้นำนวัตกรรมโทรศัพท์มือถืออย่างเนื่อง ล่าสุดเปิดตัว “ซัมซุง พันช์ 2 ซิม” (Samsung Punch Dual Sims) แมสเสจจิ้งโฟน รุ่นแรกของซัมซุงที่รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ดในเวลาเดียวกัน เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มีการติดต่อสื่อสารผ่านหลากหลายรูปแบบ ทั้งการโทรศัพท์หรือการพิมพ์”

“ซัมซุง พันช์ 2 ซิม” นับเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ที่ซัมซุงภูมิใจนำเสนอ มาพร้อมศักยภาพที่เหนือกว่าด้วยรูปลักษณ์สวยโดดเด่นมีสไตล์ ประทับใจตั้งแต่สัมผัสแรก และครบครันทุกฟังก์ชันการใช้งานอย่างแท้จริง ภายใต้แนวคิด “คุ้มค่าสูงสุดด้วยแมสเสจจิ้งโฟน ระบบ 2 ซิม แชตอยู่ก็รับสายได้” โดยกลุ่มเป้าหมายคือ คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์ในชีวิต 2 ด้าน ทั้งในบทบาทเอาจริงเอาจังกับการเรียน การดำเนินธุรกิจ แต่ก็ไม่ลืมที่จะปลดปล่อยชีวิตไปกับความสุขส่วนตัวไปพร้อมๆกัน

“ซัมซุง พันช์ 2 ซิม” รองรับการทำงาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกัน มาพร้อมกับดีไซน์สวยเท่มีสไตล์ หน้าจอ TFT ความละเอียดสูง และด้วยคีย์บอร์ดแบบคิวเวอร์ตี้ 4 แถว จัดเรียงตัวอักษรเหมือนกับคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ที่นูนขึ้น รองรับการแชตในทุกรูปแบบทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมถึงปุ่มควบคุมทิศทางระบบสัมผัส (Trackpad Navigation) ทำให้การพิมพ์ข้อความต่างๆ ง่ายกว่าที่เคย นอกจากนี้ยังมีหน่วยความจำขนาด 60 เมกะไบต์ และหน่วยความจำภายนอกสูงสุด 8GB สามารถบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ 1,000 รายชื่อพร้อมข้อมูลครบครัน “ซัมซุง พันช์ 2 ซิม” ยังถูกออกแบบมาเพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน (Social Life) ด้วยเครือข่ายสังคมออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter หรือ Myspace โดยสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกง่ายดาย

ทั้งนี้แผนการตลาดสำหรับ “ซัมซุง พันช์ 2 ซิม” นั้น นับว่าครบวงจรสมบูรณ์แบบด้วยกลยุทธ์การสื่อสารการตลาด 360 องศา ที่ครอบคลุมทั้งอะโบฟเดอะไลน์และบีโลว์เดอะไลน์ โดยมีการจัดทำสื่อโฆษณาชุด “ซัมซุง พันช์ 2 ซิม สแตนด์บาย แชตอยู่ก็รับสายได้” ซึ่งใช้ แพนเค้ก - เขมนิจ จามิกรณ์ มารับบทเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ เพื่อเป็นสื่อกลางสร้างความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งสร้างความผูกพันกับผู้บริโภคทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีการใช้สื่อผสมผสานในรูปแบบต่างๆ อาทิ สื่อสิ่งพิมพ์ บีทีเอส การตกแต่งร้านค้าและช็อป ซัมซุงทั่วประเทศ และสื่อออนไลน์ รวมถึงการจับมือกับโอเปอเรเตอร์ชั้นนำ AIS เพื่อมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าone 2 call ฟรี GPRS 20 ชั่วโมงต่อเดือนนานถึง 6 เดือน

“ด้วยความได้เปรียบทางด้านฟังก์ชันการใช้งานที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นสมบูรณ์ แบบทั้ง 2 ซิมพร้อมแป้นพิมพ์ในเครื่องเดียว และดีไซน์สวยงามทันสมัย ราคาที่ประทับใจ และกลยุทธ์การตลาดครบวงจร ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีอยู่ทั่วประเทศ ทำให้ซัมซุงมั่นใจว่าสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในเซ็กเมนท์ แมสเสจจิ้ง โฟน ระบบ2 ซิมที่ 40%” นายวิชัยกล่าวสรุป

“ซัมซุง พันช์ 2 ซิม” วางจำหน่ายในประเทศไทยแล้วในราคา 3,990 บาท ที่ซัมซุงช้อป ทุกสาขาทั่วประเทศ ร้านเทเลวิซ, ร้านทีจีโฟน เจมาร์ท หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการลูกค้าซัมซุง 0-2689-3232, 1-800-29-3232
ที่มา http://www.tukkaeit.com/showthread.php?t=1907&p=2819#post2819

ดีแทคขายแบล็กเบอร์รี Torch 9800 21,900 บ.

ดีแทคพร้อมจำหน่ายแบล็กเบอร์รี Torch 9800 ในราคา 21,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมโปรโมชันผ่อน 0% นาน 10 เดือนผ่านบัตรเครดิตชั้นนำ

แบล็กเบอร์รี Torch 9800 ใหม่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่เป็นทั้ง Touch Screen และคีย์บอร์ด QWERTY แบบสไลด์ ในเครื่องเดียว ใช้ระบบปฏิบัติการ BlackBerry OS6, หน่วยประมวลผล 624MHz, ความจุในตัวเครื่อง 4GB รองรับไมโครเอสดีการ์ด ความจุสูงสุด 32GB กล้อง 5 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส และแฟลช รองรับการเชื่อมต่อไวไฟ 802.11b/g/n, 3G HSDPA, USB 2.1 และยูเอสบี

โดยดีแทคเสนอแพกเกจเสริมเพื่อใช้งานร่วมกับแบล็กเบอร์รี 4 รูปแบบครอบคลุมไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันประกอบด้วย 1. BlackBerry Internet UNLIMIT 790 บาทต่อเดือนสำหรับซิมดีแทคแบบรายเดือน และ 790 บาทต่อ 30 วันสำหรับซิมแฮปปี้แบบเติมเงิน ใช้งานแช็ต, อีเมล, โซเชียลเน็ตเวิร์ก และใช้งานดีแทคอินเตอร์เน็ตได้ไม่จำกัด 2. BlackBerry Life 350 บาทต่อเดือนสำหรับผู้ใช้ซิมดีแทคแบบรายเดือน และ 350 บาทต่อ 30 วัน สำหรับซิมแฮปปี้ ใช้งานแช็ต, อีเมล, โซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยจะคิดค่าดีแทคอินเตอร์เน็ตตามแพ็คเกจหลักที่เลือกไว้

3. BlackBerry BeMail เน้นการแช็ต และอีเมล (BlackBerry eMail, Google. Yahoo, Hotmail, MSN, และ POP3/IMAP/OWA เป็นต้น) ค่าบริการ 299 บาทต่อเดือนสำหรับผู้ใช้ซิมดีแทคแบบรายเดือน และ 299 บาทต่อ 30 วัน สำหรับซิมแฮปปี้ และ 4. BlackBerry BeSocial เน้นการแช็ตและการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์ก อาทิ Facebook, Twitter และ MySpace เป็นต้น ค่าบริการ 299 บาทต่อเดือน สำหรับผู้ใช้ซิมดีแทคแบบรายเดือน และ 299 บาทต่อ 30 วัน สำหรับซิมแฮปปี้

ผู้ที่สนใจสามารถซื้อแบล็กเบอร์รี Torch 9800 จากดีแทคได้ที่ร้านค้าที่ร่วมรายการกว่า 380 แห่ง ทั้งสำนักงานบริการดีแทค ดีแทคเซ็นเตอร์, ร้านทีจีโฟน, เจมาร์ท, ไอ-โมบาย, บลิสเทล และไออีซี ช็อป ที่ร่วมรายการ

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

"Angry Bird" ครองแชมป์แอปฯ ยอดนิยมแห่งปี

ความร้อนแรงของระบบปฏิบัติการ iOS ของแอปเปิล (Apple) ทำให้วันนี้บนร้านค้าออนไลน์อย่าง Apple Store มีแอปพลิเคชันให้ผู้ใช้งานได้เลือกดาวน์โหลดฟรี และเสียเงินมากกว่า 300,000 แอปฯ ล่าสุดแอปเปิลได้ออกมาประกาศรายชื่อแอปพลิเคชันที่ขายดีที่สุดแห่งปี 2010 ผลพบเกม Angry Bird และเครือข่ายสังคม Facebook เป็นแอปฯ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

แอปเปิลระบุว่า Angry Bird เป็นเกมที่ขายดีที่สุดแห่งปี ตามมาด้วยเกม Doodle Jump, Skee-Ball, Bejeweled 2 + Blitz และ Fruit Ninja ตามลำดับ โดย Rovio ผู้ผลิตเกม Angry Birds ให้ข้อมูลว่าเกมดังกล่าวสามารถขายได้ 12 ล้านชุด ตั้งแต่มีการเปิดตัวมา และมียอดดาวน์โหลดฟรี 30 ชุดในหนึ่งวัน

นอกจากนี้เครือข่ายสังคมยอดนิยมอย่าง เฟซบุ๊ก (Facebook) ยังเป็นแอปฯฟรี ที่ผู้ใช้มีการดาวน์โหลดมากที่สุด ตามมาด้วย Angry Birds Lite, เกม Words With Friends, โปรแกรมโทรศัพท์บนอินเทอร์เน็ตอย่าง Skype และเกม Tap Tap Revenge 3

ตามติดกระแสไอแพดในเมืองไทย ด้วยแอปฯ สำหรับไอแพดที่มีการดาวน์โหลดฟรีมากที่สุด คือ iBooks ตามมาด้วย Pandora Radio, Netflix, Google Mobile App และเกมไพ่อย่าง Solitaire

ปิดท้ายที่แอปฯ สำหรับไอแพดที่มียอดซื้อสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งคือ โปรแกรม Pages ตามมาด้วย GoodReader for iPad, Numbers, Angry Birds HD และ Keynote
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไอแพด ฟีเวอร์!!!

ต้องถือว่า นาทีนี้อุณหภูมิของภาวะ "iPad ฟีเวอร์" ในเมืองไทยได้เดินทางมาใกล้ถึงจุดเดือดเต็มที่แล้ว หลังจากถูกอุ่นเครื่องมานานเกือบปีของผู้ค้า iPad เครื่องหิ้ว นักสังเกตการณ์ทั่วไทยเชื่อว่า การที่คนไทยสามารถซื้อหา iPad ที่นำเข้าประเทศแบบถูกกฏหมายจากตัวแทนจำหน่าย “iStudio” มาใช้งานได้แล้วในวันนี้ จะเป็นแรงส่งสำคัญที่จะสร้างปรากฏการณ์ "iPad ฟีเวอร์" ขึ้นในสังคมไทย เหมือนกับที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ที่แอปเปิลเปิดตัว "iPad" อย่างเป็นทางการมาแล้ว

["Mars" ดิจิตอล แมกกาซีน ของแท้บนแท็บเล็ต ฉบับแรกของประเทศไทย]
1 ใน 5 สุดยอดปรากฏการณ์ iPad ฟีเวอร์ ที่หลายคนสัมผัสได้แล้วในขณะนี้ คือ การ "เป็นหมัน" ของอุตสาหกรรม eBook ฉบับภาษาไทย แต่ดาวรุ่งกลับเปลี่ยนตำแหน่งไปอยู่ที่ "Digital Magazine" หรือนิตยสารดิจิตอลแทน

Digital Magazine นั้นต่างจาก eMagazine ตรงที่อย่างหลังนั้น ตัวผู้อ่านจะต้องโหลดไฟล์พร้อมพิมพ์อยู่ในรูปแบบไฟล์นามสกุลที่เรียกว่า Portable Document Format (PDF) โดยดูบนเว็บไซต์ หรือโปรแกรมอ่านเอกสาร แต่ Digital Magazine จะเป็นนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบใหม่ที่บรรจุคอนเทนท์ลงในแอปพลิเคชัน ต่อยอดให้การอ่านมีความสนุกสนานและโต้ตอบได้มากขึ้น ทำให้ผู้อ่านนิตยสารสามารถชมวิดีโอ ดูฟังโฆษณา และร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่นิตยสารดิจิตอลเล่มนั้นๆ จัดทำขึ้นมาในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟ ทำให้ผู้อ่านได้อรรถรสมากกว่าแค่การอ่านแบบปกติได้อย่างตื่นตายิ่งขึ้น
Times คือ นิตยสารที่ประเดิมคลอดแอปพลิเคชันให้ผู้ใช้ iPad ที่เป็นสมาชิก Times ได้ดาวน์โหลดฟรี ก่อนที่นานาสื่อที่ออกเป็นรายวัน/รายเดือน/รายปี ต่างพากันชักธงรบกระโจนเข้าสู่ตลาดนี้ เช่นเดียวกับค่ายนิตยสารและสื่อสิ่งพิมพ์ในประเทศไทยที่พร้อมใจลงเล่นในตลาดนี้แล้ว

ปรากฏการณ์ที่จะเห็นชัดเจนนับจากนี้คือ นิตยสารไทยจะไม่ได้มีแต่โฆษณาภาพนิ่งอีกต่อไป แต่สามารถแสดงในรูปแบบวิดีโอ พ่วงเครือข่ายสังคม หรือดึงข้อมูลจากระบบ CRM เพื่อโอกาสต่อยอดสู่การซื้อสินค้าได้ โดยทั้งหมดนี้ ค่ายนิตยสารจะไม่ต้องรอรอบวันเวลาวางแผงสิ่งพิมพ์อย่างที่เคย แต่จะมีโอกาสออกหนังสือได้ถี่มากขึ้นตามที่ต้องการ เนื่องจากไม่มีต้นทุนการพิมพ์ แถมสามารถวัดผลตอบรับได้ทันใจ ไม่ต้องรออีกต่อไป

ความนิยมตัวเครื่อง iPad บวกกับอิทธิพลของตลาดแอปพลิเคชันที่เกิดจากตลาดสมาร์ทโฟน ทำให้อุตสาหกรรม Digital Magazine ก้าวนำธุรกิจหนังสือดิจิตอลอื่นๆ ในประเทศไทย ซึ่งแม้แต่เครื่องอ่าน eBook อย่าง Kindle จาก Amazon หรือ Nook จาก Barns&Nobel ก็ยังไม่สามารถสร้างกระแสร้อนแรงให้ค่ายหนังสือมุ่งความสนใจไปที่ตลาด eBook ได้

จุดนี้มีการวิเคราะห์กันว่า มีสาเหตุมาจากที่ eBook ไม่ขยายตัว เป็นเพราะหนังสือเล่มมีภาวะการเก็บสต็อกที่อยู่ในรูปแบบหนังสือเล่มที่มากกว่าเทปและดีวีดีด้วยซ้ำ ทำให้ Digital Magazine เกิดแรงดันในการขยายตัวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

รูปแบบ Digital Magazine ในประเทศไทย ที่เกิดขึ้นในขณะนี้มี 2 ลักษณะ ได้แก่ นิตยสารที่ทำแอปพลิเคชันด้วยตัวเอง และนิตยสารที่ "ฝากขาย" อยู่บนแอปพลิเคชันร้านหนังสือ ข้อมูลระบุว่า กลุ่มแรกนั้นมีสื่อไทยมากกว่า 10 รายที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ ขณะที่กลุ่มหลังมีหัวหนังสือมากกว่า 40 หัวแล้วในขณะนี้ ซึ่งคาดว่า นับจากนี้ นิตยสารไทยส่วนใหญ่จะกระโดดลงมาเล่นในตลาดนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปรากฏการณ์ที่ 2 คือ iPad กลายเป็นเครื่องมือที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในกลุ่มพิธีกรชาวไทย โดยเฉพาะพิธีกรบนเวทีสดที่ต้องการข้อมูลอินเทอร์แอคทีฟต่อเนื่อง ล่าสุด "อาจารย์ปานเทพ พัวพงศ์พันธุ์" ยังใช้ iPad บนเวทีพันธมิตรฯ เพื่อเรียกร้องให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเชื่อว่าในอนาคต คนไทยจะได้เห็นปรากฏการณ์พิธีกรใช้งาน iPad บนเวทีต่อหน้าสาธารณชนมากขึ้นแน่นอน

ปรากฏการณ์ที่ 3 เกิดขึ้นในร้านอาหาร-ร้านกาแฟ หากย้อนกลับไปในช่วงที่ iPad เครื่องหิ้วเริ่มวางจำหน่าย หลายร้านค้าในกรุงเทพฯ เริ่มนำ iPad มาเป็น "Gimmic" ด้วยการใช้ iPad แทนเมนู ขณะเดียวกันก็วาง iPad ให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินกับการเล่นเกมบนหน้าจอสัมผัสระหว่างรออาหาร ทั้งหมดนี้มีโอกาสสูงมากที่ร้านค้าในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะรายที่มีให้บริการเครือข่ายไวไฟจะหันมาซื้อ iPad ที่ไม่ใช่เครื่องหิ้วไปใช้ในร้านเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับร้าน

ปรากฎการณ์ที่ 4 คือการใช้งาน iPad ในกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุชาวไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การสำรวจในต่างประเทศพบว่า เด็กวัย 3 ขวบจนถึงคุณยายวัย 80 สามารถเพลิดเพลินกับ iPad ได้ดีจนน่าทึ่ง จึงไม่แปลกที่หลายเสียงในสังคมไทยจะบอกว่าพร้อมซื้อ iPad ให้คุณแม่วัยเกษียนแล้ว หรือการดึงลูกน้อยในวัยก่อนเรียนมาเพลิดเพลินกับเกมเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ให้เห็นชินตามากขึ้น

ทั้งหมดนี้เชื่อกันว่า เป็นอานิสงส์จากการที่ iPad สามารถวางจำหน่ายในร้านค้า ไม่ใช่ตู้ค้าอิสระรายย่อย เพราะชาวไทยส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่ผู้ติดตามเทคโนโลยีถึงขั้นเดินตามตู้ค้าเพื่อถามหา iPad โดยเฉพาะ จะสามารถเข้าถึง iPad ได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น แถมยังมีความมั่นใจเรื่องการรับประกันหลังการขายที่มากขึ้น นี่เองจะทำให้ iPad สามารถขยายฐานผู้ใช้จากเดิมในกลุ่มไฮเทคมาเป็นกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปที่หลากหลายอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น

ปรากฏการณ์ที่ 5 คือ ค่ายมือถือจะเน้นแย่งลูกค้าในธุรกิจสื่อสารข้อมูลหรือดาต้าอย่างดุเดือดยิ่งขึ้น เชื่อว่าในอนาคต ค่ายผู้ให้บริการเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเคลื่อนที่จะพร้อมใจกันออกโปรโมชันเพื่อดึงลูกค้ากลุ่มผู้ใช้ iPad ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การเพิ่มลูกค้ากลุ่มรายเดือนอีกทางหนึ่ง

อดคิดไม่ได้ว่า คงจะดีไม่น้อยหากปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยเพราะอุปกรณ์ของคนไทยเอง

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

เมื่อ Sony จับ Bravia LCD TV 22″ และ PlayStation 2 มารวมกันไว้ในเครื่องเดียว


เมื่อ Sony จับ Bravia LCD TV 22″ และ PlayStation 2 มารวมกันไว้ในเครื่องเดียว แน่นอนว่าเครื่อง PS3 จาก Sony เป็นเครื่องเล่นเกมคอนโซลที่สุดฮิต แต่ก็นั่นแหละถ้าคุณเกิดอยากเล่นเกมที่มีในยุคก่อนๆ จะทำอย่างไรล่ะ คำตอบคือให้คุณไปหาซื้อเครื่อง PS2 ใช่ไหม ซึงเราต่างก็ทราบดีว่ามันคงต้องจะได้เพียงเป็นของมือสองเท่านั้น แต่ในวันนี้ทาง Sony เหมือนรู้ใจผู้บริโภคอย่างเราๆ จึงได้ทำการส่งทีวีรุ่นใหม่อย่าง Sony KDL-22PX300 ที่เป็น LCD TV ขนาด 22″ ความละเอียด 720p โดยที่พิเศษสุดก็คือมีเครื่อง PS2 เป็นฐานจอและพร้อมให้คุณใส่แผ่น DVD ในสมัยก่อนลงไปด้วย
ถึงแม้ว่าความละเอียดของหน้าจออาจจะไม่สะใจนัก แต่ก็ได้มีการติดตั้งพอร์ต HDMI มาให้ถึง 4 พอร์ตด้วยกัน พร้อมทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อไปยัง Sony Bravia service ด้วยทาง Ethernet หรือ wireless dongle ได้ สนนราคาตกอยู่ที่ประมาณ 300 เหรียญสหรัฐ (ตกเป็นเงินไทยได้ 9,000 บาท)
ที่มา lcdspec

กูเกิลเปิดร้านอีบุ๊กใหญ่ที่สุดในโลก

กูเกิล (Google) ผงาดเปิดร้านดาวน์โหลดอีบุ๊กขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศมีหนังสือให้เลือกมากกว่า 3 ล้านเรื่องซึ่งถือว่ามากกว่าร้านหนังสือยักษ์ใหญ่ดั้งเดิมในสหรัฐฯ เช่น บาร์นส์แอนด์โนเบิล (Barnes and Noble) หรือบอร์เดอร์ส (Borders) นักวิเคราะห์หวั่นธุรกิจร้านหนังสือดั้งเดิมถึงคราวเคราะห์เพราะหนอนหนังสือมีทางเลือกที่ทำให้ต้นทุนการอ่านราคาต่ำกว่า แถมยังสามารถอ่านได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่ต้องเมื่อยแขน

กูเกิลให้ชื่อบริการร้านอีบุ๊กของตัวเองว่า Google eBookstore เปลี่ยนจากชื่อ Google Editions ที่ตกเป็นข่าวลือมานานหลายเดือน โดยระบุว่าหนังสือมากกว่า 2.8 ล้านเรื่องนั้นเปิดให้ชาวออนไลน์ดาวน์โหลดไปอ่านได้ฟรี ขณะที่หนังสือ"หลายแสนเล่ม" นั้นจะวางจำหน่ายให้ผู้ที่ต้องการดาวน์โหลดไปอ่าน โดยไมเคิล เคิร์กแลนด์ (Michael Kirkland) โฆษกกูเกิลให้ข้อมูลว่า ไฟล์อีบุ๊กที่วางจำหน่ายใน Google eBookstore นั้นเป็นหนังสือในเครือสำนักพิมพ์ชั้นนำ 6 รายในสหรัฐฯ

หากคำนวณจำนวนไฟล์อีบุ๊กรวม บริการ Google eBookstore จะมีปริมาณหนังสือมากกว่าอเมซอน แต่หากคำนวณในกลุ่มที่วางจำหน่าย จำนวนไฟล์ของอเมซอนจะมีมากกว่า โดยข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า อเมซอนมีอีบุ๊กเพื่อจำหน่ายราว 750,000 เรื่อง และเปิดให้ดาวน์โหลดฟรี 1.8 ล้านเรื่อง

การลงมาร่วมวงในตลาดอีบุ๊กของกูเกิลนั้นถูกมองว่าเป็นเพราะตลาดอีบุ๊กหรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์นับวันจะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับกระแสอิทธิพลของอุปกรณ์แท็บเล็ตที่ขยายวงกว้างอย่างก้าวกระโดด จุดนี้กูเกิลให้สัมภาษณ์ว่าจุดประสงค์หลักของ Google eBookstore คือการเปิดกว้างให้ผู้ใช้ได้เข้ามาดาวน์โหลดหนังสือฟรี จึงทำให้กูเกิลพัฒนาระบบให้รองรับการอ่านบนอุปกรณ์หลากหลายแพลตฟอร์ม

รายงานย้ำว่า Google eBookstore จะสนับสนุนทั้งอุปกรณ์ที่เป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) และไอโอเอส (iOS) ของแอปเปิล โดยผู้ใช้สามารถย้ายไฟล์อีบุ๊กไปอ่านบนเครื่องอ่านอีบุ๊กรีดเดอร์ทั้งนุก (Nook) และโซนี่รีดเดอร์ (Sony Reader) ได้ ซึ่งการสนับสนุนหลายแพลตฟอร์มลักษณะนี้จะอำนวยความสะดวกในกรณีที่หนอนหนังสืออ่านเรื่องใดค้างไว้ ก็จะสามารถดึงไฟล์มาอ่านต่อในอุปกรณ์อื่นได้แบบไม่สะดุด

กลุ่มหนังสือที่เก็บค่าบริการใน Google eBookstore จะจำกัดวงให้บริการเฉพาะในสหรัฐฯ เท่านั้นในขณะนี้ โดยผู้ซื้อสามารถเลือกหนังสือและอ่านได้ทั้งจากบนหน้าเว็บเพจและอุปกรณ์พกพา ไฟล์ทั้งหมดจะถูกจัดเก็บในระบบคลาวด์เพื่อให้การเรียกอ่านจากหลายอุปกรณ์ในช่วงหลากเวลาทำได้อย่างลื่นไหล

แต่ที่น่าสนใจคือ Google eBookstore ไม่สามารถใช้งานกับเครื่องอ่านคินเดิล (Kindle) ยอดฮิตของอเมซอนได้ สะท้อนภาพระบบปิดของอเมซอนที่แตกต่างจากระบบเปิดของกูเกิลแบบสุดขั้ว เท่ากับผู้ใช้คินเดิลในขณะนี้จะถูก"กำหนด"ให้ดาวน์โหลดอีบุ๊กจาก Amazon.com ร้านเดียวเท่านั้น

รายงานระบุว่า ส่วนแบ่งรายได้จากการจำหน่ายอีบุ๊กที่กูเกิลหักจากสำนักพิมพ์คือ 30% โดยสำนักพิมพ์จะได้รับรายได้ 70% โดยอัตราค่าบริการหนังสือใหม่ใน Google eBookstore เริ่มต้นที่ 10-15 เหรียญ (300-450 บาท)

กูเกิลเปิดร้านอีบุ๊กใหญ่ที่สุดในโลก
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Disney Mobile DM007SH ดีไซน์อ่อนหวานน่ารัก

Disney Mobile DM007SH โทรศัพท์มือถือรูปทรงฝาพับ โทนสีอ่อนหวาน พื้นผิวหลือบมุกแฝงความหรูหรา หน้าจอแสดงผล ASV-LED 16.7 ล้านสี ความละเอียด 854 × 480 พิกเซล กว้าง 3.4 นิ้ว จอแสดงผลด้านนอก LED 17 x 7 จุด แสดงเวลา และ ตัวอักษร โดดเด่นด้านการถ่ายภาพด้วยกล้องถ่ายรูป CCD ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช ระบบออโต้โฟกัส และตรวจจับใบหน้า รองรับการ์ดหน่วยความจำ MicroSDHC สูงสุด 8 GB มีให้เลือก 3 เฉดสี (สีชมพู - Soft Pink, สีขาว - Soft White, สีมิ้นท์ - Soft Mint)
Disney Mobile DM007SH ดีไซน์อ่อนหวานน่ารัก
Disney Mobile DM007SH ดีไซน์อ่อนหวานน่ารัก

Disney Mobile DM007SH ดีไซน์อ่อนหวานน่ารัก
ที่มา siamphone

Lenovo S800 มือถือใสๆ มองทะลุจอ

ไม่มีอะไรที่พี่จีนทำไม่ได้ คงจะเป็นคำพูดที่ไม่เกินจริงนัก ล่าสุดในงานแฟชั่นงานหนึ่งในปักกิ่ง ทาง Lenovo ได้เลือกที่จะเปิดตัวโทรศัพท์มือถือ Lenovo S800 ในงานนี้ โดยมือถือรุ่นนี้พิเศษที่จอเป็นจอใส โปร่งใสมองทะลุได้ แต่สำหรับ S800 รุ่นนี้ยังถือว่าอยู่ในขั้นตอนของคอนเซ็ปต์เท่านั้น ตัวที่นำมาโชว์เป็นเพียงโมเดล ซึ่งตัวจริงนั้นจะออกมาเป็นเช่นไร ใครที่ชอบมือถือแนวแฟชั่นโฟนคงต้องติดตามดูกันต่อไป
ที่มา Engadget

Blackberry Empathy ฉีกแนว รูปทรงปริซึม

ห็นภาพเครื่อง BB ในวันนี้อย่าเพิ่งตกใจ ว่า RIM คิดเล่นอะไรแผลงๆ แต่จริงๆมันเป็นแค่เครื่อง Blackberry แบบรุ่นใน Concept เท่านั้น ซึ่งออกแบบโดย Kiki และ Daniel จาก Art Center College of Design ซึ่งทาง RIM เป็นสปอนเซอร์ให้กับโปรเจคการออกแบบนี้เท่านั้น เครื่องตัวจริงยังไม่มี โดยรูปแบบการออกแบบเน้นไปทางด้านอารมณ์ของผู้ใช้ พ่วงไปกับการใช้งานแบบ Social Networking ซึ่งทำให้เกิดเครื่อง BB หน้าตาแบบใหม่ที่ตั้งชื่อว่า Blackberry Empathy โดยการทำงานตัวเครื่องจะสั่งการจาก Biomatic Ring หน้าจอแบบ OLED screen ซึ่งจะแสดงผลแบบเบลอๆเลือนๆขณะที่เครื่องไม่ได้ถูกใช้งาน แต่เมื่อมีการ active การทำงานมันก็จะชัดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

ส่วนหน้าตาหุ่นตัวเครื่องดูครั้งแรกดูไม่ค่อยออกว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ดูไปดูมา อ๋อ มันคือทรงของ ปริซึม นั่นเอง ราวกับว่า BB คืออัญมณีชิ้นหนึ่งที่เราสามารถพกพาไปเพื่อบ่งบอกความเป็นตัวเอง ใช้ระบบหน้าจอสัมผัส และอินเตอร์เฟสตัวเครื่องลักษณะคล้ายๆใยแมงมุม ที่โดยผู้ใช้เข้าหากันและสามารถดูรายละเอียดของผู้ใช้แต่ละคนจากการแตะบน เมนูรูปวงกลมที่ล้อมรอบภาพผู้ใช้นั้นๆ
ที่มา MrPalm

Google Earth ใหม่ใช้แผนที่ได้

กูเกิลประกาศอัปเดทซอฟต์แวร์แผนที่โลกระบบสามมิติเวอร์ชันใหม่ Google Earth 6.0 เมื่อวันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 53 ตามเวลาสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นเวอร์ชันทดลองที่ได้รับการกล่าวขานว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน เนื่องจาก Google Earth 6.0 ถูกปรับปรุงให้สามารถใช้งานร่วมกับบริการ Street View ได้ ขณะเดียวกันก็มีการเพิ่มภาพวิวต้นไม้สามมิติมากขึ้นอีก 30% เพื่อความสมจริง ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการใช้งานยิ่งขึ้น

นี่คือครั้งแรกที่ Street View ถูกรวมเข้ากับบริการ Google Earth อย่างเป็นทางการ หลังจากกูเกิลเคยแสดงแนวคิดผนวกบริการแผนที่และบริการนำทางเข้าด้วยกันมาตั้งแต่ปี 2008 ครั้งนั้นกูเกิลทดลองนำระบบควบคุมโปรแกรมลักษณะเดียวกับ Google Earth มาใช้ใน Street View คาดว่าการทดลองครั้งนั้นสามารถให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี กูเกิลจึงตัดสินใจผนึกบริการใน Earth บ้างเพื่อปูทางให้ผู้ใช้สามารถใช้งานทั้ง 2 ระบบแบบไร้รอยต่อ โดยเรียกความสามารถนี้ว่า Integrated Street View ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งาน Street View ได้ตรงจากแผนที่

ก่อนหน้านี้ Google Earth เป็นบริการชมภาพถ่ายดาวเทียมทั่วโลกซึ่งเปิดให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถส่องหลังคาบ้านใครก็ได้ตามต้องการ โดยกูเกิลตัดสินใจพัฒนาให้ Google Earth สามารถแสดงภาพอาคารหรือสถานที่สำคัญในท้องถิ่นเป็นภาพ 3 มิติได้ครั้งแรกในปี 2006 ซึ่งล่าสุด Google Earth 6.0 ถูกปรับปรุงให้มีภาพต้นไม้ 3 มิติในระบบเพิ่มขึ้นอีก 30%

รายงานย้ำว่าภาพต้นไม้ 3 มิติใน Google Earth 6.0 ประกอบด้วยภาพต้นไม้ที่ต่างกันมากกว่า 50 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นผลจากการทำงานร่วมกับองค์กรด้านป่าไม้เพื่อรายละเอียดที่ถูกต้องแม่นยำ โดยภาพต้นไม้เหล่านี้เริ่มปรากฏในระบบแผนที่ของเมืองใหญ่หลายแห่งแล้วในขณะนี้

นอกจากนี้ Google Earth 6.0 ยังปรับให้ผู้ใช้สามารถค้นหาภาพถ่ายดาวเทียมในอดีตได้ง่ายขึ้น ทำให้ผู้ใช้สามารถเห็นภาพความเปลี่ยนแปลงของสถานที่นั้นๆในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
Google Earth 6.0 เวอร์ชันทดลองสามารถรองรับระบบปฏิบัติการ Windows, Mac OS และ Linux สามารถดาวน์โหลดได้ที่ http://www.google.com/earth/download/ge/agree.html
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

BBC เล็งขายสมาชิกแอปฯทีวีบน iPad ทั่วโลก

หลังจากให้บริการฟรีเฉพาะสมาชิกในประเทศอังกฤษ ล่าสุดสถานีโทรทัศน์บีบีซี (BBC) ประกาศแผนพร้อมให้บริการแอปพลิเคชัน iPlayer แก่ผู้ใช้ iPad ทั่วโลกแบบเก็บค่าสมาชิก รายงานชี้บีบีซีหวังลูกค้าในกลุ่มประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ถือเป็นอีกข่าวที่ตอกย้ำความหลากหลายของคอนเทนต์บน iPad ในนาทีนี้

รายงานจากไฟแนนเชียลไทมส์ (Financial Times) ระบุว่า ปัจจุบันบีบีซีให้บริการแอปพลิเคชัน iPlayer ฟรีแก่สมาชิกในอังกฤษผู้ใช้อุปกรณ์ระบบปฏิบัติการ iOS ของแอปเปิลซึ่งชำระค่าบริการชมทีวีรายเดือนแก่สถานี เนื่องจากสถานีไม่ได้รับอนุญาตให้เก็บค่าบริการคอนเทนต์ตามกฏหมายอังกฤษ บีบีซีจึงกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อให้บริการสมัครสมาชิกเพื่อรับชมรายการทีวีของบีบีซีในตลาดต่างประเทศ โดยสหรัฐฯคือหนึ่งในประเทศเป้าหมายหลักของบีบีซี

Luke Bradley-Jones ผู้อำนวยการบริหารของ BBC.com ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวไฟแนนเชียลไทมส์ว่าแอปพลิเคชัน iPlayer จะถูกเปิดตัวในรูปแบบบริการสมาชิกที่เก็บค่าบริการ ทั้งหมดนี้เป็นหนึ่งในแผนการดึงแฟนสถานีที่เคยใช้บริการ iPlayer ให้มาเป็นสมาชิกบริการบีบีซีมากยิ่งขึ้นในอนาคต
เหนืออื่นใด ผู้บริหารบีบีซีชี้ว่าแอปพลิเคชัน iPlayer จะทำให้บีบีซีได้รับข้อมูลผู้อ่านมากขึ้น ซึ่งจะทำให้บีบีซีสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปสร้างมูลค่าเพิ่มแก่บริการของบีบีซีในอนาคตได้ โดยในไม่กี่เดือนนับจากนี้ บีบีซีมีแผนให้บริการ Global iPlayer แก่ผู้ใช้ iPad ทั่วโลก เพื่อให้ผู้ใช้สามารถรับบริการวิดีโอออนดีมานต์แบบอินเทอร์แอคทีฟได้อย่างแท้จริง

นักวิเคราะห์มองว่าการขยายช่องทางกระจายภาพของสถานีโทรทัศน์อย่างบีบีซีนั้นทำให้สถานีสามารถสร้างได้เพิ่มขึ้นทั้งในแง่ค่าบริการสมาชิก ค่าบริการดาวน์โหลด และค่าบริการตามจำนวนครั้งที่ชม ขณะเดียวกันก็อาจนำไปสู่การรับเงินจากสปอนเซอร์เพื่อผลิตคอนเทนต์ฟรีได้อีกทางหนึ่ง

ความเคลื่อนไหวของบีบีซีเกิดขึ้นหลังจากข่าวการแจ้งเกิดนิตยสารและหนังสือพิมพ์หลากหลายค่ายบน iPad โดยสื่อยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง News Corporation ออกมาเปิดเผยว่ากำลังพัฒนา"หนังสือพิมพ์สำหรับ iPad"ฉบับแรกของโลก ในรูปแบบแอปพลิเคชันบน iPad ที่ผู้ใช้จะสามารถอ่านข่าวประจำวันในราคา 99 เซนต์ต่อสัปดาห์ โดยจะมีเนื้อหาผสมระหว่างข่าวที่เข้มข้นจริงจังและข่าวสไตล์หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ที่เน้นสีสัน

นอกจากหนังสือพิมพ์ Richard Branson ผู้ก่อตั้งอาณาจักร Virgin ได้เริ่มให้บริการนิตยสารดิจิตอลหรือดิจิตอลแมคกาซีนบน iPad แล้วในชื่อ Project เบื้องต้นออกเป็นรายเดือนในราคาฉบับละ 2.99 เหรียญสหรัฐ ภายในประกอบด้วยบทความด้านศิลปะการออกแบบ บันเทิง และเทคโนโลยี ท่ามกลางคำวิจารณ์ว่ายังใช้งานยากและมีลักษณะคล้ายถูกออกแบบมาเพื่อการตีพิมพ์บนกระดาษ

Branson ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอเมริกันด้วยว่า ความเคลื่อนไหวนี้คือการก้าวไปสู่โลกอนาคตของสิ่งพิมพ์ ซึ่งนานาค่ายจะแข่งขันด้านคุณภาพอย่างจริงจังยิ่งขึ้นแน่นอน
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Google Editions พร้อมขายอีบุ๊กปลายปีนี้

แฟ้มภาพจำลองบริการ Google Editions
หลังจากเลื่อนมาหลายเดือน ล่าสุดประชาสัมพันธ์กูเกิลออกมายืนยันข่าวซึ่งสื่ออเมริกันรายงานว่า กูเกิลกำลังเตรียมฤกษ์เปิดร้านจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์หรืออีบุ๊กแบบปลีกอย่างเป็นทางการภายในปลายปีนี้จริง จะใช้ชื่อ Google Editions เพื่อลุยทำตลาดในสหรัฐฯก่อนเป็นประเทศแรก

วอลล์สตรีทเจอร์นอลตั้งข้อสังเกตว่าการที่กูเกิลสามารถจบปัญหาความขัดแย้งด้านกฎหมายกับสำนักพิมพ์ได้เรียบร้อย ทำให้ Google Editions สามารถเริ่มให้บริการในสหรัฐฯได้ก่อนปลายปีนี้ โดยระบุว่า Google Editions จะสามารถขยายบริการไปยังประเทศต่างๆได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2011
[อีบุ๊กของกูเกิลสามารถอ่านได้บนอุปกรณ์ที่หลากหลาย]
ประชาสัมพันธ์กูเกิลยืนยันว่ากำหนดการให้บริการก่อนปลายปีของ Google Editions นั้นเป็นความจริง แต่ไม่ให้เหตุผลว่าความล่าช้าของโครงการเกิดขึ้นเพราะปัญหาการฟ้องร้องระหว่างกูเกิลและสำนักพิมพ์จริงหรือไม่ ทั้งที่เดือนพฤษภาคม 53 ผู้บริหารกูเกิลเคยเปิดเผยว่าจะให้บริการซื้อขายไฟล์อีบุ๊กในช่วงมิถุนายนที่ผ่านมา

หลายฝ่ายเชื่อว่าความล่าช้าของธุรกิจอีบุ๊กกูเกิลมีความเกี่ยวข้องโดยตรงต่อความสัมพันธ์กับสำนักพิมพ์ เนื่องจากความพร้อมของ Google Editions เกิดขึ้นหลังจากกูเกิลและผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ทั้งนักเขียนและสำนักพิมพ์สามารถยอมความกันได้ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า ภายใต้ระบบของกูเกิล ผู้ค้าหนังสืออิสระจะสามารถวางจำหน่ายอีบุ๊กผ่าน Google Editions ได้อย่างเสรี โดยผู้ค้าอิสระรายย่อยจะได้รับผลประโยชน์ตามสัญญาซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดในขณะนี้ เบื้องต้น ข้อมูลชี้ว่ากูเกิลจะเปิดกว้างให้ผู้ใช้หลากหลายอุปกรณ์สามารถซื้ออีบุ๊กกับกูเกิลได้ เพราะ Google Editions จะทำให้ผู้ใช้สามารถเปิดอ่านอีบุ๊กบนบราวเซอร์และแอปพลิเคชันได้ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยจะจัดเก็บไฟล์ไว้บนระบบคลาวด์คอมพิวติงเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเรียกดูไฟล์ได้จากทุกอุปกรณ์หลังจากซื้อไฟล์ไปแล้ว ขณะที่เจ้าของลิขสิทธิ์จะสามารถวางใจเรื่องการจัดการสิทธิ์การใช้งานได้ด้วย แถมจะเปิดเสรีให้ผู้ใช้สามารถเข้าสู่บริการ Google Editions ได้จากหลายเว็บไซต์ ซึ่งหากเป็นจริง นี่จะถือเป็นการปฏิวัติวงการค้าปลีกหนังสืออิเล็กทรอนิกส์บนโลกออนไลน์ครั้งใหญ่ที่น่าจับตา
นักสังเกตการณ์เชื่อว่า Google Editions จะกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของอเมซอน (Amazon.com) บาร์นส์แอนโนเบิล (Barnesandnoble.com) รวมถึงแอปเปิล (Apple) ซึ่งมีหน้าร้านจำหน่ายอีบุ๊กอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากกูเกิลเคยประกาศแผนว่าจะทำให้ผู้ใช้สามารถซื้ออีบุ๊กด้วยชื่อบัญชีใช้งานบริการกูเกิลที่ผู้ใช้มีอยู่แล้ว ซึ่งอาจทำให้กูเกิลสามารถแย่งลูกค้าผู้ใช้สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์พีซี และแท็บเล็ตนานาชนิดที่สามารถเข้าถึงบริการกูเกิลได้จากเว็บเบราว์เซอร์หลายค่ายไปได้

นี่ไม่ใช่บริการเกี่ยวกับหนังสือบริการแรกของกูเกิล โดยปัจจุบัน กูเกิลเปิดให้บริการค้นหาหนังสือในชื่อ Google Book Search แล้วเพื่อให้ชาวเน็ตสามารถค้นหาและได้มีโอกาสเปิดดูเนื้อหาบางส่วนของหนังสือซึ่งรวบรวมมาจากห้องสมุดและสำนักพิมพ์ทั่วโลก จุดนี้รายงานระบุว่ากูเกิลจะนำ Google Editions มาควบรวมกับบริการ Book Search ด้วย โดยจะเปิดให้ผู้ใช้สามารถซื้อหนังสือที่ค้นหาได้ในรูปแบบอีบุ๊ก ขณะเดียวกัน กูเกิลก็จะให้สิทธิ์สำนักพิมพ์รายย่อยในการจำหน่ายอีบุ๊กในบริการ Google Editions บนเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์เองด้วย
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

อานิสงส์บาทแข็ง iPad ขายไทยราคาเริ่มที่ 15,900.-

ไอสตูดิโอไทย (iStudio) ประกาศเริ่มวางจำหน่าย iPad ในประเทศไทยวันที่ 3 ธันวาคมนี้ อานิสงส์เงินบาทแข็งตัวทำให้รุ่นเริ่มต้น 16GB WiFi สามารถเคาะราคาจำหน่ายได้ที่ 15,900 บาท รุ่นแพงที่สุด 64GB 3G+WiFi ราคาอยู่ที่ 25,900 บาท

"ขอแนะนำ iPad สิ่งที่ดีสุดในการท่อง web, รับส่ง email, ภาพถ่าย กับวิดีโอ ทั้งหมดนี้บนจอ Multi-Touch ที่ใหญ่สวยและด้วยปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น" ตามเนื้อความในเว็บไซต์ iStudio.in.th โดยประกาศว่า "iPad กับระบบไร้สาย" หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า iPad WiFi นั้นมี 3 ระดับราคา ได้แก่ 16GB : 15,900 บาท 32GB : 18,900 บาท และ 64GB : 21,900 บาท

สำหรับ "iPad กับระบบไร้สาย+3G" ซึ่งรองรับเทคโนโลยีการสื่อสาร 3G นั้นวางจำหน่าย 3 ระดับราคาเช่นกัน ได้แก่ 16GB : 19,900 บาท 32GB : 22,900 บาท และ 64GB : 25,900 บาท

iPad นั้นมีหน้าจอขนาด 9.7 นิ้ว (วัดจากด้านเฉียง) มาพร้อมหน้าจอ LED-backlit เทคโนโลยี IPS ซึ่งเป็นเบื้องหลังของความคมชัดบนหน้าจอ ผู้ใช้สามารถสัมผัส iPad ได้หลายจุดหรือ Multi-Touch รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi (802.11a/b/g/n) สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 2.1 และเทคโนโลยี EDR แบตเตอรี่ใช้งานได้ถึง 10 ชั่วโมง

น้ำหนักเครื่องรุ่น WiFi นั้นเบากว่ารุ่น WiFi+3G โดยรุ่น WiFi มีน้ำหนัก 0.68 กิโลกรัม ขณะที่รุ่น WiFi+3G หนัก 0.73 กิโลกรัม ทั้ง 2 รุ่นมีขนาดบาง 13.4 มม.
ที่ผ่านมา iPad ได้รับคำชมจากผู้ใช้ทั่วโลกเนื่องจากมีส่วนติดต่อผู้ใช้ที่ง่าย หน้าจอคมชัด และมีความหลากหลายของซอฟต์แวร์สูง แต่หลายเสียงก็ติเรื่องน้ำหนัก ผู้ใช้ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายอินเทอร์เน็ตแพงในกรณีผู้ใช้รุ่น 3G ขณะเดียวกันการส่งไฟล์เอกสารแนบในอีเมลจะต้องทำผ่านแอปพลิเคชันเฉพาะซึ่งต้องซื้อเพิ่ม ที่สำคัญคือไม่สามารถดูไฟล์ Flash ในเว็บไซต์

ก่อนหน้านี้ มีข่าวลือว่า iPad รุ่นใหม่จะเริ่มเปิดตัวในปีหน้า (2554) โดยคาดกันว่าแอปเปิลจะเพิ่มกล้องดิจิตอลด้านหน้าและหลังเครื่องเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสื่อสารผ่านระบบวิดีโอคอลลืได้ นอกจากนี้ แอปเปิลอาจจะเปลี่ยนวัสดุผลิตตัวเครื่องมาเป็น CarbonFiber ซึ่งจะทำให้สามารถลดน้ำหนักตัว iPad ลงได้

ราคาจำหน่าย iPad ที่ถูกประกาศนี้เชื่อกันว่าจะทำให้ตลาดเกรย์มาร์เก็ตหรือตลาดเครื่องหิ้วซบเซาลง ข้อมูลจากผู้ค้าในตลาดเครื่องหิ้วบางรายระบุว่าเริ่มชะลอการนำ iPad มาจำหน่ายเนื่องจากไม่สามารถทำราคาสู้ได้ โดยราคาจำหน่าย iPad ตามตู้ค้าช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานั้นอยู่ที่ราว 21,000 บาท

แหล่งข่าวระบุว่าวันที่ 3 ธันวาคมนี้จะเป็นวันที่ไอสตูดิโอเริ่มทยอยวางจำหน่าย iPad ในจำนวนจำกัด โดยตัวแทนจำหน่ายบางรายได้รับเครื่องงวดแรกที่ 200 เครื่อง ทั้งหมดคาดว่าจะเริ่มมีการจำหน่ายเต็มกำลังในปีหน้า

สำหรับข้อสังเกตว่าทำไมแอปเปิลจึงไม่จำหน่าย iPad ผ่านโอเปอเรเตอร์ในประเทศไทย แหล่งข่าวอีกรายคาดว่าเป็นเพราะไม่มีโอเปอเรเตอร์ใดที่สามารถ "commit" หรือทำสัญญาการันตีตัวเองว่าจะสามารถทำยอดขายได้สูงตามที่แอปเปิลต้องการ ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้ซื้อรุ่น 3G ต้องไปดำเนินการซื้อ "ไมโครซิม" ซิมการ์ดขนาดเล็กเพื่อใช้กับ iPad กันเอง

อีกสิ่งที่คาดว่าจะเกิดนับจากนี้คือการแข่งขันในตลาดแท็บเล็ตไทยที่จะทวีความร้อนแรงยิ่งขึ้น เนื่องจากราคาของ iPad นั้นสามารถแข่งขันได้กับเครื่องลักษณะเดียวกันอย่าง Samsung Tab หรือแม้แต่แบรนด์ไทยอย่าง Wellcom A800 ซึ่งคาดว่าปีหน้าสมรภูมิแท็บเล็ตในไทยจะดุเดือดตามเทรนด์โลกแน่นอน
อานิสงส์บาทแข็ง iPad ขายไทยราคาเริ่มที่ 15,900.-
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ฟรีบริการเก็บสถิติเว็บไซด์ FlashSanook แฟลชเกมสนุกของคนออนไลน์