อานิสงส์บาทแข็ง iPad ขายไทยราคาเริ่มที่ 15,900.-

ไอสตูดิโอไทย (iStudio) ประกาศเริ่มวางจำหน่าย iPad ในประเทศไทยวันที่ 3 ธันวาคมนี้ อานิสงส์เงินบาทแข็งตัวทำให้รุ่นเริ่มต้น 16GB WiFi สามารถเคาะราคาจำหน่ายได้ที่ 15,900 บาท รุ่นแพงที่สุด 64GB 3G+WiFi ราคาอยู่ที่ 25,900 บาท

"ขอแนะนำ iPad สิ่งที่ดีสุดในการท่อง web, รับส่ง email, ภาพถ่าย กับวิดีโอ ทั้งหมดนี้บนจอ Multi-Touch ที่ใหญ่สวยและด้วยปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น" ตามเนื้อความในเว็บไซต์ iStudio.in.th โดยประกาศว่า "iPad กับระบบไร้สาย" หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า iPad WiFi นั้นมี 3 ระดับราคา ได้แก่ 16GB : 15,900 บาท 32GB : 18,900 บาท และ 64GB : 21,900 บาท

สำหรับ "iPad กับระบบไร้สาย+3G" ซึ่งรองรับเทคโนโลยีการสื่อสาร 3G นั้นวางจำหน่าย 3 ระดับราคาเช่นกัน ได้แก่ 16GB : 19,900 บาท 32GB : 22,900 บาท และ 64GB : 25,900 บาท

iPad นั้นมีหน้าจอขนาด 9.7 นิ้ว (วัดจากด้านเฉียง) มาพร้อมหน้าจอ LED-backlit เทคโนโลยี IPS ซึ่งเป็นเบื้องหลังของความคมชัดบนหน้าจอ ผู้ใช้สามารถสัมผัส iPad ได้หลายจุดหรือ Multi-Touch รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi (802.11a/b/g/n) สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 2.1 และเทคโนโลยี EDR แบตเตอรี่ใช้งานได้ถึง 10 ชั่วโมง

น้ำหนักเครื่องรุ่น WiFi นั้นเบากว่ารุ่น WiFi+3G โดยรุ่น WiFi มีน้ำหนัก 0.68 กิโลกรัม ขณะที่รุ่น WiFi+3G หนัก 0.73 กิโลกรัม ทั้ง 2 รุ่นมีขนาดบาง 13.4 มม.
ที่ผ่านมา iPad ได้รับคำชมจากผู้ใช้ทั่วโลกเนื่องจากมีส่วนติดต่อผู้ใช้ที่ง่าย หน้าจอคมชัด และมีความหลากหลายของซอฟต์แวร์สูง แต่หลายเสียงก็ติเรื่องน้ำหนัก ผู้ใช้ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายอินเทอร์เน็ตแพงในกรณีผู้ใช้รุ่น 3G ขณะเดียวกันการส่งไฟล์เอกสารแนบในอีเมลจะต้องทำผ่านแอปพลิเคชันเฉพาะซึ่งต้องซื้อเพิ่ม ที่สำคัญคือไม่สามารถดูไฟล์ Flash ในเว็บไซต์

ก่อนหน้านี้ มีข่าวลือว่า iPad รุ่นใหม่จะเริ่มเปิดตัวในปีหน้า (2554) โดยคาดกันว่าแอปเปิลจะเพิ่มกล้องดิจิตอลด้านหน้าและหลังเครื่องเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสื่อสารผ่านระบบวิดีโอคอลลืได้ นอกจากนี้ แอปเปิลอาจจะเปลี่ยนวัสดุผลิตตัวเครื่องมาเป็น CarbonFiber ซึ่งจะทำให้สามารถลดน้ำหนักตัว iPad ลงได้

ราคาจำหน่าย iPad ที่ถูกประกาศนี้เชื่อกันว่าจะทำให้ตลาดเกรย์มาร์เก็ตหรือตลาดเครื่องหิ้วซบเซาลง ข้อมูลจากผู้ค้าในตลาดเครื่องหิ้วบางรายระบุว่าเริ่มชะลอการนำ iPad มาจำหน่ายเนื่องจากไม่สามารถทำราคาสู้ได้ โดยราคาจำหน่าย iPad ตามตู้ค้าช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานั้นอยู่ที่ราว 21,000 บาท

แหล่งข่าวระบุว่าวันที่ 3 ธันวาคมนี้จะเป็นวันที่ไอสตูดิโอเริ่มทยอยวางจำหน่าย iPad ในจำนวนจำกัด โดยตัวแทนจำหน่ายบางรายได้รับเครื่องงวดแรกที่ 200 เครื่อง ทั้งหมดคาดว่าจะเริ่มมีการจำหน่ายเต็มกำลังในปีหน้า

สำหรับข้อสังเกตว่าทำไมแอปเปิลจึงไม่จำหน่าย iPad ผ่านโอเปอเรเตอร์ในประเทศไทย แหล่งข่าวอีกรายคาดว่าเป็นเพราะไม่มีโอเปอเรเตอร์ใดที่สามารถ "commit" หรือทำสัญญาการันตีตัวเองว่าจะสามารถทำยอดขายได้สูงตามที่แอปเปิลต้องการ ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้ซื้อรุ่น 3G ต้องไปดำเนินการซื้อ "ไมโครซิม" ซิมการ์ดขนาดเล็กเพื่อใช้กับ iPad กันเอง

อีกสิ่งที่คาดว่าจะเกิดนับจากนี้คือการแข่งขันในตลาดแท็บเล็ตไทยที่จะทวีความร้อนแรงยิ่งขึ้น เนื่องจากราคาของ iPad นั้นสามารถแข่งขันได้กับเครื่องลักษณะเดียวกันอย่าง Samsung Tab หรือแม้แต่แบรนด์ไทยอย่าง Wellcom A800 ซึ่งคาดว่าปีหน้าสมรภูมิแท็บเล็ตในไทยจะดุเดือดตามเทรนด์โลกแน่นอน
อานิสงส์บาทแข็ง iPad ขายไทยราคาเริ่มที่ 15,900.-
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

คาด Google TV กระหึ่มปีหน้า

ภาพประกอบจาก blog.laptopmag.com


สื่อต่างประเทศฟันธง งานมหกรรมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ CES ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมกราคม 2011 นี้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญของ Google TV ชุดอุปกรณ์โทรทัศน์ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการของกูเกิลเพื่อการชมทีวีบนโลกออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย เบื้องต้นคาดว่าผลิตภัณฑ์ Google TV จะเริ่มวางจำหน่ายภายใต้การผลิตของหลายแบรนด์ดัง ท่ามกลางกระแสต่อต้านจากบรรดาเจ้าของคอนเทนต์ในสหรัฐฯที่รุนแรงขึ้นต่อเนื่อง

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) อ้างแหล่งข่าวไม่ระบุนามกล่าวว่า โตชิบา (Toshiba) วิซิโอ (Vizio) และผู้ผลิตแบรนด์อื่นจะเปิดตัวอุปกรณ์ Google TV ในงาน CES 2011 นี้ คาดว่าจะเป็นอีกสีสันที่นอกเหนือจากเทคโนโลยี 3D ที่จะสร้างเสียงฮือฮาให้กับผู้ชมในงาน

ที่ผ่านมา Google TV มีรายงานข่าวต่อเนื่องว่ามีปัญหากับสถานีโทรทัศน์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ที่ปิดกั้นไม่ให้ผู้ใช้ Google TV สามารถเรียกชมวิดีโอจากสถานี Viacom, ABC, NBC, CBS, FOX และ Hulu ซึ่งทั้งหมดเป็นเจ้าของรายการทีวียอดนิยมในสหรัฐฯ คาดว่าเป็นผลจากการเจรจาที่ยังไม่บรรลุเรื่องข้อตกลง

ก่อนหน้านี้ โซนีเป็นเพียงรายเดียวที่ได้รับสิทธิ์ในการพัฒนาทีวี Google TV โดยโตชิบาและวิซิโอคือ 2 รายล่าสุดที่มีข่าวลือว่าจะวางจำหน่าย Google TV ในอนาคต ตามหลังซัมซุงที่มีข่าวว่าจะเริ่มวางจำหน่าย Google TV ในปี 2011 เช่นกัน

สำหรับวิซิโอนั้นเป็นบริษัททีวีแอลซีดีรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ การลงตลาด Google TV ของวิซิโอจึงได้รับความสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในแง่ของราคาเครื่องที่คาดว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด โซนีประกาศลดราคาเครื่องเล่น Blu-ray ที่รองรับระบบ Google TV ลงจากเดิมที่ขาย 399 เหรียญสหรัฐ เหลือ 299 เหรียญ การลดราคาครั้งนี้ถูกวิจารณ์ว่าผิดวิสัยของโซนี เนื่องจากเครื่องเล่นบลูเรย์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เพิ่งวางขาย ทำให้มีการคาดเดาว่าโซนีอาจไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องของยอดขายได้

มูลค่าหุ้นกูเกิลในขณะนี้มีสูงเกินเสียดฟ้าที่ 594.97 เหรียญสหรัฐ

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

มะกันปิ๊งไอเดีย "911"ยุคดิจิตอล

คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมสหรัฐฯ หรือเอฟซีซี จุดประกายรัฐบาลอเมริกันให้ปรับปรุงบริการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย 911 เพื่อให้เท่าทันยุคดิจิตอลยิ่งขึ้น ชูประเด็นเพิ่มช่องทางรับแจ้งเหตุด้วยการเปิดให้ชาวอเมริกันส่งข้อมูลอื่นๆ เข้าสู่ระบบ 911 ได้ไม่ใช่โทรอย่างเดียว ทั้งข้อความสั้นทางโทรศัพท์มือถือ (SMS) ภาพถ่าย และวิดีโอ คาดจะเริ่มกระบวนการประชาพิจารณ์เพื่อปรับระบบอย่างจริงจังช่วงเดือนธันวาคมนี้

คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมสหรัฐฯให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันกว่า 70% ของการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายในสหรัฐฯที่เบอร์โทรศัพท์ 911 นั้นเป็นการโทรจากโทรศัพท์มือถือ ขณะที่การสำรวจพบว่า ชาวอเมริกันมากกว่า 72% ใช้งานบริการรับส่งข้อความเอสเอ็มเอส ทั้งหมดนี้เป็นความจริงที่ทำให้เอฟซีซีมองว่าถึงเวลาแล้วที่ระบบแจ้งเหตุด่วนแห่งชาติอเมริกันต้องเปลี่ยนแปลง เนื่องจากที่ผ่านมา ประชาชนอเมริกันไม่สามารถส่งข้อความเพื่อขอความช่วยเหลือได้

จูเลียส เกแนโชวสกี้ ประธานเอฟซีซีให้ชื่อเรียกแนวคิดนี้ว่า "Next-Generation 9-1-1" โดยวางแผนให้บริการ 911 ในยุคหน้าสามารถเปิดทางให้ชาวอเมริกันไม่จำเป็นต้องแจ้งเหตุเฉพาะการโทรศัพท์เพื่อส่งเสียงขอความช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว แต่สามารถส่งข้อความเอสเอ็มเอส คลิปภาพวิดีโอ และภาพถ่ายจากโทรศัพท์มือถือเข้าสู่ระบบ 911 ได้

เกแนโชวสกี้ยกกรณีโศกนาฎกรรมยิงกราดนักเรียนในสถาบันเทคโนโลยี Virginia Tech ช่วงปี 2007 ว่าเป็นตัวอย่างสำคัญของผลเสียจากการมีข้อจำกัดในการแจ้งเหตุ โดยเกแนโชวสกี้กล่าวสุนทรพจน์ในศูนย์ Arlington County Emergency Center ว่านักเรียนและพยานหลายรายในโศกนาฎกรรมครั้งนั้นพยายามส่งข้อความถึง 911 ในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่น่าเสียดายที่ข้อความทั้งหมดไม่มีทางส่งถึงเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในศูนย์ 911 จนเกิดเป็นความสูญเสียที่เรียกว่าเป็นบาดแผลของสังคมโลก

เอฟซีซีเชื่อว่าการพัฒนา 911 ยุคหน้าจะช่วยยกระดับความปลอดภัยของอเมริกันชนได้อีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ผู้เคราะห์ร้ายไม่สามารถโทรศัพท์ได้ นอกจากนี้ ข้อมูลคลิปวิดีโอและภาพที่ถูกส่งจากโทรศัพท์มือถือยังเพิ่มเบาะแสที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อการช่วยเหลือที่ทันการณ์ฉับไวยิ่งขึ้น

เกแนโชวสกี้ย้ำว่า ขณะนี้ศูนย์รับร้องเรียน 911 ในสหรัฐฯจำนวนมากยังไม่มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงใช้งาน โดยบางศูนย์ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเข้าไม่ถึง จุดนี้จึงเป็นอีกจุดสำคัญที่เอฟซีซีมองว่าต้องปรับปรุงบนแผน 911 ยุคดิจิตอล

ระบบรับแจ้งเหตุในสหรัฐฯ 911 นั้นก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 1968 ประสบความสำเร็จในการช่วยชีวิตอเมริกันชนมากมาย โดยเอฟซีซีให้ข้อมูลว่า ระบบ 911 นั้นรับเรื่องร้องเรียนฉุกเฉินทางโทรศัพท์มากกว่า 650,000 สายต่อเดือน

สำหรับแผนการพัฒนา Next-Generation 9-1-1 นั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาบรอดแบนด์แห่งชาติ ซึ่งเอฟซีซีมุ่งหวังให้เครือข่ายข้อมูลไร้สายสามารถยกระดับความปลอดภัยของอเมริกันชนให้ได้ภายในปี 2020 โดยรายงานระบุว่า เดือนธันวาคม 53 จะเป็นเดือนที่เอฟซีซีจะนำแผนปฏิบัติการโครงการ Next-Generation 9-1-1 เข้าสู่การทำประชาพิจารณ์อย่างจริงจัง

หลังการนำร่องโครงการของสหรัฐฯ เชื่อว่าศูนย์รับแจ้งเหตุในประเทศอื่นๆทั่วโลกก็จะมีการปรับตัว ซึ่งไม่แน่ว่าอาจรวมถึงศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ในประเทศไทยเช่นกัน

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ลือ! PlayStation Phone อาจเปิดตัว 9 ธันวาคมนี้

ลือ! PlayStation Phone อาจเปิดตัว 9 ธันวาคมนี้ เว็บไซต์ฝรั่งเศสนามว่า nowhereelse.fr ได้เปิดเผยรูปภาพๆ หนึ่งที่ประกอบด้วย ภาพไอคอนปุ่มกดที่อยู่บนคอนโทรลเลอร์ของ PlayStation พร้อมไอคอนโทรศัพท์ และด้านใต้ได้มีข้อความเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า "le jeudi 9 décembre à 20h…" หรือแปลเป็นภาษาไทยคือ "วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม" อีกทั้งในส่วนบนยังแสดงถึงข้อความเชิญชวนร่วมงานเลี้ยงที่จัดโดย Pierre Perron (DG Sony Ericsson France) และข้อความ "‘la présentation la plus attendue de ces 10 dernières années‘ " หรือแปลเป็นไทยว่า "จะมีการนำเสนอสิ่งที่พิเศษที่สุดในรอบ 10 ปี"

โดยจากข้อความดังกล่าวที่ทาง nowhereelse.fr นำมาเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของตนนั้น ทำให้หลายสื่อรวมถึงทีมงานผู้จัดการไซเบอร์ต่างคาดคิดว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม หรืออีกประมาณ 14 วัน ทาง Sony Ericsson อาจมีการเปิดตัวสมาร์ทโฟน PSP Phone (PlayStation Phone) เพราะด้วยการวางสัญลักษณ์ของปุ่ม Play Station และสัญลักษณ์รูปโทรศัพท์มารวมไว้ ผนวกกับข่าวของ PSP Phone ที่เพิ่งปล่อยออกมา ทำให้มีความเป็นไปค่อนข้างสูงมากที่ทาง Sony Ericsson อาจมีการนำ PSP Phone มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานเลี้ยงดังกล่าว

สำหรับสมาร์ทโฟน PSP Phone ในส่วนของสเปกจากข่าวลือตัวเครื่องจะมาพร้อมซีพียู 1GHz Qualcomm MSM 8655 ในส่วนของหน่วยความจำจะให้มา 512MB (RAM) และ 1GB (ROM) รองรับ MicroSD หน้าจอจะมีขนาด 3.7 หรือ 4 นิ้ว และที่สำคัญคือตัว PSP Phone มาพร้อมระบบปฏิบัติการณ์ Android 2.3 (Gingerbread)

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

LG กิมจิปั้นแท็ปเล็ตวินโดวส์ 7 ราคาแรง!

LG กิมจิปั้นแท็ปเล็ตวินโดวส์ 7 ราคาแรง! แอลจี ประเทศเกาหลีเปิดตัวคอมพิวเตอร์กระดานชนวนรุ่น H1000B โดยให้ชื่อว่า "E-Note" (อี-โน้ต) ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7

"E-Note" มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 7 Starter Edition, หน้าจอแสดงผล Capacitive แบบสัมผัส ขนาดกว้าง 10.1นิ้ว (ความละเอียด 1366 x 768พิกเซล), ใช้หน่วยประมวลผล Intel Atom Z510 หรือ Z530 ความเร็ว 1.6GHz, RAM 1GB, ฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ความจุ 16GB รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ 3.0 ไวไฟ 802.11b/g/n ตัวอ่านเอสดีการ์ด และช่องต่อยูเอสบี 2.0 จำนวน 2 ช่อง และมีน้ำหนัก 850กรัม น่าเสียดายที่แอลจีไม่ใส่กล้องถ่ายรูปมาให้ ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติหลักที่แท็บเล็ตแบรนด์อื่นๆ มี

แม้คุณสมบัติที่ให้มาอาจดูไม่โดดเด่นเท่าที่ควร แต่แอลจียังคงยืนยันจะเปิดตัวแท็บเล็ต "E-Note" H1000B ในไม่ช้านี้ โดยจะวางจำหน่ายในราคา 850 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 25,500 บาท

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

เอเซอร์พร้อมชน iPad

เอเซอร์พร้อมชน iPad เอเซอร์ (Acer) ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อันดับ 2 ของโลก ประกาศแผนเปิดตัวคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต 3 รุ่นเพื่อท้าชนเจ้ากระแสอย่างไอแพด (iPad) ของแอปเปิล ลุย 2 ค่ายระบบปฏิบัติการทั้งวินโดวส์ 7 และแอนดรอยด์ ขีดเส้นบุกหนักปีหน้าในราคาต่ำกว่า 400 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 12,000 บาท

เอเซอร์ประกาศเรื่องนี้ในงานประชุมที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระบุว่าจะเริ่มทำตลาดคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตหน้าจอสัมผัสทรงกระดานชนวนของตัวเองตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2011 ประกอบด้วยแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการวินโดวส์เซเว่น (Windows 7) หน้าจอ 10.1 นิ้ว 1 รุ่นพร้อมกล้องดิจิตอลด้านหน้า (คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายได้เดือนกุมภาพันธ์) และอีก 2 รุ่นที่เป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ซึ่งมาพร้อมหน้าจอ 2 ขนาดคือ 7 นิ้วและ 10 นิ้ว (คาดว่าจะเปิดตัวในเดือนเมษายน)

รายงานระบุว่า แท็บเล็ตทั้ง 3 รุ่นจะมาพร้อมความสามารถในการรองรับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สาย WiFi และ 3G โดยนอกจากแท็บเล็ต เอเซอร์มีแผนจะวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์หน้าจอขนาด 4.8 นิ้ว และแล็ปท็อป 2 หน้าจอขนาด 14 นิ้วด้วย

ปัจจุบัน เอเซอร์ถูกมองว่ากำลังหาทางเกาะกระแสแท็บเล็ตให้ได้หลังจากทั่วโลกผันตัวสู่ช่วงขาลงของเน็ตบุ๊ก (netbook) คอมพิวเตอร์พกพาพร้อมคีย์บอร์ดเต็มรูปแบบที่มีราคาประหยัดกว่า ประสิทธิภาพน้อยกว่า และประหยัดพลังงานมากกว่าโน้ตบุ๊กทั่วไป ก่อนหน้านี้ บริษัทคู่แข่งของเอเซอร์อย่างแอปเปิลและซัมซุงนั้นไหวตัวและออกวิ่งนำไปก่อนแล้ว ท่ามกลางเดลล์และเอชพีที่จะร่วมวงไพบูลย์อย่างเป็นทางการในไม่กี่เดือนนับจากนี้

ผลิตภัณฑ์ใหม่ของเอเซอร์ถูกมองว่าเป็นการส่งหมัดตรงเพื่อเขย่าเก้าอี้ไอแพดของแอปเปิลโดยตรง เนื่องจากแม้ซัมซุงจะประกาศยอดจำหน่ายแท็บเล็ตทะลุหลัก 600,000 เครื่องทั่วโลกในเวลาจำหน่ายเพียงเดือนเดียว แต่ก็ยังไม่เท่าแอปเปิลที่สามารถประกาศยอดจำหน่ายไอแพดหลายล้านเครื่องตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยตัวเลขล่าสุดย้ำว่า ไอแพดสามารถครองส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตโลกได้ถึง 95.5% แล้วในขณะนี้

นักวิเคราะห์นั้นมองว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นไปตามทิศทางการเติบโตของมูลค่าตลาดแท็บเล็ตที่เพิ่มขึ้นเป็นหลักพันล้านเหรียญแล้วในขณะนี้ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สวนทางกับมูลค่าตลาดคอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊กซึ่งลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2009 โดยการสำรวจยอดจำหน่ายโน้ตบุ๊กในสหรัฐฯประจำปีนี้พบว่ามีอัตราลดลง 4% ต่อปี

จิม หว่อง ประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศของเอเซอร์ ระบุว่าเอเซอร์ตั้งเป้าจำหน่ายแท็บเล็ตให้ได้ราว 40-50 ล้านเครื่องในปีหน้า (2011) ในระดับราคาต่ำกว่า 400 เหรียญ (ราว 12,000 บาท) ถือเป็นการตั้งราคาที่จงใจให้ต่ำกว่า 499-829 เหรียญ ที่แอปเปิลตั้งไว้เพื่อจำหน่ายไอแพด

แม้จะยังไม่มีข้อมูลคุณสมบัติเครื่องอย่างเป็นทางการในขณะนี้ แต่ข้อมูลที่มีก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้บริโภคซึ่งเป็นสาวกเอเซอร์ ตั้งตารอแท็บเล็ตราคาประหยัดจากเอเซอร์ในปีหน้า

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ได้เวลาอ่านหนังสือพิมพ์บน iPad

ได้เวลาอ่านหนังสือพิมพ์บน iPad กลายเป็นข่าวที่สื่อน้อยใหญ่ในสหรัฐฯให้ความสนใจอย่างมากสำหรับโปรเจกต์ "The Daily" โครงการใหม่ที่มีการอ้างว่าเป็นความร่วมมือระหว่างสตีฟ จ็อบส์ ซีอีโอแอปเปิลผู้ผลิต iPad กับรูเพิร์ต เมอร์ดอช ซีอีโอนิวส์คอร์ปซึ่งเป็นสื่อยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน เนื้อข่าวระบุว่าผลผลิตจากโครงการคือหนังสือพิมพ์รายวันเวอร์ชันเฉพาะสำหรับชาว iPad ที่จะสามารถอ่านได้ทุกวันในราคา 99 เซนต์ต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 4-5 บาทต่อวัน

รายงานจากนิวยอร์กไทมส์ชี้ว่า The Daily จะเป็นหนังสือพิมพ์รายวันชนิดแรกที่มาพร้อมมัลติมีเดียและภาพที่ออกแบบมาเพื่อการแสดงบนคอมพิวเตอร์พกพาทรงกระดานชนวนของแอปเปิลโดยเฉพาะ ซึ่งจะเหนือกว่าหนังสือพิมพ์ออนไลน์ดั้งเดิมที่การจัดวางและลูกเล่นในการนำเสนอที่รองรับการสัมผัสหน้าจอมากกว่า

นิวยอร์กไทมส์ระบุว่า The Daily จะถูกพัฒนาในสำนักงานนิวส์คอร์ปสาขาแมนฮัตตัน บนตัวเลขการลงทุนมากกว่า 30 ล้านเหรียญ ท่ามกลางทีมงานราว 100 คน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความสามารถหลากหลายทั้งด้านดนตรี การผลิตทีวี งานข่าว และนานางานคอนเทนต์

สำนักข่าวอเมริกันอ้างแหล่งข่าววงในว่า ผู้ใช้ iPad จะสามารถรับบริการหนังสือพิมพ์รายวันเวอร์ชันพิเศษในราคาค่าบริการราว 0.99 เหรียญต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 4.25 เหรียญต่อเดือน (ราว 30 บาทต่อสัปดาห์ และ 130 บาทต่อเดือน) โดยเบื้องต้น เชื่อว่า The Daily เวอร์ชันทดลองจะสามารถเริ่มชิมลางสู่มือผู้บริโภคในเดือนธันวาคมนี้

ข้อมูลจากสำนักข่าว Women's Wear Daily ระบุว่า The Daily จะมีเนื้อหาครอบคลุมข่าวในประเทศสหรัฐอเมริกา ลักษณะเด่นจะเหมือนหนังสือแท็บลอยด์ดิจิตอลที่อ่านง่ายและสนุกเพลิดเพลิน โดยอาจมาในรูปแอปพลิเคชันแยกเดี่ยวให้ผู้บริโภคดาวน์โหลดไปใช้งาน คาดว่า The Daily เวอร์ชันเต็มจะสามารถเปิดตลาดได้ในปี 2011

ก่อนหน้านี้ เมอร์ดอชเคยให้สัมภาษณ์ว่า The Daily คือโครงการที่น่าตื่นเต้นอันดับ 1 ซึ่งจะเป็นโครงการเรือธงสำหรับนิวส์คอร์ป ความเห็นนี้ไม่น่าแปลกใจหากนิวส์คอร์ปจะมอง iPad เป็นเค้กก้อนใหญ่ที่นำรายได้จากกระเป๋าผู้บริโภคมาสู่ธุรกิจงานข่าว เนื่องจากที่ผ่านมา แอปเปิลสามารถพิสูจน์ตัวเองให้วงการสื่อมวลชนเห็นว่าสามารถทำเงินได้จริง

ตัวอย่างเช่นแอปพลิเคชันของหนังสือพิมพ์วอลสตรีทเจอร์นอล (Wall Street Journal) บน iPad ที่สามารถสร้างเม็ดเงินจากโมเดลสมัครสมาชิกได้เป็นกอบเป็นกำ ขณะเดียวกัน นิวส์คอร์ปก็มีสัมพันธ์อันดีกับแอปเปิล โดยรายงานก่อนหน้านี้ชี้ว่าเมอร์ดอชตกลงให้แอปเปิลจำหน่ายรายการทีวีโชว์ของสถานี Fox TV บนร้าน iTunes ในราคา 99 เซ็นต์ต่อ 1 ตอนแล้ว

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่า The Daily จะรองรับเฉพาะ iPad อย่างเดียวหรือไม่ โดยสื่อต่างประเทศเชื่อว่า The Daily น่าจะสามารถใช้งานกับอุปกรณ์แท็บเล็ตค่ายอื่นได้ด้วย ในเบื้องต้นเชื่อว่าจะสามารถโกยผู้ใช้งานในสหรัฐฯมากกว่า 100,000 คนในเวลาไม่นาน บนยอดเม็ดเงินสะพัดมากกว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ

เหนืออื่นใด The Daily จะทำให้ iPad กลายเป็นอุปกรณ์ที่ทวีความท้าทายเครื่องอ่านอีบุ๊กอย่าง Kindle หรือ Nook ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ไม่สามารถแสดงภาพเคลื่อนไหวได้ยิ่งขึ้น และหาก The Daily ประสบความสำเร็จ วงการสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั้งในอเมริกาและทั่วโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แน่นอน

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ลือ! แอปเปิลเตรียมปล่อย iOS 4.3 ช่วงเดือนธันวาคม

ลือ! แอปเปิลเตรียมปล่อย iOS 4.3 ช่วงเดือนธันวาคม
iOS 4.2 เพิ่งคลอดให้ดาวน์โหลดไปเมื่อไม่กี่วัน ล่าสุด MacStories ได้ปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับ iOS 4.3 ที่ทางแอปเปิลอาจปล่อยให้อัปเดตในช่วงเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้

โดยในส่วนของรายละเอียด iOS 4.3 ทาง MacStories ได้รายงานคร่าวๆ (ยังไม่ได้รับการยืนยันความถูกต้องจากแอปเปิล) ว่า ความจริงแล้วทางแอปเปิลตั้งใจจะคลอด iOS 4.3 ในช่วงประมาณวันที่ 13 ธันวาคมเพื่อแก้ไขปัญหาความผิดพลาดที่พบใน AirPlay บน iOS 4.2 และอาจเพิ่มการรองรับ Newspaper บน iPad แต่ด้วยเรื่องไม่คาดคิดจากปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อ WiFi บน iPad ใน iOS 4.2 ทำให้ตารางการปล่อย iOS ตัวต่างๆ ต้องถูกปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็ยังไม่มีความแน่นอนว่า iOS 4.3 จะพร้อมให้อัปเดตในช่วงไหนของเดือนธันวาคม ซึ่งงานนี้คงต้องรอข่าวยืนยันจากแอปเปิ้ลอีกทีหนึ่ง
ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Acer เผยโฉม Tablet จอ 7 นิ้ว และ 10.1 นิ้ว

Acer เผยโฉม แอนดรอยด์แท็บเล็ต พร้อมกัน 2 รุ่น คือ ขนาดจอแสดงผล กว้าง 7 นิ้ว และ ขนาดจอแสดงผลกว้าง 10.1 นิ้ว (ยังไม่เผยชื่อรุ่น) เตรียมวางจำหน่ายประมาณเดือนเมษายนปี 2011, Acer Tablet ในรุ่นหน้าจอ 10.1 นิ้ว มีความบาง 13.3 มิลลิเมตร มากับหน่วยประมวลผล Dual-core เร็ว 1 GHz กล้องถ่ายรูป ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รองรับการเชื่อมต่อ HDMI จอแสดงผล ความละเอียด 1280 x 800 พิกเซล ระบบสัมผัสมัลติทัช และ รองรับเซนเซอร์ Gyroscope เพิ่มความสมจริงในการเล่นเกมส์, Acer Tablet ในรุ่นหน้าจอ 7 นิ้ว มากับหน่วยประมวลผล Dual-core เร็ว 1.2 GHz รองรับเครือข่าย 3G การเชื่อมต่อ Wi-Fi เทคโนโลยี DLNA และ สนับสนุน Flash 10.1
Acer เผยโฉม Tablet จอ 7 นิ้ว และ 10.1 นิ้ว
ที่มา siamphone

เอเซอร์โชว์หมัดเด็ด เปิดตัวแล็บท็อป 2 หน้าจอ

"เอเซอร์" ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก โชว์ของเด็ดหวังใช้เป็นอาวุธฟาดฟันคู่ต่อด้วยการเปิดตัวแท็บเล็ตระบบปฏิบัติวินโดวส์ 7, แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.0 ชูอาวุธเอกด้วยโน๊ตบุ๊ก 2 หน้าจอขนาด 14 นิ้ว ที่มีชื่อเรียกว่า "ไอโคเนีย (Iconia)"

ไอโคเนีย ถูกเปิดตัวขึ้นครั้งแรกเมื่อวันอังคาร (23 พ.ย.53) ที่ผ่านมา มีความโดดเด่นอยู่ที่การออกแบบตัวเครื่องให้มีความสะดุดตามากยิ่งขึ้น เมื่อเปิดฝาพับขึ้นผู้ใช้งานจะกับหน้าจอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 1366 x 468 พิกเซล ส่วนแผงคีย์บอร์ดด้านล่างที่พวกเราคุ้นเคยจะถูกเปลี่ยนเป็นหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว ที่จะแสดงผลคีย์บอร์ดแบบ QWERTY เมื่อผู้ใช้ต้องการพิมพ์เอกสาร
สเปกภายใน "ไอโคเนีย" นั้นใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-480, RAM DDR3 4GB, ฮาร์ดดิสก์ 640 กิกะไบต์, แบตเตอรี 4เซลล์ และระบบปฏิบัติการ Windows 7 แต่เอเซอร์ไม่มีการพูดถึงกล้องเว็บแคมความละเอียดสูง และการรองรับ 3G นอกจากนี้ยังมีช่องต่อ VGA และ HDMI รองรับการเชื่อมต่อไวไฟ 802.11b/g/n, บลูทูธ 3.0 และช่องต่อ ยูเอสบี 3 ช่อง และยูเอสบี 3.0 1 ช่อง

ในเวลาเดียวกัน เอเซอร์ยังได้มีการเผยโฉมคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชัน 3.0 (Honeycomb) 2 รุ่นคือรุ่นหน้าจอ 7 นิ้ว และ 10 นิ้ว ทั้งคู่มีหน้าจอความละเอียด 1280x800 พิกเซล และรองรับโปรแกรม Flash Player 10.1

นอกจากนี้ยังมีสมาร์ทโฟน ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ที่มีหน้าจอแสดงผลขนาด 4.8 นิ้ว ความละเอียด 1024x480 พิกเซล แต่ไม่มีการพูดถึงกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, การเชื่อมต่อ DLNA และ ระบบเสียง Dolby Digital บนโทรศัพท์มือถือ อย่างที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้

สำหรับสินค้าที่นำมาเปิดตัวในวันนี้ เอเซอร์ระบุว่าในส่วนของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์จะวางจำหน่ายในเดือนเมษายน ปี 2011 ในขณะที่แท็บเล็ตระบบปฏิบัติการวินโดวส์จะวางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ 2011
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Nokia เปิดตัว Nokia C5-03 สมาร์ททัชโฟน 3.5G


โนเกียเปิดตัว Nokia C5-03 สมาร์ททัชโฟนมีสไตล์ที่มาพร้อมความสะดวกสบายด้วย Wi-Fi และการเชื่อมต่อสัญญาณมือถือความเร็วสูง 3.5 G ในราคาเบา เบา เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย พร้อมสนุกกับแอพพลิเคชั่นหลากหลายสำหรับคนไทย
Nokia C5-03 เป็นอุปกรณ์สื่อสาร 3.5G เครื่องเพรียวบางพร้อมกล้อง 5 mp หน้าจอหลักสามารถปรับเปลี่ยนได้และเชื่อมสู่บัญชีรายชื่อผู้ติดต่อ อีเมล์ และแอพพลิเคชั่นต่างๆ บน Ovi Store ได้อย่างง่ายดาย มาพร้อมหลากหลายแอพพลิเคชั่นที่พัฒนาขึ้นเพื่อคนไทยไม่ว่าจะเป็น สนุก! โมบาย บริการท่องเว็บไซต์สนุกดอทคอมผ่านมือถือ Spelling Bee โปรแกรมฝึกทักษะการสะกดคำศัพท์ภาษา อังกฤษจากนิตยสารภาษาอังกฤษยอดนิยมของเยาวชน Nation Junior และเกมส์ก้านกล้วย การต่อสู้ของช้าง ‘ก้านกล้วย’ และ ‘งวงแดง’ ที่สร้างสรรค์จากภาพยนตร์ “ก้านกล้วย” แอนิเมชั่น 3 มิติชื่อดังของไทย
Nokia C5-03 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟน Symbian ในรูปลักษณ์สวยงามมีสไตล์ ยังได้นำแผนที่พร้อมระบบนำทางด้วยเสียง และ Ovi mail มาให้บริการฟรี โดยแผนที่ Ovi เวอร์ชั่นล่าสุด (ให้บริการในเบื้องต้นผ่าน Nokia Beta Labs) ได้เพิ่มข้อมูลระบบขนส่งสาธารณะ และฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถ check in เพื่อระบุตำแหน่งปัจจุบันบนสังคมออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือ Ren Ren ผู้ใช้ Nokia C5-03 ยังสามารถตั้งค่า Ovi Mail ซึ่งเป็นอีเมล์ฟรีจากโนเกียได้อย่างง่ายดาย รวมถึงอีเมล์อื่นๆ เช่น Yahoo Mail, Windows Live Hotmail เป็นต้น
Nokia C5-03 จะวางจำหน่ายในเดือนธันวาคมนี้ ในราคา 7,490 บาท มีหลากหลายสีสันให้เลือก สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Nokia C5-03 ได้ที่โนเกียแคร์ไลน์ 02-255-2111 หรือ www.nokia.co.th
Nokia เปิดตัว Nokia C5-03 สมาร์ททัชโฟน 3.5G
ที่มา http://www.igadgety.com/?p=6625

เครื่องพิมพ์ภาพถ่ายจาก iPhone

เครื่องพิมพ์ภาพถ่ายที่ได้รับการออกแบบให้รองรับการพิมพ์จาก iPhone โดยเฉพาะ โดย Bolle BP-10 Photo Printer จะมาพร้อมกับคอนเน็คเตอร์ที่สามารถเชื่อมต่อกับ iPhone เพื่อสั่งพิมพ์ผ่านแอพฯ Bolle Photo ได้โดยตรง Bolle BP-10 Photo Printer เครื่องพิมพ์ที่ทำงานร่วมกับแอพพลิเคชัน Bolle Photo บน iPhone โดยผู้ใช้สามารถถ่ายรูป พร้อมทั้งใส่เอฟเฟกต์เข้าไปในภาพผ่านแอพฯดังกล่าว จากนั้นต่อ iPhone เข้ากับเครื่องพิมพ์ Bolle BP-10 แล้วคลิกปุ่ม Print รอแค่อึดใจ ภาพถ่ายชนาด 4″x6″ จะถูกพิมพ์ออกมาที่ช่องด้านหน้าเครื่อง สนนราคาเครื่องอยู่ที่ 191 เหรียญฯ หรือประมาณ 5,720 บาท
ที่มา Arip

iPad รุ่นใหม่ ฝังซิมการ์ดในตัว

แม้ที่ผ่านมาแอปเปิลจะออกมาประกาศว่าบริษัทจะล้มเลิกความคิดการฝังซิมการ์ดลงใน iPhone แต่ล่าสุดมีข่าวลือออกมาว่าบริษัทกำลังเตรียมผลิต iPad ที่มาพร้อมซิมการ์ดในตัว

หนังสือพิมพ์ The Telegraph เมืองผู้ดีรายงานว่า แอปเปิลเตรียมผลิต iPhone 4 และ iPad ที่มีการฝังซิมการ์ดไว้ภายในตัวออกมาวางจำหน่ายบนท้องตลาด โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้ผู้ซื้อใช้งานบนเครือข่ายผู้ให้บริการตนโดยตรง แทนการซื้อเครื่องเปล่ามาใส่ซิมการ์ดเครือข่ายอื่น

โดยแอปเปิลมีแผนจะเปิดตัว iPad รุ่นใหม่ก่อนเทศกาลคริสมาสต์ที่จะมาถึง หรืออย่างช้าช่วงต้นปี 2011 หลังจากเคยเปิดตัว iPad รุ่นแรกในช่วงปลายเดือนมกราคม 2010
iPad รุ่นใหม่ ฝังซิมการ์ดในตัว
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

กูเกิลเสนอซื้อทวิตเตอร์ 2.5-4 พันล.ดอลล์

หลังจากมีข่าวว่ากูเกิล (Google) ต้องการซื้อบริการรับส่งบล็อกสั้นทวิตเตอร์ (Twitter) ตั้งแต่ช่วงก่อนสงกรานต์ ล่าสุด แหล่งข่าวนิรนามรายหนึ่งระบุว่ากูเกิลเสนอราคาซื้อหุ้นทวิตเตอร์สูงถึง 2,500 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 75,000 ล้านบาท ขณะที่อีกรายหนึ่งระบุว่ากูเกิลใจป้ำเสนอราคาถึง 4,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 120,000 ล้านบาท

รายงานจากซิลิกอนวัลเลย์อินไซเดอร์ย้ำว่า ราคาเสนอซื้อหลายพันล้านเหรียญนี้ยังไม่มีความชัดเจนและยังไม่ใช่ราคาเสนอซื้ออย่างเป็นทางการแน่นอน เนื่องจาก 2 ตัวเลขนี้มีความต่างกันมาก โดยตัวเลข 2,500 ล้านเหรียญมาจากแหล่งข่าวที่เป็นผู้บริหารซึ่งอ้างว่าเป็นผู้รู้เห็นในการเจรจา ขณะที่ตัวเลข 4,000 ล้านเหรียญเป็นตัวเลขจากแหล่งข่าวผู้ถือหุ้นทวิตเตอร์ ซึ่งระบุว่าทวิตเตอร์ไม่ยอมรับข้อเสนอ 4 พันล้านเหรียญเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว (กรกฏาคม 53) โดยที่แหล่งข่าวไม่มีข้อมูลว่าเป็นการเสนอซื้อโดยใคร

แหล่งข่าวทั้ง 2 คาดว่าไมโครซอฟท์ได้ร่วมเสนอราคาซื้อทวิตเตอร์ด้วย จุดนี้รายงานวิเคราะห์ว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผล เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่กูเกิลต้องการปกป้องไม่ให้ทวิตเตอร์ตกไปอยู่ในมือไมโครซอฟท์ จึงเสนอราคาซื้อไว้แทน

ก่อนหน้านี้ ทวิตเตอร์เคยประกาศว่ากำลังอยู่ระหว่างการเพิ่มทุนปฏิบัติการอีก 3,000 ล้านเหรียญ ใกล้เคียงกับตัวเลขเสนอซื้อกิจการ 4,000 ล้านเหรียญ

ข่าวการแย่งกันเสนอซื้อทวิตเตอร์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ถือเป็นสัญญาณความสำเร็จของบริษัทเกิดใหม่อย่างทวิตเตอร์ บริการที่เปิดให้ผู้ใช้สามารถบอกเล่าความเป็นไปใน ขณะนั้นได้ในรูปเว็บล็อกความยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษรแก่เพื่อนในกลุ่ม ผู้ใช้สามารถส่งข้อความว่ากำลังทำอะไรที่ไหนอย่างไรไปยังคอมพิวเตอร์ของ เพื่อนที่ออนไลน์อยู่ในขณะนั้น ได้รับความนิยมมากเนื่องจากความสะดวกในการติดต่อข่าวสารระหว่างคนในกลุ่มแบบรวดเร็วทันใจและไม่มีค่าใช้จ่าย เว้นแต่จะเป็นการส่งข้อความสู่โทรศัพท์มือถือ

อย่างไรก็ตาม การเจรจาระหว่างกูเกิลและทวิตเตอร์อาจไม่ใช่การซื้อขายบริษัทก็ได้ และเป็นไปได้ว่าทั้งสองอาจสนใจทำงานร่วมกันเพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจของกันและกัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์อย่างบิซ สโตน (Biz Stone) เคยกล่าวเมื่อกุมภาพันธ์ 53 ว่าต้องการเป็นพันธมิตรกับหลายบริษัท และยังไม่มีความคิดที่จะขายบริษัทในขณะนี้

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

เคสพร้อมคีย์บอร์ด QWERTY สำหรับ iPhone 4

สำหรับสุดยอดสมาร์ทโฟนอย่าง iPhone 4 สิ่งที่ขาดหายไปตอนนี้ก็คือแป้นพิมพ์ QWERTY ที่จะช่วยให้การพิมพ์ข้อความเป็นเรื่องง่าย และ ให้ความรู้สึกที่ดีกว่าการพิมพ์บนจอแสดงผล หลายคนฝันว่า Apple จะออก iPhone 4 Pro หรือ iPhone 5 ที่มาพร้อมคีย์บอร์ด ถึงขนาดมีภาพวาดกราฟฟิคออกมายั่วน้ำลายอยู่ตลอดๆ แต่ตอนนี้ผู้ใช้ iPhone 4 ทั้งหลาย สามารถเพิ่มคีย์บอร์ด QWERTY ให้กับ iPhone 4 ของตัวเองได้แล้ว ด้วยเคส Keyboard Buddy iPhone 4 Case ออกแบบมาให้สวมใส่ได้พอดีกับ iPhone 4 โดยเฉพาะ มาพร้อมคีย์บอร์ด QWERTY แบบสไลด์จากด้านข้าง ติดตั้งอยู่ด้านหลังตัวเครื่อง เชื่อมต่อกับ iPhone 4 ผ่านบลูทูธ (Bluetooth 2.0) เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่เน้นสนทนารูปแบบแชท หรือ เขียนข้อความส่ง Email วางจำหน่ายทางออนไลน์ราคาประมาณ 2,100 บาท

เคสพร้อมคีย์บอร์ด QWERTY สำหรับ iPhone 4
ที่มา siamphone

MiLi Power Angel แบตเตอรี่เสริมสำหรับ iPod และ iPhone

MiLi Power Angel แบตเตอรี่เสริมภายนอก มาพร้อมขาตั้งวางตัวเครื่อง เชื่อมต่อเข้าไปทางช่องเสียบของ iPod หรือ iPhone ก็สามารถเติมแบตเตอรี่ได้ทันที ให้ความเพลิดเพลินในการรับชมวีดีโอ ฟังเพลงเล่นเกมส์ และความบันเทิงอีกมายมาย เป็นไปอย่างไม่สะดุด แบตเตอรี่มีความจุ 1200 mAh มีไฟ LED แสดงระดับพลังงานแบตเตอรี่ ต่อสาย USB เข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อชาร์จพลังงานให้ MiLi Power Angel ใช้งานได้กับ iPhone รุ่น 2G, 3G, 3Gs, iPod และ iPod Touch มีให้เลือก 6 สี จำหน่ายในราคา 990 บาท
คุณสมบัติ MiLi Power Angel
รองรับ iPhone รุ่น 2G, 3G, 3Gs, iPod และ iPod Touch
แบตเตอรี่ความจุ 1200 mAh พร้อมขาตั้ง
จ่ายกระแสไฟเข้า/ออก สูงสุด 5V/0.5A
ระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่ 3 ชั่วโมง
ระยะเวลาเปิดเครื่องรอการใช้งาน 270 ชั่วโมง
ขนาดอุปกรณ์ 61.7 x 54 x 13.2 มิลลิเมตร
มีไฟ LED 4 ดวง แสดงระดับพลังงานแบตเตอรี่
ช่องเสียบสายชาร์จแบบ Mini USB

MiLi Power Angel แบตเตอรี่เสริมสำหรับ iPod และ iPhone
ที่มา siamphone

ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์จากประเทศจีนทำมะกันจ๋อย "จีน"ผงาดแชมป์คอมพ์โลก

เทียนเหอ-1 ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์จากประเทศจีนที่สามารถประมวลผลได้ถึง 2,570 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที
เรียบร้อยโรงเรียนจีนจนได้เมื่อการสำรวจเพื่อจัดอันดับความเร็วซูเปอร์คอมพิวเตอร์โลกครั้งล่าสุดพบว่า ซูเปอร์คอมพ์จากจีนสามารถเขี่ยเพื่อนร่วมสายพันธุ์จากสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ และผงาดขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในฐานะคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วสูงสุดในโลกอย่างเป็นทางการ

เทียนเหอ-1 (Tianhe-1) ซึ่งมีความหมายว่าทางช้างเผือก ได้รับการการันตีว่าสามารถประมวลผลได้ถึง 2,570 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที (มีศูนย์ตามมาอีก 12 ตัว) ตัวเลขนี้ทำให้เทียนเหอ-1กลายเป็นอันดับหนึ่งของสำรวจโดยกลุ่ม Top 500 (www.top500.org) ซึ่งทำการสำรวจและจัดอันดับความเร็วซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วโลกมาตลอด

อดีตแชมป์อย่าง Jaguar ซูเปอร์คอมพ์อเมริกันที่ติดตั้งในหน่วยงานราชการสหรัฐฯในรัฐเทนเนสซีจึงตกไปอยู่อันดับ 2 ในขณะนี้ ด้วยสถิติความเร็วในการประมวลผล 1,750 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที

ปัจจุบัน เทียนเหอ-1 ถูกติดตั้งในศูนย์ซูเปอร์คอมพิวติงแห่งชาติจีนในเขตเทียนจิน ซึ่งแม้จะได้ชื่อว่าเป็นสัญชาติจีนเต็มตัว แต่หน่วยประมวลผลที่อยู่ภายในเครื่องส่วนใหญ่ก็ยังเป็นชิปที่ผลิตโดยบริษัทอเมริกัน เช่น ซีพียูจากอินเทล (Intel) และเอ็นวิเดีย (Nvidia)

นอกจากเทียนเหอ-1 ซูเปอร์คอมพ์สัญชาติจีนนามเนบิวเล (Nebulae) ซึ่งถูกใช้งานอยู่ที่ศูนย์ซูเปอร์คอมพิวติงแห่งชาติจีนในเมืองเซินเจิน ทางใต้ของจีนก็ถูกจัดให้เป็นซูเปอร์คอมพ์ที่มีความเร็วสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก

อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯก็ยังถือเป็นประเทศมหาอำนาจในโลกซูเปอร์คอมพิวเตอร์ต่อไป เนื่องจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์มากกว่าครึ่งหนึ่งในอันดับโลก Top 500 ถูกบันทึกว่ามาจากสหรัฐฯ นำหน้าจีนซึ่งกวาดไป 42 อันดับในรายการ ตามมาด้วยญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สหรัฐฯถูกชิงมงกุฎไปสำเร็จโดยประเทศในเอเชีย เนื่องจากญี่ปุ่นนั้นเคยครองแชมป์ทำเนียบซูเปอร์คอมพ์โลกมาแล้วในปี 2002 โดยเป็นซูเปอร์คอมพ์ที่ถูกระบุว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าซูเปอร์คอมพ์อเมริกัน 20 ตัวในยุคนั้นรวมกัน

ทำเนียบซูเปอร์คอมพ์ Top 500 นั้นมีการจัดอันดับ 2 ครั้งต่อปี โดยการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญสัญชาติเยอรมนีและอเมริกัน เพื่อจัดอันดับซูเปอร์คอมพ์ความเร็วสูงที่นานาประเทศมักสร้างขึ้นเพื่อรองรับการประมวลผลที่ต้องการทรัพยกรสูงมาก เช่นในงานพยากรณ์อากาศ การทดสอบทางอวกาศ การคำนวณทางวิทยาศาสตร์ และการวิจัยในห้องปฏิบัติการที่ซับซ้อน เป็นต้น

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

แอปเปิ้ลเลื่อนอัปเดต iOS 4.2 ออกไป

Breaking News - หลังจากเดิมทีแอปเปิ้ลมีกำหนดคลอดซอฟท์แวร์อัปเดต iOS 4.2 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่แล้วแอปเปิ้ลก็ปล่อยให้ลูกค้ารอเก้อ เพราะเมื่อมีผู้ทดสอบ iOS 4.2 เวอร์ชั่น Gold Master (GM) สำหรับนักพัฒนาพบกับปัญหาการเชื่อมต่อ WiFi บน iPad ทำให้ทางแอปเปิ้ลจำเป็นต้องแก้ปัญหาและนำ iOS 4.2 GM ตัวที่ 2 ส่งให้นักพัฒนาเหล่านั้นได้ทดสอบอีกครั้ง ทำให้ตัว iOS 4.2 เวอร์ชั่นจริงที่จะวางจำหน่ายต้องถูกเลื่อนไปจนถึงวันที่ 24 พฤศจิกายนโดยประมาณ

ในส่วนลูกเล่นที่จะถูกเพิ่มเข้ามาใน iOS 4.2 สำหรับ iPad ได้แก่ เพิ่มคีย์บอร์ดภาษาไทย, Multi-Tasking, ความสามารถในการสร้างโฟลเดอร์, AirPrint, AirPlay, Game Center, ระบบค้นหาแบบใหม่ใน Safari และความสามารถในการเพิ่ม-ลด เสียง, ปรับแสงสว่างของหน้าจอได้ทันทีบน Task Bar

ส่วน iOS 4.2 สำหรับ iPhone, iPod Touch ได้แก่ Youtube ได้รับการปรับปรุงให้สามารถโหวตได้, Facetime สามารถกดที่หน้า Messages ได้, ความสามารถในการเพิ่ม-ลด เสียงรวมถึงความสามารถในการปรับความสว่างหน้าจอได้ทันทีบน Task Bar รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำหรับ iPhone 3G

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Gear4 จัดเคสอุปกรณ์เสริม iPhone 4 สำหรับคนชอบ Angry Birds

คงเป็นเพราะเห็นเกม Angry Birds ขายดิบขายดี ทาง Gear4 เลยจับกระแสด้วยการทำเคสสำหรับ iPhone 4 ออกมาขายซะเลย ซึ่งใน 3 ลายแรกที่ออกมานี้ ประกอบด้วยลาย King pig ลาย red bird และ yellow bird ซึ่ง คาดว่าจะวางจำหน่ายในอังกฤษเดือนพฤศจิกายนนี้ บนเว็บไซต์ O2 ส่วนในสหรัฐฯ หาซื้อได้ผ่านเว็บไซต์ HMV ส่วนราคาก็อยู่ที่ราว 25 เหรียญสหรัฐ
ที่มา ipodnn

LUMIX Phone ใหม่ล่าสุดประมวลผลภาพไม่ถึง 1 วินาที

หลังจากเปิดตัวอย่างคึกคักในงาน CEATEC 2010 ที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ล่าสุด Panasonic LUMIX Phone สมาร์ทโฟนลูกผสมกล้องดิจิตอลจากพานาโซนิกที่ถูกการันตีว่าใช้เวลาประมวลผล ภาพไม่ถึง 1 วินาทีนั้นจะเริ่มชิมลางตลาดกับโอเปอเรเตอร์เบอร์รองในญี่ปุ่นในชื่อ SoftBank 001P ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ก่อนจะวางจำหน่ายบนเครือข่ายของโอเปอเรเตอร์เบอร์หนึ่งในญี่ปุ่นอย่าง NTT DoCoMo ต่อไป
Lumix Phone เป็นชื่อที่ถูกตั้งขั้นเพื่อประกาศความสามารถด้านกล้องดิจิตอลที่ไม่แพ้ กล้องตัวจริงตระกูลลูมิกซ์ของพานาโซนิก ตัวโทรศัพท์มาพร้อมเซ็นเซอร์ภาพ CMOS ความละเอียด 13.2 ล้านพิกเซล ความละเอียดภาพสูงสุดกู่บนโทรศัพท์มือถือได้รับการการันตีว่าจะไม่มีผลทำให้ เครื่องประมวลผลภาพแต่ละภาพล่าช้า โดยพานาโซนิกคุยว่าหน่วยประมวลผลภาพเทคโนโลยี Panasonic Mobile VenusEngine Image จะทำให้การแสดงภาพ 1 ภาพนั้นกินเวลาเพียง 0.9 วินาทีเท่านั้น ลูมิกซ์โฟนสามารถถ่ายภาพวิดีโอความละเอียดสูง 720P มีฟังก์ชันการทำงานนานาชนิดที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ถ่ายภาพได้โดยไม่ต้อง ตั้งค่ายุ่งยาก มาพร้อมหน้าจอ VGA ขนาด 3.3 นิ้ว สามารถรับสัญญาณระบบโทรทัศน์ดิจิตอลความเร็วสูง OneSeg รองรับเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi, HSDPA, GPS และ Bluetooth ลูมิกซ์โฟนมีหน่วยความจำภายใน 300MB รองรับ MicroSD Card ขนาดเครื่องค่อนข้างยาว 116×52×17.7 มม น้ำหนัก 146 กรัม การใช้ชื่อกล้องลูมิกซ์มาเป็นแบรนด์โทรศัพท์มือถือของพานาโซนิกนั้นได้รับ ความสนใจจากตลาดอย่างมาก เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณที่ชี้ว่าเซ็นเซอร์ถ่ายภาพขนาดใหญ่กำลัง จะถยอยติดตั้งลงในโทรศัพท์มือถืออย่างจริงจังในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมา ลูมิกซ์แสดงจุดยืนชัดเจนว่าเป็นกล้องคอมแพคที่มีความสามารถอัตโนมัติหลาก หลายเพื่อการอำนวยความสะดวกแก่ตากล้องที่นิยมวัฒธรรม”เล็งแล้วถ่าย” ทั้งหมดทำให้เชื่อว่าลูมิกซ์โฟนในอนาคตก็จะมีคุณสมบัติโหมดการถ่ายภาพที่โดด เด่นยิ่งขึ้นเช่นกัน
ที่มา Manager

การ์มิน-อัสซุสเอ10

กระแสสมาร์ทโฟน หรือโทรศัพท์มือถืออัจฉริยะที่รับจ๊อบหลายชิ้น ทั้งรับ ส่งอีเมล เขียน อ่านเอกสาร นำทางด้วยเทคโนโลยีรับสัญญาณดาวเทียมจีพีเอส ที่กำลังมาแรงขณะนี้ ก่อนไปแย่งซื้อยี่ห้อใด ควรไตร่ตรองให้ดีว่า ที่ต้องการจากเครื่องคืออะไร เพราะบางอย่าง บางยี่ห้อก็เจ๋งไม่พอ โดยเฉพาะถ้าเจ้านั้นไม่มีพันธมิตรที่ชำนาญการทำซอฟต์แวร์

เช่น ถ้าต้องการระบบนำทางอัตโน มัติด้วยดาวเทียมจีพีเอส นอกจากพิจารณาความสามารถการรับสัญญาณ ต้องดูด้วยว่า เอาแผนที่จากไหนมาใช้ เพื่อป้องกันความผิดพลาดโดยเฉพาะคนที่จำทางกลับบ้านไม่ค่อยแม่น

การ์มิน-อัสซุส (Garmin-Asus) เป็นยี่ห้อที่ไม่ต้องอธิบายกับนักเล่นจีพีเอส นัก เพราะการ์มินอยู่กับวงการอุปกรณ์ดาวเทียมมานานกว่า 20 ปี ระบบแผนที่จึงไว้ใจได้ว่าไม่พาไปหลงทิศผิดทางที่ไหน

สมาร์ทเนวิเกเตอร์โฟน การ์มิน- อัสซุส รุ่น เอ10 เป็นสมาร์ทโฟนที่ควบรวมเอาระบบนำทางระดับพรีเมียมเข้าไว้ด้วยกัน มีความโดดเด่นกว่าด้วยความสามารถการ นำทางแบบการเดินเท้า หรือ “วอล์กกิ้ง โหมด” ไม่ใช่ใช้ได้กับรถยนต์อย่างเดียว ทั้งยังมีเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ ที่เหมาะกับการเดินทางในเมืองระบบที่ว่าไม่ได้มีไว้โม้ แต่เป็นการแสดงถึงความมั่นใจในความละเอียดแม่นยำของแผน ที่เพราะถ้าทำไม่ดีมีหวังพาเดินหลงกันหมด

จากการทดลองใช้กับรถยนต์ ยอมรับว่าเชื่อถือแผนที่ได้พอสมควร การรับสัญญาณรวดเร็ว แสดงภาพแบบสามมิติ ถึงจุดต้องเลี้ยวก็แจ้งได้ทัน ที หากไม่ขับในเส้นทางที่เครื่องกำหนด ก็ไม่เซ้าซี้ ให้รำคาญ แต่จะเตือนแค่รอบเดียวแล้วสร้างเส้นทางใหม่ให้

ถ้าเลือกระบบนำทางบนไฮเวย์ จะแสดงป้ายทางออกบนทางด่วน 3 ป้ายล่วงหน้า ช่วยให้ตัดสินใจเลือกเส้นทางถูกต้องมากขึ้น ไม่เก้ ๆ กัง ๆ ให้คันหลัง หงุดหงิด

มีสถานที่ที่น่าสนใจแสดงผลด้วยไอคอนขนาดใหญ่มากกว่า 450,000 จุด

เมื่อติดตั้งตัวเครื่องเข้ากับฐานตรงกระจกหน้ารถ จะเปลี่ยนโหมดเป็นระบบนำทางโดยอัตโนมัติ และบันทึกตำแหน่งจีพีเอสล่าสุดไว้เมื่อถอดออกจากฐาน เพื่อหาตำแหน่งที่จอดรถครั้งสุดท้ายได้อย่างง่ายดาย

หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 3.2 นิ้ว โดยมีหน่วยความจำในตัวสูงถึง 4 กิ๊ก แรม 512 เมกะไบต์ การเลื่อนใช้งานทำได้ง่าย แต่ช่วงแรกเปลี่ยนมืออาจต้องปรับน้ำหนักลากนิ้วสักพัก หลังจากนั้นจะเลื่อนคลิกได้คล่อง

แบตเตอรี่ใช้ได้นานต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ถือเป็นการพัฒนาที่น่าทึ่งไม่น้อย

ระบบปฏิบัติการเป็นแอนดรอยด์ ซึ่งกำลังมาแรง ผู้ใช้ที่เพิ่งเปลี่ยนจากแบบอื่นเริ่มต้นได้ง่าย ไม่ต้องเรียนรู้นาน

กล้องถ่ายรูปความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ออโตโฟกัส ถ่ายง่าย ขยายภาพได้คมชัดตามสมควร

เทียบราคาจำหน่ายกับสมาร์ทโฟนในท้องตลาด ถือว่าเกินคุ้ม.
ที่มา เดลินิวส์

โนเกีย เอ็น 8 มีดีที่กล้อง


หลังจากเปลี่ยนผู้บริหารใหม่เบอร์หนึ่งคนใหม่ โนเกียก็ส่งโทรศัพท์มือถือเอ็น 8 วางตลาดทั่วโลก

นักวิเคราะห์ในต่างประเทศพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เอ็น 8 เป็นโทรศัพท์มือถือที่โนเกียคาดหวังว่า พอจะเอามาเบรกความร้อนแรงของไอโฟนและแบล็คเบอร์รี่หรือบีบีได้บ้าง

สำหรับในเมืองไทย เอ็น 8 ได้รับการพูดถึงค่อนข้างกว้างขวาง ด้วยเหตุผลด้านราคาประมาณหมื่นกลาง ๆ และดีไซน์ที่ดูดี

โนเกีย เอ็น 8 เป็นโทรศัพท์มือถือรองรับ 3 จี รวมถึงควอดแบนด์ และ WCDMA จอระบบสัมผัส 16.7 ล้านสี คมชัดสุดยอด เพราะเป็น จอ OLED ขนาดหน้าจอ กว้าง 3.5 นิ้ว จอใหญ่กินพื้นที่ไปจนถึงขอบตัวเครื่อง แต่ไม่ได้ทำให้เครื่องใหญ่เทอะทะ อยู่ในระดับพอดีมือ

เอ็น 8 เป็นโทรศัพท์มือถือตัวแรกของโนเกียที่ใช้ระบบปฏิบัติการซิมเบี้ยน 3 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ โนเกียออกแบบมาสำหรับการใช้งานระบบสัมผัสล้วน ๆ หน่วยความจำในตัวเครื่อง 16 กิกะไบต์และเพิ่มได้สูงสุดอีก 32 กิกะไบต์

จุดเด่นของเอ็น 8 นั้น อยู่ที่ความสามารถของตัวเครื่องที่ทำอะไรได้สารพัด เช่น มีระบบดาวเทียมบอกตำแหน่ง กล้องดิจิทัล 12 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชซีนอนที่สว่างไสว มาก ๆ ถ่ายวิดีโอหรือภาพนิ่งในที่มืดได้สบาย ๆ และพร้อมระบบจดจำใบหน้าอัตโนมัติ ซูม 2 เท่า ถ่ายภาพสถานที่โปรดแล้วแนบพิกัดส่งไปให้เพื่อนก็ได้ทันที

สำหรับคนที่ชอบถ่ายวิดีโอ เอ็น 8 มีโปรแกรมปรับแต่งรูปถ่าย หรือโฟโต้ อิดิท เตอร์ โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ หรือวิดีโอ อิดิท เตอร์ หากต้องการสร้างหนังสั้นสักเรื่อง หรือทำวิดีโอส่วนตัว หลังจากถ่ายภาพที่ต้องการก็นำมาตัดต่อผ่านโปรแกรมตัดต่อวิดีโอได้แบบง่าย ๆ แถมยังใส่เพลงประกอบได้ด้วย โหมดถ่ายวิดีโอของเอ็น 8 นั้นออกแบบเหมือนกล้องแคมคอร์ดเตอร์ชั้นดีเลยล่ะ คุณภาพของภาพที่ออกมาก็คมชัดฉายบนจอทีวีได้สบาย ๆ ไม่มีแตก

ในกล่องยังมีพอร์ตสำหรับเอชดีเอ็มไอ มาให้ด้วย พร้อมพอร์ตเพิ่มหน่วยความจำในตัวเครื่องกรณีที่หน่วยความจำเต็ม ก็สามารถให้ระบบจัดการไฟล์ต่าง ๆ แล้วจะได้หน่วยความจำเพิ่มขึ้นมากพอสมควร

เอ็น 8 ก็เหมือนโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนสารพัดประโยชน์ที่มีความสามารถติดตัวเหมือน เป็ด แต่มีจุดเด่นที่กล้องและจอสัมผัสที่รวดเร็วไม่แพ้คู่แข่ง ความเร็วของตัวเครื่องก็อยู่ในระดับน่าพึงพอใจ แถมราคาก็ไม่โหดร้ายจนเกินไป.

ปรารถนา ฉายประเสริฐ
prathana.chai@gmail.com
ที่มา dailynews

My3D กล้องราคาถูกเพื่อโลก 3D

ผลิตภัณฑ์ใหม่ของค่าย “Hasbro” เพื่อผู้บริโภคที่สนใจเทคโนโลยี 3D “ My3D” ที่ทำมาสนับสนุนการใช้งานบนไอโฟนและไอพอด ทัช กำหนดวางจำหน่ายปีหน้าในราคา 30 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 900บาท ลักษณะคล้ายคลึงกับของเล่นที่ชื่อ ViewMaster ของ Mattel เมื่อ 40 ปีก่อนเลยทีเดียว สำหรับคอนเทนต์ที่จะมาสนองต่อการใช้งานของเจ้า My3D จะครอบคลุมทั้งส่วนของการเล่นเกม,การท่องเที่ยวแบบเสมือนจริง และคอนเทนต์ความบันเทิงอื่นๆ โดย Hasbro ระบุว่า การพัฒนาอุปกรณ์ดังกล่าวได้รับคำแนะนำมาจากแอปเปิลอีกที ผู้ที่สนใจก็จะสามารถเลือกแอปลิเคชันที่สามารถใช้งานร่วมกับ My3D ได้จากแอปป์ สโตร์ของแอปเปิล ตัวซอฟต์แวร์จะมีหลายระดับราคาให้เลือก และบางแอปป์ก็ฟรี Hasbro วางกลุ่มเป้าหมายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ พร้อมกับมีบริษัทผู้ผลิตคอนเทนต์หลายแห่งร่วมหนุนทำแอปป์ 3D มาเสริม ไม่ว่าจะเป็นดรีมเวิร์กส์,ดิสคัฟเวอรี เน็ตเวิร์ก,โซนี่ และไอแม็กซ์ ลักษณะของแอปป์จะเป็นพวกตลิปหนัง,วิดีโอเบื้องหลัง ,เกมดำน้ำศึกษาชีวิตใต้น้ำสำหรับเด็ก หรือเกมชูตเตอร์ในกาแล็กซี่ นอกจากนี้ยังร่วมมือกับ LA Inc. เพื่อสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบเสมือนจริงในการเข้าไปชม Wax Museum กับ Santa Monica Pier
ที่มา Manager

อุปกรณ์เสริมiPhone Stand ขาตั้งที่ไม่ใช่แค่ขาตั้งอีกต่อไป

Sanko ผู้ขายอุปกรณ์เสริมสำหรับโทรศัพท์ iPhone เริ่มตีตลาดอีกครั้ง คราวนี้สร้างความประหลาดใจไม่น้อยให้กับขาตั้ง Sanko Thanko สำหรับ iPhone ที่มาพร้อมลำโพง 2W สามารถเป็นที่ชาร์จไฟนอกจากนี้ยังสามารถหมุนได้ 135 องศา มีแบตเตอรี่ในตัว น้ำหนักรวมเพียงแค่ 312 กรัม ขนาด 125 x 65 x 66 มิลลิเมตร เท่านั้นเอง สามารถใช้ได้กับ iPhone 3G และ iPhone 3GS เท่านั้น
ที่มา mobilemag

iPhone 3GS สามารถใช้งาน FaceTime ได้แล้ว !

iPhone 3GS สามารถใช้งาน FaceTime ได้แล้ว ตอนนี้ iPhoneIslam.com ได้ปล่อย app ที่ชื่อ FaceIt-3GS ออกมาแล้ว โดยเครื่อง iPhone 3GS ที่สามารถใช้งานได้นั้น จะต้องเป็นเครื่องที่เจลเบรกแล้วเท่านั้น

สำหรับใครที่มีเครื่อง iPhone 3GS ที่ทำการเจลเบรกแล้ว ก็ให้เข้าไปที่ Cydia แล้วทำการแอด repo ไปที่ http://apps.iphoneislam.com และทำการค้นหา app ที่ชื่อว่า FaceIt-3GS และทำการ install และ reboot เครื่อง เท่านี้ก็สามารถใช้งาน FaceTime บน 3GS ได้แล้ว

ที่มา Phonemove

ViewSonic ViewPad 10 แท็บเล็ตสองระบบ

ViewSonic ViewPad 10 คอมพิวเตอร์แท็บเล็ต สองระบบปฏิบัติการ เลือกใช้งานได้ทั้ง Android 1.6 และ Windows 7 Home Premium หน่วยประมวลผล Intel® Atom™ ความเร็วที่ 1.66 GHz, RAM 1 GB, SSD hard drive 16 GB เพิ่มเติมการ์ดหน่วยความจำ MicroSD หน้าจอแสดงผลระบบสัมผัสมัลติทัช capacitive ขนาด 10.1 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 600 พิกเซล กล้องหน้า 1.3 ล้านพิกเซล พร้อมไมโครโฟนในตัว เหมาะกับการใช้งานสื่อสารประชุมทางไกลออนไลน์ จัดการไฟล์เอกสาร รับชมความบันเทิงเคลื่อนที่ สนับสนุนการเชื่อมต่อ Wi-Fi
ViewPad 10 เริ่มวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 1 ปี 2011 ราคาประมาณ 18,700 บาท (629 ดอลล่าร์)

ViewSonic ViewPad 10 แท็บเล็ตสองระบบ
ที่มา siamphone

ICOO E600P พกพาความบันเทิงไปกับคุณได้ทุกที่

ICOO E600P เครื่องเล่นมีเดียแบบพกพาหรือ PMP (Portable Media Player) ออกแบบมาในรูปทรงของ Tablet จอสัมผัส ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 800 x 480 พิกเซล แสดงผลมุมมองกว้าง 16:9 รองรับการเล่นวีดีโอความละเอียด Full HD 1080p รูปแบบไฟล์ MKV, MOV, RMVB, RM, AVI, PMP, DAT, FLV, VOB, MP4, MPG, 3GP เครื่องเล่นเพลง รูปแบบไฟล์ MP3, WMA, WAV, FLAC, APE, AAC, OGG เครื่องเล่นวิทยุในระบบ FM รองรับไฟล์รูปภาพ JPEG, BMP, PNG, GIF และ สนับสนุนไฟล์เอกสาร TXT, PDF หน่วยความจำในตัว 8 GB เพิ่มเติมได้ด้วยการ์ด microSD เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ผ่าน USB 2.0 สนับสนุน TV-out สำหรับส่งภาพออกโทรทัศน์

ICOO E600P พกพาความบันเทิงไปกับคุณได้ทุกที่
ที่มา news.siamphone

Creative ZEN Touch 2 ความบันเทิงพกพาบน Android OS

Creative ZEN Touch 2 ความบันเทิงพกพาบน Android OS
Creative Technology เปิดตัว ZEN Touch 2 เครื่องเล่นมัลติมีเดียพกพา PMP (Portable Media Player) ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 2.1 จอแสดงผล ระบบสัมผัส กว้าง 3.2 นิ้ว ใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านสัญญาณ Wi-Fi 802.11 b/g/n รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 2.1 กล้องดิจิตอล 2 ล้านพิกเซล สนับสนุนการ์ดหน่วยความจำ microSD ผลิตออกมา 2 รุ่น โดยในรุ่นพิเศษ จะเพิ่มเติมระบบนำทางจีพีเอส, เข็มทิศดิจิตอล และ เครื่องเล่นวิทยุ FM

คุณสมบัติ Creative ZEN Touch 2

จอแสดงผล ระบบสัมผัส ความละเอียด 480 x 320 พิกเซล กว้าง 3.2 นิ้ว
ระบบเซนเซอร์ Accelerometer
ระบบปฏิบัติการ Android 2.1
หน่วยความจำในตัว 8 GB หรือ 16 GB
รองรับการ์ดหน่วยความจำ microSD สูงสุด 32 GB
การเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 802.11 b/g/n, Bluetooth 2.1 +EDR
การเชื่อมต่อผ่านสาย mini USB, ชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, TV-out
ลำโพง และ ไมโครโฟนในตัว ระบบเสียงโมโน
กล้องดิจิตอล ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (Fixed focus)
รองรับไฟล์เสียง MP3, AAC, WMA9, FLAC, OGG, ADPCM, MIDI, WAV, Audible Format
รองรับไฟล์วีดีโอ H.264, MPEG4, WMV9, AVI
รองรับไฟล์รูปภาพ JPG, BMP, PNG
เครื่องเล่นวิทยุ FM, ระบบนำทาง GPS และ เข็มทิศดิจิตอล (สำหรับรุ่นพิเศษเท่านั้น)
เล่นเพลงนานสูงสุด 25 ชั่วโมง
ชมวีดีโอนานสูงสุด 5 ชั่วโมง
ขนาด 120 x 60 x 13 มิลลิเมตร
ที่มา Siamphone

Creative ร่วมเดือดในศึก Tablet ส่ง ZiiO ทั้ง 7 นิ้ว และ 10 นิ้ว เสียง X-Fi ด้วย

Creative หลังจาก Apple ออก iPad ออกมาก็เดือดระอุเป็นไฟ กับอุปกรณ์ประเภทใหม่ที่รูปร่างเหมือนมือถือจอสัมผัสขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า Tablet มีหลายแบรนด์ก็ได้เปิดตัว Tablet ของตัวเองออกมตามมาอีกมากมาย ทั้งแบรนด์เล็กแบรนด์ใหญ่ ล่าสุดนี้ก็มีอีกแบรนด์ที่ทนดูชาวบ้านเปิดตัวกันไปไม่ได้แล้ว เลยขอเปิดของตัวเองกับเค้ามั่ง คือ Creative นั่นเอง แบรนด์นี้ก็น่าจะเป็นที่รู้จักกันสำหรับใครหลายๆคน ที่ใช้งานหรือคลุกคลีอยู่กับวงการสินค้า IT บ้านเรา เป็นแบรนด์ที่โด่งดังเรื่องการทำอุปกรณ์เกี่ยวกับเสียง ไม่ว่าจะเป็นการ์ดเสียงสำหรับเครื่อง Desktop และ Notebook, เครื่องเล่น MP3 พกพา ที่เรียกได้ว่าคู่คี่ สูสี กับ iPod ในช่วงที่เครื่องเล่น MP3 เริ่มเป็นที่นิยมกันเลย หรือจะเป็นหูฟังที่เรื่องเสียงก็ไม่เป็นรองใคร และลำโพงด้วย แต่ตอนนี้เหมือนจะเห็นช่องทางใหม่ที่จะขยายตลาดสินค้าขึ้นมาเพิ่มอีก คือเครื่อง Tablet มีชื่อเรียกว่า ZiiO มีด้วยกัน 2 ขนาด อันแรกเป็น หน้าจอขนาด 7 นิ้ว ความละเอียด 840 x 400 น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 400 กรัม ราคาสำหรับตัว 8 GB อยู่ราวๆ 9,610 บาท และ 16 GB ที่ราวๆ 10,575 บาท และอีกขนาดคือ 10 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอจะอยู่ที่ 1024 x 768 น้ำหนัก 650 กรัม ราคา 8 GB ประมาณ 10,204 บาท และ 16 GB ประมาณ 12,990 บาท (ราคาทั้งหมดแปลงจากค่าเงินปอนด์อังกฤษ) ทั้ง 2 ตัวจะใช้ชิปประมวลผล Ziilabs ZMS-09 ระบบเสียง Creative X-Fi ที่เป็นที่รู้จักกันดี จอสัมผัสเป็นแบบ Resistive ใช้ระบบ Android 2.1 มีบลูทูธ 2.1 +EDR และ WiFi รวมทั้ง Accelerometer พอร์ต mini USB, ช่องใส่การ์ด SD
Creative ร่วมเดือดในศึก Tablet ส่ง ZiiO ทั้ง 7 นิ้ว และ 10 นิ้ว เสียง X-Fi ด้วย
ที่มา NotebookSpec

เจาะ 7 ความสามารถใหม่ใน Apple iOS 4.2

เรียกเสียงฮือฮาทันทีที่มีข่าวว่าแอปเปิลลงมือแจก iOS 4.2 เวอร์ชันเต็มหรือ Gold Master แก่นักพัฒนาแอปพลิเคชัน ให้ดำเนินการทดสอบตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน ก่อนที่ iOS 4.2 จะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปได้ดาวน์โหลด ต่อไปนี้คือ 10 ความสามารถใหม่ที่จะทำให้แท็บเล็ต iPad, สมาร์ทโฟน iPhone และเครื่องเล่นเพลง iPod สามารถทำงานได้ลื่นไหลมากขึ้น

เบื้องต้น บทสรุปจากเว็บไซต์ต่างประเทศย้ำว่า iOS เวอร์ชันทดสอบสามารถทำให้ iPad ใช้งานความสามารถที่เคยมีเฉพาะใน iPhone เท่านั้นได้ เช่น ความสามารถในการทำงานหลายโปรแกรมพร้อมกัน (multi tasking), กล่องอีเมลหลายค่ายไร้รอยต่อ (unified email inbox), เข้าสู่แหล่งโหลดเกม Game Center และการสร้างโฟลเดอร์หรือแฟ้มข้อมูล เช่นเดียวกับผู้ใช้ iPod Touch ที่จะสามารถเข้าถึง Game Center ได้อย่างสะดวก

1. ตัวช่วยผู้ปกครองใหม่ - iOS 4.2 ถูกรายงานว่าเปิดทางให้พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถปิดกั้นการใช้งานฟีเจอร์หรือแอปพลิเคชันทั้ง YouTube, Camera, FaceTime, iTunes ได้ รวมถึงการติดตั้ง-ลบโปรแกรม การเปลี่ยนแปลงชื่อบัญชีในการใช้งาน และข้อมูลตำแหน่งหรือโลเคชัน อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ยังไม่สามารถทำงานบนไอแพดเช่น การควบคุมกล้องถ่ายภาพ

2. แต่งริงโทนได้เอง - นี่คืออีกหนึ่งความสามารถที่เพิ่มมาสำหรับกลุ่มผู้ใช้ iPhone เท่านั้น ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเสียงริงโทนของตัวเองได้อย่างเป็นเอกลักษณ์จากระบบเสียงหลักใน iPhone

3. รองรับ MIDI - นี่ถือเป็นความสามารถที่อาจทำให้นักพัฒนาโปรแกรมตื่นต้น เพราะเฟรมเวิร์ก MIDI จะทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างโปรแกรมที่เกี่ยวกับดนตรีได้หลากหลายบนอุปกรณ์ของแอปเปิล

4. โทร FaceTime สุดง่าย - รายงานระบุว่าระบบปฏิบัติการ iOS ใหม่จะมีปุ่มในแอปพลิเคชัน SMS ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถกดเพื่อทำวิดีโอคอลล์บน FaceTime ได้โดยตรง

5. ดึงผู้ใช้เข้า iTunes - หากผู้ใช้ชมวิดีโอที่ชื่นชอบบน YouTube หรือบนแอปพลิเคชันชมวิดีโออื่น รายงานระบุว่า iOS 4.2 จะมีลิงก์ดึงผู้ใช้ให้เข้าไปเลือกดาวน์โหลดวิดีโอลักษณะเดียวกันบน iTunes ด้วย

6. เสิร์ชยาวบน iPad - ผู้ใช้จะสามารถใช้ "ส่วนหนึ่งของบทความ" ในการค้นหาบน iPad ในกรณีที่ต้องการค้นหาบทความขนาดยาว

7. รองรับ AirPlay - แอปพลิเคชันที่ทำให้ผู้ใช้อุปกรณ์พกพาของแอปเปิลสามารถ "สตรีม" หรือส่งข้อมูลคอนเทนต์จาก iPad มาแสดงยังอุปกรณ์ที่รองรับ AirPlay จะทำให้ผู้ใช้ iPad สามารถส่งข้อมูลวิดีโอหรือเพลงที่กำลังเล่นอยู่ มาแสดงผลบนคอมพิวตอร์ผ่านโปรแกรม iTunes ได้

ยังมีความสามารถอื่นๆ อีกที่หลายเว็บไซต์ระบุว่าจะมาพร้อม iOS 4.2 ใหม่ เช่น ตัวปรับระดับเสียงในแถบแสดงโปรแกรมที่เปิดใช้งานพร้อมกันในขณะนั้น (multitasking bar) และการเพิ่มปุ่มสร้างบัญชีผู้ใช้งาน Apple ID ในหน้าโปรแกรม Mobile Me ซึ่งหากเป็นไปตามแผน เชื่อว่าความสามารถทั้งหมดนี้จะถูกส่งตรงถึงสาวกไอโฟนในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ฟรีบริการเก็บสถิติเว็บไซด์ FlashSanook แฟลชเกมสนุกของคนออนไลน์